สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 260
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 260 คุณกำลังโกหก
เสิ่นอีเวยไม่ได้มีสีหน้าที่ชัดเจน เลยทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงอ่านใจเธอนั้นไม่ออก
และเสิ่นอีเวยก็ไม่ได้คิดจะถามต่อจากสิ่งเขาเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นตอบ ในระยะเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ห้ามให้ความคิดของตัวเองนั้นเอนเอียง
เสิ่นอีเวยก็ได้เพียงแต่ยิ้มลอย ๆ และได้ก็มีความเย็นชาอยู่ในนั้น
“สำหรับเรื่องที่ทำไมถึงถาม ประธานเซิ่งไม่จำเป็นต้องรู้ คุณเพียงแต่บอกให้ฉันฟังสำหรับเรื่องที่ฉันถามไปเมื่อสักครู่นี้อย่างละเอียดก็พอ”
เสิ่นอีเวยที่พูดออกไปเมื่อสักครู่นี้มีความไม่เหมาะสม เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นฟังออกอยู่แล้ว สายตาเขาก็เลยปรับอุณหภูมิลดลงมา
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ได้อ่านเอกสารอยู่นั้นก็ได้หยุดลงมา เวลาเหมือนกับถูกหยุดเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองเสิ่นอีเวยด้วยความน่ากลัว
เขาได้เดินไปยังเสิ่นอีเวย แล้วได้เอนตัวลง เอามือไปจับตรงที่ริมฝีปาก มองด้วยความเยือกเย็นแล้วพูดว่า “เสิ่นอีเวย ความกล้าของเธอนั้นยิ่งอยู่ยิ่งมากไปเสียแล้ว ใครสอนให้เธอนั้นกล้าดียังไงใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผม ?”
เสิ่นอีเวยในใจรู้ดีว่า ตัวเองนั้นทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงโมโห แต่สิ่งที่เขาเป็นวันนี้ เธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เขากลัวแม้แต่น้อย
เพราะว่าคิดไปถึงเรื่องพ่อแม่ของที่ตายไปที่เกี่ยวกับพ่อของผู้ชายคนนี้ เสิ่นอีเวยก็เต็มไปด้วยพลัง
หากพูดง่ายก็คือ ทั้งตระกูลเซิ่งซื่อรวมถึงผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอนั้น ก็อาจจะเป็นศัตรูของเธอทั้งหมด
เพียงแต่เรื่องราวยังไม่ได้ดำเนินถึงตรงนั้นก็เลยไม่ได้คิดอะไรเลยไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ได้บีบริมฝีปากเธอนั้น เสิ่นอีเวยก็ได้ออกแรงสะบัดมันออกมา
เธอได้ใช้ความกล้าในการมองเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างเยือกเย็น แล้วพูดว่า “ความกล้าของฉันมีเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่ให้ประธานเซิ่งมาพูดคำนวณ”
เสิ่นอีเวยก็ได้พูดแล้วหยุดลง แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อให้ระยะห่างเพิ่มขึ้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้มีสีหน้าที่น่าเกลียดมากยิ่งขึ้น
“ฉันขอเตือนประธานเซิ่งว่าอย่าอ้อมค้อมนักเลย เพราะว่าวันนี้ฉันมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน หากไม่ได้คำตอบที่พอใจแล้วล่ะก็ คงไม่รามือง่าย ๆ ตอนนี้ฉันคือคนที่ร่างกายมีแต่โรค และยังถูกบริษัทเซิ่งซื่อของคุณขับไล่ออกมา แล้วจะมีอะไรให้ฉันกลัวอีก ? แต่สำหรับคุณ เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทเซิ่งซื่อ เวลาของคุณนั้นล้ำค่ากว่าเวลาของฉันสินะ ใช่ไหม ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้ว สายตาที่บอกถึงการตักเตือน “คุณอยากจะทำอะไร ? ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็อยากจะดูว่า ฉันกับคุณใครจะอยู่ด้านกว่ากัน เมื่อสี่ปีก่อนในค่ำคืนงานของตระกูลเซิ่ง พ่อของคุณได้ให้คนปลอมเป็นบริกร และได้วางยาลงในแก้วเหล้าของพ่อฉัน ไม่รู้ว่าประธานเซิ่งรู้หรือไม่ ?”
เสิ่นอีเวยพูดเสร็จแล้ว ในใจแม้จะถูกสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น แต่ก็กลับแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ระเบิดอย่างไรเช่นนั้น
ตอนนี้รอเพลงเซิ่งเจ๋อเฉิงตอบกลับมา
เป็นไปดังคาด พอเธอพูดเสร็จ เซิ่งเจ๋อเฉิงใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความมืดมน
สำหรับเรื่องงานเลี้ยงตระกูลเซิ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นรู้อยู่แน่นอน รู้เยอะกว่าที่เสิ่นอีเวยคิดไว้ด้วยซ้ำ เสิ่นอีเวยมือขวาของเธอนั้นกำหมัดอย่างแน่นหนา
ในใจของเธอนั้นเจ็บปวดจนยากที่จะกลับคืนมาได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนมีดน้ำแข็งและพูดโจมตีเสิ่นอีเวยว่า “เรื่องนี้ ใครบอกคุณ ? คุณไปพบใครมาล่ะ ? ”
เสิ่นอีเวยตกใจไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าคำถามหลังนั้นหมายถึงอะไร เธอก็เลยไม่ได้คิดเอะใจอะไร
ในหัวสมองของเธอนั้นสับสนวุ่นวาย เรื่องราวที่เธอพบกับเสิ่นเหยียนชิ่งจะไม่ให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ได้อย่างแน่นอน และเรื่องที่เกี่ยวกับเสิ่นเหยียนชิ่งก็ยังไม่ต้องบอกเขาตอนนี้
“ประธานเซิ่งหมายความว่าอะไร ? ฉันพบกับใคร ? วันนี้ฉันมาพูดเรื่องนี้กับคุณก็เพราะว่าฉันนั้นให้คนไปสำรวจมา”
เสิ่นอีเวยพูดโกหกแต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ซึ่งตอนนี้เธอพอใจกับตัวเองมาก เพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นมองไม่ออกอะไรเลย
แต่เสิ่นอีเวยไม่รู้ก็คือว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้จะไปหลงกลอะไรเธอ
ผู้ชายคนนี้เดินมาอีกหนึ่งก้าว และได้มองไปยังเสิ่นอีเวย แล้วได้หัวเราะพูดเสียดสีว่า “เสิ่นอีเวย การโกหกของเธอนั้นยิ่งอยู่ยิ่งพัฒนาขึ้นนะ หากไม่ได้เข้าใจคุณอย่างถ่องแท้ เมื่อสักครู่นี้ก็คงถูกหลอกไปแล้วล่ะ”
เสิ่นอีเวยก็ตกใจไปชั่วครู่ แต่ในวินาทีต่อมาเสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังหลอกตัวเธอเอง แล้วผู้ชายคนนี้รู้ได้อย่างไรว่า ตัวเองกำลังโกหก ?
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร” เสิ่นอีเวยพูดอย่างสงบเงียบ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตูม ตื่นตระหนก
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองไปยังเสิ่นอีเวย แล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าคุณไม่เข้าใจตัวเองเลย คนที่กำลังโกหกอยู่นั้น สายตาจะไม่กล้าที่จะหลอกคนที่อยู่ต่อหน้าได้หลอก และยังมีใบหน้าที่แดงก่ำเช่นนี้ แต่สำหรับคุณนั้นไม่เหมือน….”
ในใจเสิ่นอีเวยก็เกิดการสั่น ผู้ชายคนนี้ปกตินั้นมีเวลามากเท่าไหร่กัน ? ถึงขนาดที่สามารถที่จะตรวจสอบรายละเอียดบุคคลได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งในใจของเสิ่นอีเวยก็เต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งเวลาที่ตัวเองนั้นโกหกจะมีท่าทีอย่างไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองเธออย่างทะลุปรุโปร่ง และได้พูดกับเธอด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ผมไม่มีเวลาที่จะไปจับผิดอะไรใครหรอก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวิชาจิตวิทยาแค่นั้นเอง ตอนที่คุณกำลังโกหกนั้นไม่เพียงแค่ใช้สายตาที่รุนแรงมองคนอื่น และยังมีความเยือกเย็นอยู่ในนั้น ไม่เหมือนกับพูดความจริง แต่เธอนั้นมีท่าทีการกระทำเล็ก ๆอย่างหนึ่ง ที่ทุกครั้งมันแสดงถึงตัวตนคุณ”
ดวงตาเสิ่นอีเวยก็สว่างขึ้น แล้วเกิดความสนใจก็คือ “ท่าทีการกระทำเล็ก ๆอะไร ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นได้พูดด้วยความจริงว่า “ตอนที่คุณกำลังโกหก มือข้างขวาของคุณนั้นกำอย่างแน่นหนา”
คำพูดที่เต็มไปด้วยจังหวะ หากพูดตามหลักฐานก็ย่อมมี และได้วิเคราะห์ถึงคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างละเอียด เสิ่นอีเวยก็มีความรู้สึกถึงความไม่ชัดเจน ที่มือขวาของเขานั้นกำอย่างแน่น