สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 248
บทที่ 248 ที่แท้ความจริงเป็นแบบนี้นี่เอง
เซิ่งเจิ้นอวิ๋นฉวยโอกาสที่กระแสสังคมกำลังเป็นประโยชน์ต่อเขา จนมาพบกับพ่อของเธอ ขอร้องให้เขาช่วยว่าความทำคดีนี้ให้ เพื่อหาคนที่ใส่ร้ายบริษัทเซิ่งซื่อ ตอนนั้นพ่อเธอเองก็รับปากเขาไป
เมื่อได้ฟังเรื่องราวในอดีตของพ่อจากคำบอกเล่าของคนอื่น ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกตื่นเต้นจนในมือเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา เหมือนกับเรื่องที่เกิดกับพ่อของเธอนั้น ได้มาถูกฉายเหมือนภาพยนตร์ต่อหน้าหล่อนนี้เอง
“แล้วผลเป็นยังไง พ่อชนะคดีมั้ย” เสิ่นอีเวยฟังจนรู้สึกลุ้นตามไปด้วย จึงหลุดปากถามเสิ่นเหยียนชิ่งออกมา
“แน่นอนว่าชนะ ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสนิทสนมกันมากขึ้น เดิมทีด้วยนิสัยของพ่อเธอแล้ว เขาไม่ใช่คนที่อยากจะไปคบค้าสมาคมกับพวกนักธุรกิจ”
แต่เพราะมาเป็นทนายความแล้ว บวกกับความสามารถในการว่าความคดีแพ่งทางธุรกิจการค้าต่างๆ ทำให้เขาได้รู้จักกับนักธุรกิจมากมาย
เรื่องของอดีตประธานบริษัทเซิ่งซื่ออย่างเซิ่งเจิ้นอวิ๋นหลบเลี่ยงภาษีนั้นก็พลิกกลับตาลปัตรไป หลังจากที่ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว กลับเกิดเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของสังคมขึ้นมาอีก
เสิ่นอีเวยนั่งยืดตัวตรงขึ้นมาอีก หลังจากคิดว่าจะผ่อนคลายลงไปบ้างเพราะคำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่งทำให้หล่อนตื่นตระหนกขึ้นมาอีก
เพราะเรื่องที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นหลบเลี่ยงภาษีนั้นไม่ได้มีใครใส่ร้ายป้ายสี แต่เป็นเพราะเขาทำอย่างนั้นจริง
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นช่วงแรกเซิ่งเจิ้นอวิ๋นก็กุเรื่องว่าเขาถูกใส่ร้าย บวกกับการที่เขาซื้อสื่อสำนักหนึ่งมาทำข่าว จนประสบความสำเร็จกลายเป็นผลดีกับตัวเอง
แต่หลังจากที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นถูกเปิดโปงว่าสร้างหลักฐานเท็จ ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทจากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่โชคดีพลิกวิกฤตกลับมาเป็นโอกาสได้แล้วนั้น ยิ่งย่ำแย่ลงไปถึงจุดต่ำสุด
และครั้งนี้มีหลักฐานมาจากหลายๆช่องทาง ทำให้ยืนยันได้ชัดเจนว่าเซิ่งเจิ้นอวิ๋นมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีจริง
หลังจากที่พ่อเธอทราบเรื่องนี้ เขาโกรธมาก รู้สึกว่าตัวเองถูกเซิ่งเจิ้นอวิ๋นหลอกใช้ การว่าความในครั้งนั้นตนก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของทนายความที่ดีด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกผิดตลอดมา
สุดท้าย พ่อของเธอก็ตัดสินใจที่จะเปิดโปงข้อมูลที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นติดต่อเขาในตอนแรก และเตรียมที่ออกมาขอโทษสังคมในฐานะทนาย เพื่อเป็นการไถ่โทษ
เสิ่นอีเวยได้ฟังมาถึงตรงนี้ ในใจบีบรัดขึ้นเล็กน้อย หล่อนอยู่กับพ่อมาหลายปี จึงรู้จักนิสัยใจคอของพ่อดี ช่วงนั้นเขาก็อายุร่วม50ปีแล้ว แต่ในชีวิตเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น
แม้จะผ่านมานานแล้ว แต่หล่อนยังคงจำได้ดี พ่อเคยพูดกับหล่อนว่า อาชีพทนายเป็นความศรัทธาของเขา เพื่อที่จะไม่ทอดทิ้งมวลมนุษย์ เป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เขายอมสละเวลาและพลังทั้งหมดเพื่อทำมันอย่างเต็มที่
ดังนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่เสิ่นเหยียนชิ่งพูดเมื่อครู่ ที่ว่าพ่อของหล่อนเตรียมจะเปิดโปงเซิ่งเจิ้นอวิ๋น ในใจหล่อนก็รู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาแล้ว
ด้วยนิสัยเถรตรงและเต็มที่กับงานของพ่อเธอแล้ว ถ้ารู้ว่าถูกเซิ่งเจิ้นอวิ๋นหลอกใช้ให้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทกลับมา เขาจะไม่มีวันยอมแน่นอน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะเปิดโปงแผนชั่วของอีกฝ่าย
แต่เสิ่นอีเวยสังเกตจากเซิ่งเจ๋อเฉิงก็พอจะมองออกว่านักธุรกิจที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงนี้มานาน ทุกคนล้วนใจเด็ดโหดเหี้ยม
นักธุรกิจผู้มีอิทธิพลจะมีลักษณะนิสัยพิเศษที่เห็นเด่นชัดก็คือโหดเหี้ยมเด็ดเดี่ยว ใช้หลักถอนรากถอนโคน
เสิ่นอีเวยกับเซิ่งเจิ้นอวิ๋นมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยมาก นอกจากเมื่อสามปีก่อนในงานแต่งงานของหล่อนกับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ได้พบเขาอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะมีแต่ช่วงเทศกาลสำคัญที่คนตระกูลเซิ่งจะมาพบปะกันบ้างถึงจะได้พบญาติผู้ใหญ่อย่างท่าน
ดังนั้นหล่อนจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย แต่ถ้าหากดูตามลักษณะนิสัยทั่วไปของนักธุรกิจแล้ว ตอนนั้นเขาไม่มีทางปล่อยคนที่คิดจะเปิดโปงเขาต่อสาธารณชนแน่นอน
มือของเสิ่นอีเวยที่วางบนขาหล่อนนั้นกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ หล่อนเอ่ยปากถามขึ้นว่า: “แล้วเซิ่งเจิ้นอวิ๋นทำ
อย่างไร ดูจากลักษณะนิสัยเขาแล้วไม่น่าจะยอมให้พ่อเปิดปากพูดแน่นอน”
เสิ่นเหยียนชิ่งตอบว่า: ” ในตอนนั้นพ่อของเธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงทนาย ดังนั้นไม่มีใครกล้ามาเล่นงานเขาซุ่มสี่ซุ่มห้าหรอก เซิ่งเจิ้นอวิ๋นก็เหมือนกัน”
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจ แต่เขาก็ไม่กล้าเล่นงานพ่อเธอโดยตรง จึงเลือกใช้วิธีสกปรกมาแก้แค้นพ่อของเธอ”
หัวใจของเสิ่นอีเวยเต้นรัวแรง รีบถามเขาว่า: “วิธีอะไร”
เมื่อรู้ว่าพ่อเธอจะเปิดโปงพฤติกรรมชั่วร้ายของตัวเอง เขาก็แกล้งทำเป็นเห็นด้วยและสนับสนุนพ่อเธอ
คิดว่าคนที่เป็นต้นแบบในแวดวงธุรกิจ เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ ก็ไม่ควรจะต้องรอให้คนอื่นมาเตือนแต่ควรจะยอมรับผิดด้วยตนเอง พ่อเธอเป็นคนจิตใจดี บวกกับน้ำเสียงท่าทางที่ดูจริงใจเซิ่งเจิ้นอวิ๋น พ่อเธอก็เลยเชื่อคำพูดเขา
แต่ใครจะไปรู้ว่าเซิ่งเจิ้นอวิ๋นมีแผนการอยู่แล้ว ในใจเขาโกรธแค้นพ่อของเธอ
ดังนั้นเขาจึงวางแผนจัดงานเลี้ยงที่บ้านของตัวเอง เชิญเพื่อนฝูงคนรู้จักในแวดวงต่างๆมาร่วมงาน ภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้ว เพื่อต้องงานให้พ่อเธอมาร่วมงานเพื่อจะได้มีโอกาสลงมือ
“หมายความว่ายังไง”เสิ่นอีเวยรีบถาม
ตอนนั้นเซิ่งเจิ้นอวิ๋นต้องการจะหาคนวางยาในแก้วเครื่องดื่มของพ่อเธอ อันที่จริงแล้วยานั้นก็ออกฤทธิ์เหมือนยานอนหลับทั่วไป แต่มีฤทธิ์ทำลายระบบย่อยอาหาร มันจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีโดยเฉพาะกับเอทานอลภายในร่างกาย
เพราะในงานเลี้ยง แทบทุกคนล้วนดื่มแอลกอฮอล์ เขาอยากให้พ่อของเธอหมดสติหรืออาเจียน ทำให้พ่อเธอเสียหน้าต้องการใช้เรื่องนี้มาเตือนพ่อของเธอ
เสิ่นอีเวยได้ฟังยิ่งทวีความโกรธ ใครจะไปคิดว่าคนที่ยิ่งใหญ่อยู่เหนือคนอื่นอย่างเซิ่งเจิ้นอวิ๋น จะกล้าคิดวิธีสกปรกแบบนี้มาแก้แค้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เสิ่นอีเวยยังจับสังเกตจากคำบอกเล่าของเสิ่นเหยียนชิ่งได้
“ดังนั้นคนที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นใช้ให้ไปทำตามแผนการแก้แค้นพ่อก็คือคุณงั้นเหรอ” เสิ่นอีเวยแกล้งถามน้ำเสียงเรียบแฝงด้วยเยือกเย็นสงสัย
เสิ่นเหยียนชิ่งถูมือไปมา พยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก แต่เสิ่นอีเวยมองไม่เห็นว่าเขารู้สึกสำนึกผิดแม้แต่น้อย อย่างนี้ยิ่งทำให้ไฟโกรธในใจหล่อนพวยพุ่งขึ้นมา
“ทำไมเซิ่งเจิ้นอวิ๋นถึงเลือกคุณ”น้ำเสียงหล่อนเรียบเฉย โหดเหี้ยม
เซียวหันถิงที่นั่งอยู่ข้างๆมองเสิ่นอีเวยที่มีท่าทีเย็นชา ในใจก็ไม่หยุดคิดว่า หล่อนช่างเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงๆ แม้ว่าเซิ่งเจิ้นอวิ๋นจะเป็นพ่อสามี แต่หล่อนก็ยังคงถามถึงเซิ่งเจิ้นอวิ๋นอย่างระแวงสงสัย
เมื่อได้ยินเสิ่นอีเวยถามคำถามนี้แล้ว สีหน้าของเสิ่นเหยียนชิ่งก็เปลี่ยนไปจากเดิม แล้วเหลือบมองไปยังเซียวหันถิง สายตาของฝ่ายหลังแฝงไปด้วยความดุดันเคร่งครัดก่อนจะพูดว่า: “คุณอย่าลืมนะว่าตกลงอะไรไว้กับผม คุณต้องบอกเรื่องราวความเป็นไปทั้งหมดอย่างละเอียดกับคุณเสิ่น”
ไม่มีหนทางอื่น เสิ่นเหยียนชิ่งได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วเล่าต่อไป
ตอนที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นมาหาฉัน ฉันก็ตกใจอยู่ไม่น้อย เขาบอกว่าหากเขาหาคนวางยาด้วยตนเองจะทำให้เขาเสี่ยงเกินไป จึงเลือกที่นะมาหาฉัน