สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 252
บทที่ 252 ผมเพียงแต่อยากจะมีคุณ
สองคนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ในห้องมีความเงียบเป็นอย่างมาก ได้ยินเพียงแต่เสียงข้างนอกที่ผ่านเข้ามาและเสียงเบา ๆ
เซียวหันถิงได้มองไปยังเสิ่นอีเวยแล้วพูดว่า “คุณ”
ตัวอักษรง่าย ๆ ตัวเดียวแต่กลับมีน้ำหนักที่ยากเกินอาจจะชั่งเดาได้ แม้แต่ใจก็รู้สึกตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน
แต่มาถึงตอนนี้ เสิ่นอีเวยก็ตกใจแปลก ๆ แต่เธอไม่เข้าใจความหมายของเซียวหันถิง แต่ยังรู้สึกถึงความไม่เหมือนปกติ เลยถามด้วยความสงสัยว่า “ประธานเซียว ขอให้คุณพูดชัดเจนกว่านี้ได้ไหม ? ”
เซียวหันถิงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “หืม ? คุณหญิงเสิ่นฟังแล้วแต่มันไม่ชัดเจนงั้นหรือ ? งั้นผมพูดอีกครั้งก็ได้ เรื่องของเสิ่นเหยียนชิ่ง ผมไม่อยากได้เงินของคุณ แต่ผมอยากได้ตัวคุณ”
แน่นอนว่าคนในนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่เสิ่นอีเวยคนเดียว คำพูดเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เธอนั้นตกใจถึงขีดสุด และทำให้เธอนั้นไม่สบายใจ ซึ่งคำพูดของเซียวหันถิงนั้นมีความชัดเจนเป็นอย่างมาก
ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้ โดยตลอดมาเซียวหันถิงเป็นฝ่ายติดตามเสิ่นอีเวยตลอด ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นมาหลายครั้งแล้ว
ในหัวของเสิ่นอีเวยบินไปบินมา ซึ่งคิดว่าจะทำตัวอย่างไรดี สุดท้ายก็คือคิดออกได้แล้วว่าทุกครั้งที่ผ่านมานั้นเธอทำอย่างไร ก็ทำแบบนั้นไป
เสิ่นอีเวยได้คิดอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วได้คิดว่าถ้าหากทำแบบเดิมต่อ ๆ ไปก็คงไม่ใช่วิธีที่ดีอย่างแน่นอน
เสิ่นอีเวยได้คิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ประธานเซียว ฉันกำลังคิดเรื่องของสองเรา คุณคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ”
เซียวหันถิงหัวหันกลับมาแล้วมือนั้นถือชาอยู่นั้น เหมือนกับความร้อนของชานั้นทำให้ใจเริ่มร้อนระอุ
เสิ่นอีเวยพอพูดเสร็จ เหมือนเซียวหันถิงก็เหมือนจะคาดการณ์ไว้แล้วเป็นแบบนี้ เลยทำให้สีหน้าไม่ได้มีความร้อนรนอะไร ในเวลาต่อมาเขาก็เลยพูดว่า “ในเมื่อพวกเราพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมแล้ว คุณหญิงเสิ่น”
พอพูดถึงตรงนี้เซียวหันถิงก็ได้หยุดลง แล้วในใจของเสิ่นอีเวยก็ร็สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกำลังรอว่าเขากำลังจะพูดอะไร
“ผมชอบคุณ”
ผู้ชายที่หันมานั้นไม่มีท่าทีสีหน้าอะไรเลย
เรื่องราวบนโลกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก คนหนึ่งพูดกับอีกคนว่า “ฉันนั้นชอบคุณ” เพียงสีคำนี้ทำให้คน ๆหนึ่งมอบชีวิต มอบโชคชะตาให้กับคนนั้นไป ตัวอย่างเช่น เสิ่นอีเวยที่มีความรักต่อเซิ่งเจ๋อเฉิง
แต่ทำไมล่ะ ? เพราะอะไรเซียวหันถิงใช้สี่คำนี้พูดกับเสิ่นอีเวย แต่ทำไมในใจกลับไม่ตื่นเต้นอะไรเลย
เสิ่นอีเวยในใจทันใดนั้นก็รู้สึกถึงบางอย่าง ในความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนกับกำลังให้คนอื่นเป็นพยานในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกมา
พอคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนเธอทำกำลังจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ต้องอดทนไว้เพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
แต่ว่าเธอนั้นชัดเจนในตัวเองดี หากพูดคุยเรื่องนี้กับเซียวหันถิงไปเรื่อย ๆ แล้วจะหยุดยั้งอารมณ์ของตนเองนั้นไม่ได้เลย
ในเมื่อรู้ว่าพ่อแม่ของคนนั้นได้เจอกับอะไรมาบ้าง ฉะนั้นเธอก็ไม่อาจจะเหมือนกับเมื่อก่อนที่แย่ ๆ ได้อีกแล้ว เมื่อนำคำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่งมาวิเคราะห์ดูแล้ว ได้รู้ถึงเรื่องราวที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นได้ทำเรื่องราวต่ำช้ากับคนอื่นมากมาย แต่ที่เจ็บช้ำกว่านั้นคือเซิ่งเจิ้งอวิ๋นไม่ได้รับบทลงโทษจากกฎหมายเลย
เสิ่นอีเวยคิดถึงตรงนี้ก็โมโหจนทั้งตัวนั้นสั่นไปหมด แต่เธอยิ่งโมโหก็ยิ่งเสียใจ เพราะเซิ่งเจิ้นอวิ๋นมีฐานะที่พิเศษ หากเสิ่นเหยียนชิ่งที่พูดทั้งหมดเป็นความจริงแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่รู้เลยว่าจะใช้วิธีอะไรในการที่จะให้เซิ่งเจิ้นอวิ๋นมารับโทษจากกฎหมาย
และอีกทั้งเวลาผ่านไปนานมาก หากอยากจะได้หลักฐานอะไรก็คงจะลำบากมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นในชั่วเวลาครู่เดียวเสิ่นอีเวยก็ได้ทำการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องราวแผนการที่จะดำเนินต่อไป สำหรับเรื่องอาการไม่สบายของเธอ เหมือนกับในทันใดนั้นก็มีทิศทางที่สว่างจ้าขึ้นมา
เธอได้เงยหน้าไปมองเซียวหันถิง ด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง ทำให้เซียวหันถิงและคนรอบข้างนั้นก็ต้องเตรียมที่จะตั้งใจฟังได้ด้วย
“ประธานเซียว” เสิ่นอีเวยได้เปิดปากที่เต็มไปด้วยพละกำลัง
เซียวหันถิงได้วางถ้วยชาลง เหมือนกับกำลังตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ความคิดที่คุณมีแต่ฉัน ฉันรับไว้ในใจ แต่ว่า”
เสิ่นอีเวยน้ำเสียงได้พูดดังขึ้น เหมือนกับกำลังจะอธิบายเรื่องที่สำคัญ “ขอให้คุณนั้นยกโทษให้ฉัน ที่ไม่อาจจะตอบรับคุณได้ หนึ่งคือฉันแต่งงานแล้ว มีสามี มีครอบครัว ซึ่งคุณก็คงเข้าใจในส่วนนี้ หากพูดไปแล้วคนที่ประธานเซียวชอบนั้น ก็มีคนเก่งและคนที่ดีกว่าฉันมากมาย ลำดับสองคือ ฉัน…..ฉันไม่ได้มีความคิดอะไรต่อกับคุณเลย ฉันมองคุณเป็นเพื่อน และฉันก็ไม่อยากจะทำลายความเป็นเพื่อนเรา หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ ”
พอพูดเสร็จ เซียวหันถิงก็รู้สึกเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ และหน้าตาเกิดความไม่พอใจขึ้น เลยทำให้เสิ่นอีเวยมีความรู้สึกไม่มีความสบายใจ
เซียวหันถิงเป็นคนแบบไหน ?
แต่ที่แน่นอนคือเธอได้เห็นนิสัยอันน่ากลัวและบ้าคลั่งของเซิ่งเจ๋อเฉิงมาแล้ว แต่หากเปรียบเทียบกับเซียวหันถิงแล้ว ใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนกว่า ในส่วนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
แต่หากในความคิดของเสิ่นอีเวยแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงกับเซียวหันถิงเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว วิธิการต่าง ๆ นั้นเหมือนกัน ต่อให้ไม่เหมือนแต่ก็จะไม่รามือแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อเธอพูดไปแล้วในใจเธอก็รู้สึกตื่นเต้นและตระหนกเพราะอย่างน้อยก็ต้องทำให้ในใจของเซียวหันถิงโมโหไม่มากก็น้อย
ต้องรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เธอตัวคนเดียวไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้
ร้านน้ำชานี้เมื่อมองไปแล้วก็รู้ได้เลยว่าเป็นที่ของเซียวหันถิง คนฐานะอย่างพวกเขานั้นจะออกจะเข้าก็ต้องมีบอดี้การ์ด
ถึงแม้คำพูดเมื่อสักครู่นี้จะหนักหน่วง แต่เมื่อได้คิดวิเคราะห์อีกทีแล้ว ก็เป็นการดีที่จะวิเคราะห์สถานภาพความเป็นจริง