สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 249
บทที่ 249 ที่แท้ความจริงเป็นแบบนี้นี่เอง
“ฉันสาบานว่าตอนนั้น ฉันไม่รู้จริงๆงว่าเขาใช้วิธีไหนถึงไปรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวฉันมาได้ละเอียดขนาดนั้น” เสิ่นเหยียนชิ่งเหมือนจะมีท่าทีตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงที่พูดก็ประหม่ากว่าเมื่อครู่นั้น
ตอนนั้นที่เขามาหาฉัน เขานำเช็คเงินสดสามล้านมา พร้อมกับยาขวดนั้น เขาพูดว่าฉันเป็นน้องแท้ๆของพ่อเธอ ถึงเวลาต่อให้เรื่องที่พวกเราทำถูกจับได้ หมดหนทางหนีแล้ว แต่ด้วยความสัมพันธ์ของฉันกับพ่อเธอ พูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อว่าฉันจะเป็นคนทำร้ายพี่ชายตัวเองจริงๆ บวกกับตอนนั้นเซิ่งเจิ้นอวิ๋นมีข้อเงื่อนไขที่ชัดเจน สามล้านเป็นค่าเหนื่อย หลังจากสำเร็จแล้วก็จะโอนให้ฉันอีกสองล้าน
เสิ่นอีเวยฟังมาถึงตรงนี้ ก็สัมผัสได้ว่าหัวใจของหล่อนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว สองมือของหล่อนกำหมัดแน่นสั่นเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเสิ่นอีเวย เสิ่นเหยียนชิ่งก็แกล้งทำตัวน่าสงสาร รีบอธิบายเป็นพัลวัน: “อีเวย ตอนนั้นอาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเซิ่งเจ๋อเฉิงทำร้ายพ่อของเธอนะ แต่ตอนนั้นบริษัทของอาอยู่ในจุดที่อับจนหนทางแล้วจริงๆ ถ้าไม่มีเงินทุนหมุนเวียนบริษัทของอาต้องล้มแน่นอน เพราะเหตุนี้อาถึงต้องยอมรับข้อตกลงของเซิ่งเจิ้นอวิ๋น อย่าโทษอาเลยนะ”
เสิ่นเหยียนชิ่งลนลานขอความเห็นใจจากเสิ่นอีเวย แต่เมื่อเสิ่นอีเวยมองใบหน้าที่น่ารังเกียจของเขา นับว่าหล่อนยังโชคดีที่ยังมีสติอยู่
เสิ่นอีเวยมองเสิ่นเหยียนชิ่งที่กำลังแก้ตัว แล้วแกล้งพูดทีเล่นทีจริงว่า: “ดังนั้นที่คุณพูดเมื่อกี้นี้หมายความว่าเงินห้าล้านนี่มันสำคัญกว่าความเป็นความตายของพี่ชายแท้ๆสินะ
เสิ่นเหยียนชิ่งรีบยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พร้อมพูดว่า: “ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะตอบตกลงเซิ่งเจิ้นอวิ๋นเหรอ”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบก็หันไปมองเซียวหันถิงที่อยู่ด้านข้างรีบทำท่าประจบสอพลอแล้วพูดว่า : “ถ้าตอนนั้นฉันได้เจอคนดีๆอย่างประธานเซียว ฉันคงไม่ต้องมาอยู่ในจุดที่ตกต่ำแบบนี้หรอกใช่มั้ยครับประธานเซียว”
เซียวหันถิงเงยหน้าขึ้นมาดูเสิ่นเหยียนชิ่งนิดนึงแต่ไม่มีท่าทีสนใจเขา เสิ่นเหยียนชิ่งรู้สึกหน้าแตกจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกว่าคำพูดของเขาเมื่อสักครู่เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่จึงถามด้วยความสงสัยว่า: “เมื่อกี้ที่คุณพูดหมายความว่า ระหว่างพวกคุณสองคนมีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”
พูดจบหล่อนก็หันไปมองเซียวหันถิงที่อยู่ข้างๆ
มือที่แก้วน้ำชาอยู่ชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบตาของเสิ่นอีเวยพอดี แต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรให้เขาเป็นฝ่ายพูด ดังนั้นเขาจึงฉวยจังหวะที่เสิ่นอีเวยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาจึงส่งสัญญาณให้กับเสิ่นเหยียนชิ่ง
อีกฝ่ายเห็นสายตาของเขา ก็เข้าใจได้ในทันที
เสิ่นเหยียนชิ่งตอบว่า: “เรื่องมันเป็นแบบนี้ ประธานเซียวต้องการสืบหาเบาะแสเรื่องพ่อแม่ของเธอ ก็เลยสืบมาจนถึงตัวฉัน และฉันก็รู้เรื่องทั้งหมดดี ดังนั้นเมื่อประธานเซียวขอร้องฉันก็ต้องรับคำขอร้องเขา สามารถรับใช้คนอย่างประธานเซียวได้ถือว่าเป็นเกียรติของผมอย่างยิ่ง
เสิ่นอีเวยมองเซียวหันถิงด้วยสีหน้าที่สับสน คนอย่างเซียวหันถิงเขารู้ดีว่าจะหาประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างไร สำหรับเสิ่นเหยียนชิ่งนั้นถ้าหล่อนเดาไม่ผิดเขาก็จะต้องได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน
ดังนั้นพวกเขาสามคนถึงได้มานั่งพูดคุยกันอยู่ตรงนี้ได้
เรื่องที่จะช่วยหล่อนก็อีกเรื่อง แต่สำหรับเสิ่นเหยียนชิ่งทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น ตอนนี้หล่อนคิดไม่ออกจริงๆ รู้แค่ว่าไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้อให้หล่อนคิดอะไรมาก ฟังจากที่เขาเล่า เหมือนจะมีเรื่องอะไรต่อจากนี้อีก
เสิ่นอีเวยเลื่อนสายตามาที่เสิ่นเหยียนชิ่ง : “ดังนั้นหลังจากที่คุณรับข้อตกลงของเซิ่งเจิ้นอวิ๋นแล้ว เขาให้คุณทำอะไรบ้าง”
เพราะว่าเรื่องราวเกิดขึ้นใกล้เคียงกับเหตุการณ์ในคืนวันงานที่เกิดเรื่องทำให้เสิ่นอีเวยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หัวใจของหล่อนตัวรัวเร็วจนแทบจะหลุดออกมากข้างนอก ไม่รู้จะควบคุมให้สงบอย่างไร
เสิ่นเหยียนชิ่งพอเห็นว่าเสิ่นอีเวยไม่คาดคั้นเอาคำตอบเมื่อครู่เขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาจึงตอบหล่อนว่า: “จากข้อเสนอแนะของเซิ่งเจิ้นอวิ๋น ฉันก็ไปหาคนๆหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ลงมือแทนคนอื่นโดยเฉพาะ ให้เขาทำหน้าที่ล้างแค้นพร้อมกับยาขวดนั้น เขาปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟปะปนเข้าในงานเลี้ยงของบ้านตระกูลเซิ่ง หลังจากนั้นก็วางยาในแก้วของพ่อเธอ ตอนแรกเขาต้องการเล่นงานพ่อเธอแค่คนเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่พ่อเธอดื่มเครื่องดื่มในแก้วนั้นแล้ว เพราะในงานมีคนดื่มเป็นจำนวนมาก ทำให้บางทีก็เกิดหยิบสลับกัน ดังนั้นแม่ของเธอก็เลยหยิบผิดหยิบแก้วของพ่อเธอไปดื่ม
ฟังมาถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ขยับตัวยืนขึ้นเตรียมจะสาดชาจากแก้วชาในมือใส่เสิ่นเหยียนชิ่ง แต่ว่าเซียวหันถิงที่นั่งอยู่ข้างนั้นคอยสังเกตท่าทีของหล่อนโดยตลอดมองออกว่าอารมณ์หล่อนเปลี่ยนไปจึงไหวตัวรีบคว้าไว้ได้ทัน
เมื่อเห็นเสิ่นอีเวยกำลังบันดาลโทสะ เขาได้สติก็รีบคว้าแขนของหล่อนไว้ มือของหญิงสาวถูกมือใหญ่แข็งแรงยึดไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจสู้แรงของหญิงสาวตัวเล็กๆได้
ความจริงแล้วเสิ่นอีเวยแค่สงสัยระแวงในตัวเสิ่นเหยียนชิ่ง ไม่ได้คิดจะสาดใส่เขา ดังนั้นหล่อนจึงไม่รู้ตัวเลยว่ามือของหล่อนถูกยึดเอาไว้แล้วน้ำชาจากในแก้วกระฉอกออกมาบนโต๊ะ
นัยตาเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เสิ่นเหยียนชิ่งถูกมองจนเริ่มวิตก เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเล่าเมื่อครู่ จึงถามสิ่งที่ค้างคาในใจหล่อนออกมา “เสิ่นเหยียนชิ่งคุณที่แท้คุณมันก็โกหก เซิ่งเจิ้นอวิ๋นตกลงเอายาอะไรให้พ่อแม่ฉันกินกันแน่ ไม่ใช่ที่อย่างที่คุณเล่าเมื่อกี้แน่ มันคือยาอะไรกันแน่บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
เสิ่นเหยียนชิ่งเองก็ไม่คิดว่าเสิ่นอีเวยจะปฏิกิริยาตอบโต้เขาขนาดนี้
ร่างของเขาผงะถอยหลังชิดผนังเก้าอี้ เสิ่นอีเวยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพียงต้องการอยากจะเอาคำตอบจากเสิ่นเหยียนชิ่งเท่านั้น เซียวหันถิงยังยึดแขนหล่อนไว้แน่น
เสิ่นเหยียนชิ่งรีบอธิบาย: “ฉันไม่ได้โกหกนะ อีเวยเชื่ออาเถอะ”
แต่ตอนนี้เสิ่นอีเวยไม่มีทางสนใจคำอธิบายอะไรทั้งนั้น หล่อนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
เซียวหันถิงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูหล่อนว่า:”ใจเย็นๆก่อนอีเวย ฟังเขาเล่าให้จบก่อน”
การที่เซียวหันถิงเรียกชื่อหล่อนแบบนี้จริงๆหล่อนรู้สึกไม่คุ้นเคยเลย แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ หล่อนจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
คำเตือนของเซียวหันถิงถือว่ายังพอเป็นประโยชน์อยู่บ้าง เสิ่นอีเวยค่อยๆเริ่มสงบลง
เสิ่นเหยียนชิ่งเห็นเซียวหันถิงปลอบเสิ่นอีเวยจนสงบลง “ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนะ ตอนนั้นยาเซิ่งเจิ้นอวิ๋นให้เป็นแค่ยานอนหลับและทำให้อาเจียนเท่านั้น และยังทำให้เกิดอาการนั้นพร้อมกันด้วย เขาบอกฉันแบบนั้นจริงๆ”
ความอ่อนไหวของเสิ่นอีเวยถูกคำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่งทำลายไปหมด: “สรรพคุณของยานั้นเซิ่งเจิ้น
อวิ๋นเป็นคนบอกคุณเองงั้นเหรอ”
เสิ่นเหยียนชิ่งพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ได้ยังไงว่าเซิ่งเจิ้นอวิ๋นไม่ได้โกหกคุณ คุณยังจำชื่อยาได้มั้ย”เสิ่นอีเวยถามเขา
เสิ่นเหยียนชิ่งถูกซักจนสมองเลอะเลือนไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว:”เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้วฉันจะไปจำชื่อยาได้ยังไง