สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 266
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 266 เสิ่นอีเวยทำการตัดสินใจ
ถึงแม้ในใจจะมีความเสียใจอยู่ แต่ก็สงบมากขึ้นแล้ว
เสิ่นอีเวยได้ใช้มือนั้นปัดเศษฝุ่น เศษหญ้าแล้วก็นั่งลงไป แล้วก็รู้สึกสั่นในใจ
เพราะว่าเสิ่นอีเวยเพิ่งรู้ว่าที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่นั้น เหมือนกับครั้งที่แล้วที่อยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิง ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกัน
เสิ่นอีเวยกับความคิดที่ว่างเปล่า ในหัวเลยเหมือนมีแสงอะไรผ่านวับ ๆ เข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นที่เกิดขึ้นที่นี่
ตอนนั้นเธอถามเขาเรื่องของการมาที่นี่ หากเธอจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างเลอะเลือนไม่ชัดเจน
เสิ่นอีเวยยิ้มแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงน่าจะมีไหว้พ่อแม่ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นความละอายใจ
เมื่อเรื่องนี้คิดถึงขึ้นมา เสิ่นอีเวยก็เริ่มที่จะนำเรื่องราวเหล่านี้มารวบรวมกัน
เซิ่งเจ๋อเฉิงกับการคุยโทรศัพท์ในค่ำคืนนั้น หรืออาจจะเป็นเซิ่งเจิ้นอวิ๋นให้เซิ่งเจ๋อเฉิงช่วยเขาในการพูดอะไรบางอย่าง ตอนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เลยตอบไปแบบนั้น
ซึ่งมีความกระด้าง ไม่เห็นความรู้สึกของคน
ถึงแม้เสิ่นอีเวยจะรู้มาอย่างเงียบ ๆ แล้ว เพราะว่าแม่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เป็นเหตุ ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขาและพ่อไม่ใช่ความสัมพันธ์พ่อลูกที่ธรรมดา อาจจะยังมีเรื่องที่ยังพูดไม่ชัดเจน
แต่ว่าเธอกลับคิดไม่ถึงก็คือ ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองนั้นถึงระดับที่แย่มากที่สุด
ไม่งั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงจะพูดไปแบบนั้นหรือ ?
แต่ว่า เธอก็หวังว่าเขานั้นจะอยู่ข้างเธอ คิดเพื่อเธอ ดังนั้นเลยไม่ชอบการกระทำของเซิ่งเจิ้นอวิ๋น
แต่ว่า เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เสิ่นอีเวยก็ได้เก็บมันไว้ในใจไปแล้ว เพราะว่าเธอนั้นบอกกับพวกเองว่า ยังก็ไม่มีทาง
ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงตอนที่อยู่ในห้องทำงานพูดกับเธอเช่นนั้นกับตัวเอง เซิ่งเจิ้นอวิ๋นยังไงก็เป็นพ่อของเขา ซึ่งเขาจะต้องยืนอยู่ตรงข้าง และไม่สามารถที่จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
เรื่องมาถึงวันนี้ เธอก็จะต้องไปเผชิญกับเซิ่งเจิ้นอวิ๋นสักครั้งแล้วล่ะ
เพียงแต่…..เซิ่งเจ๋อเฉิงล่ะ ?
หากพูดความจริงแล้ว ตอนที่เผชิญกับเขานั้น เพราะว่าในใจของเธอนั้นก็ไม่สามารถที่จะสงบได้เลย ดังนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงจึงต้องเก็บซ่อนเอาไว้
แต่ตอนนี้ เสิ่นอีเวยกำลังนั่งอย่างสงบต่อหน้าหลุมศพของพ่อแม่เธอ ฟังเสียงลมพัดไปมา เธอก็คิดอะไรอยู่ตั้งนานสองนาน สุดท้ายก็คิดออกมาได้นิดหนึ่ง
เรื่องของพ่อแม่เมื่อสี่ปีก่อนนั้นคนที่ทำของเซิ่งเจิ้นอวิ๋นคนเดียว ไม่ใช่เซิ่งเจ๋อเฉิง
แต่เสิ่นอีเวยจำเป็นต้องยอมรับก็คือ ในส่วนลึกของหัวใจก็ยังกล่าวโทษเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่สิ่งที่เธอนั้นกล่าวโทษคือ สามปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้พูดอะไรกับเธอนั้น
ในสามปีผ่านวันผ่านคืนมามากมาย คนนั้นก็ยังอยู่เงียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาอดทนได้อย่างไร ?
เสิ่นอีเวยคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง
หากพูดถึงเนื้อแท้แห่งความจริงแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ไม่อยากพูดความจริง ก็เพราะว่าไม่อยากจะแบ่งแยกออกจากใคร และเข้าข้างใครสักฝ่าย
ในเมื่อไม่ใช่คนเดินทางเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรมากมาย
“พ่อแม่เอ๋ย ชั้นจะทำอย่างไร ?”
เสิ่นอีเวยรูปไปยังรูปภาพที่หลุมศพกับน้ำตาที่อาบริน
คำถามนี้เกิดอยู่ในใจตลอดมา เพราะว่าตอนนี้เธอนั้นไม่มีทางจะเดินต่อไปอีกแล้ว
ตอนนี้เธอเป็นคนที่มีโรค และผ่านความหวัง ความผิดหวังมามากมาย ไม่มีใครรู้ว่า เธอนั้นอยากจะละทิ้งความพยายามนี้แล้ว
แต่เหตุผลนั้นคืออยู่สองข้อ หนึ่งคือชัดเจนก็คือโรคของเธอนั้นรักษาไม่หาย นอกจากจะไตที่เหมาะสมกับเธอ แต่ว่าโลกใหญ่ขนาดนี้ จะหาสิ่งใดเหมาะสมกับเธอล่ะ ?
เหตุผลที่สอง เสิ่นอีเวยไม่ได้บอกใครเลยก็คือเธอเป็นโรคสองอารมณ์
ซึ่งเมื่อสองเดือนก่อนนั้น เธอพบว่าร่างกายและอารมณ์มีปัญหามาก ซึ่งอารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก เลยทำให้ตอนนั้นเธอรู้สึกชีวิตนั้นมีปัญหารุมเร้ามากมาย เลยทำให้ความอยากอาหารนั้นไม่มีเลย
เสิ่นอีเวยตอนนั้นได้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิทยา ดังนั้นก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับโรคพวกนี้ ตอนนั้นเธอรู้สึกถึงความไม่รู้สึกดีนัก เพราะว่าเมื่อรู้คร่าว ๆ เธอก็เลยไปรักษาที่โรงพยาบาล
พอตรวจเสร็จก็พบว่าเป็นดังที่ตัวเองนั้นคาดการณ์เอาไว้
ซึ่งทั้งสองโรคนี้ทำให้เสิ่นอีเวยนั้นรู้สึกหมดหวัง ดังนั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเกิดเองและดับเอง เธอไม่ได้อบกกับใคร เพราะหลังจากผลออกมาแล้ว เธอก็ยังใช้ท่าทีปัจจุบันในการใช้ชีวิต
แต่ตอนที่เซียวหันถิงให้เสิ่นเหยียนชิ่งพบเธอนั้น ก็ยิ่งทำให้ในใจนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ตอนนี้รู้เรื่องของพ่อแม่ทั้งหมแล้ว ก็อาจจะไม่อดทนได้ อย่างน้อยก็ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
ดังนั้นวันนี้ที่มาหาพ่อแม่ของเธอนั้น หวังว่าอยากจะให้พวกเขานั้นอยู่กับเธอให้มากขึ้น คิดให้ชัดเจนแล้วก็รีบลงมือทำ
ชีวิตของเธอ ก็ไม่ใช่จะพบจุดจบเช่นนี้
คำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่ง ตอนนี้ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงรองรับความจริงแล้ว หากพูดตามความจริงแล้วคือ เซิ่งเจิ้นอวิ๋นเป็นคนที่ทำให้พ่อแม่ของเธอนั้นเสียชีวิต
พอคิดถึงตรงนี้ เสียงหายใจของเสิ่นอีเวยก็เริ่มหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม หัวใจก็เต้นหนักขึ้น เจ็บจนยากที่จะอดทนไว้
เซิ่งเจิ้นอวิ๋น เธอจะต้องไปพบเขาให้ได้ เขาจะต้องได้รับโทษ
ลมภายในหุบเขา ก็ยิ่งเริ่มพัดใหญ่ขึ้น
สี่ทุ่มคืนนั้น สนามบินที่สว่างไสว มีคนใส่แว่นดำและใส่ผ้าปิดปากผู้ชาย ที่กำลังเข้าไปสู่กลุ่มคนเพื่ออำพราง
เพราะว่าเขานั้นก้มหัว ดังนั้นเลยไม่ได้มีใครสังเกตว่าคนข้างหน้าเขานั้นใส่เสื้อสีดำ
ทันใดนั้น ไหล่ทั้งสองข้างของเขาก็มีแรงมหาศาลมาจับไว้ พอตั้งตัวได้ก็ถูกมัดเสียแล้ว
เธอตกใจแล้วตะโกนดัง ๆไปว่า “พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไร ?”
ชายชุดดำสองคนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเขา แต่กลับยิ่งการเดินลง ตอนนี้ก็มีคนใส่ชุดสูทสีดำเดินเข้ามาแล้ว คนนั้นก็คือหลินอวี้
หลินอวี้ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วก็มองด้วยสายตาไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น แล้วพูดออกมาอย่างสบาย ๆ ว่า “คุณชายเสิ่น ไม่คิดว่าจะมาพบคุณที่นี่ ไปร้านน้ำชากับผมสักรอบนะ ประธานเซิ่งเชิญไป”