สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 293
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 293 กลับคืนสู่บริษัทเซิ่งซื่อ
“คุณแม่ เราจะไปที่ไหนกัน ? ”
ขณะที่เสิ่นอีเวยกับหลินโม่เหยียนกำลังคุยกัน ก็มีเสียงที่เงียบ ๆอยู่เสียงดังมา ไม่ต้องหันไปก็รู้แล้วว่า นั่นคือเหมียนเหมียนน้อย
เสิ่นอีเวยและหลินโม่เหยียนได้หันไปดูต้นกำเนิดเสียง ซึ่งเป็นเหมียนเหมียนน้อยที่ตาโตโตมองด้วยความสงสัย
เสิ่นอีเวยก็รู้สึกสะเทือนใจ เหมือนกับมีสิ่งแหลมคมมาทิ่มแทงกลางใจของเธอ แล้วเธอก็อุ้มลูกสาวมากอด หอมแก้มแล้วมองไปยังหลินโม่เหยียน แล้วพูดว่า “แม่พาเราไปหาคุณตาคุณยายนะคะ”
เหมียนเหมียนน้อยฟังคำว่า คุณตาคุณยาย ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ในใจก็เกิดความสนใจเป็นอย่างมาก มือน้อย ๆ ก็ได้กวักไปกวักมา แล้วพูดว่า “ดีเลย แม่พาเหมียนเหมียนไปหน่อย เหมียนเหมียนมีความสุข”
ฟังคำพูดของลูกสาวเธอ เธอก็รู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง ลูกสาวตัวเองเพิ่งจะสามขวบ ก็สามารถพูดคำพูดที่ทิ่มแทงใจเธอได้ขนาดนี้ สายตาที่แดง เหมือนกับจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็กลั้นไว้ได้
แต่ว่าตอนที่เสิ่นอีเวยได้พูดคำว่า “แม่จะพาเราไปหาคุณตาคุณยาย” ก็รู้สึกมีความลำบากใจและเจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง
พ่อแม่ ทำไมท่านถึงไม่มีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ล่ะ ? เพราะอะไรไม่เห็นวันที่ฉันมีความสุขล่ะ ? หากเป็นเช่นนั้น ในใจเธอก็คงไม่มีความเสียดายมากขนาดนี้
คิดอยู่แบบนี้สักครู่หนึ่ง เสิ่นอีเวยก็ได้พาเหมียนเหมียนน้อยขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินเสียแล้ว
นอกหน้าต่างที่มีเมฆหนาทึบ ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยก็ได้สึกบทกวีหนึ่งขึ้นมาก็คือ “รอเมฆหมอกคลายเห็นแสงจันทร์” เธอหวังว่า การกลับไปครั้งนี้จะเหมือนกับบทกวีที่นึกได้เมื่อสักครู่
ส่วนเหมียนเหมียนน้อยก็หลับอยู่ในอ้อมกอดเธอ
เมืองของฉัน ฉันกลับมาแล้ว พ่อแม่ฉันกลับมาแล้ว
เสิ่นอีเวยในใจก็คิดแบบเงียบ ๆ เหมือนกับตอนที่เธอนั้นออกที่ ณ ที่ตรงนี้
เพียงแต่ ตอนแรกที่ออกไปก็คืออยากจะหนีห่างเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว กลับไม่ได้มีความคิดจะเข้าใกล้เซิ่งเจ๋อฉิง
ตอนกลางวันสิบสองนาฬิกา บริษัทเซิ่งซื่อ
ที่นี่เป็นสถาบันการเงินกลางของเมืองติดทะเล เป็นสถานที่ที่มีที่ราคาแพงมากแห่งหนึ่งของโลก บริษัทเซิ่งซื่อที่สูงตระหง่านสง่า ส่วนตึกสูงอื่น ๆ ก็เหมือนตัวประกอบไปหมด
เพราะว่าเป็นเวลาทานอาหาร ก็มีคนเข้า ๆ ออก ๆ เต็มไปหมด
“อี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด”
หูของทุกคนได้ยินเสียงแหลม ๆ เข้ามาในหู
เสียงของรถยนต์หรูที่ได้สะกดสายตาของทุกและทุกความรู้สึก ไม่ใช่เพราะว่าเป็นรถที่สะกดสายตาความรู้สึก แต่เหตุผลหลักก็คือ ที่นี่เป็นสถานที่ของบริษัทเซิ่งซื่อ มีใครหน้าไหนที่กล้ามาทำเรื่องอะไรเช่นนี้
ประตูก็ค่อย ๆ เลื่อนออกมา ขาขาว ๆ ก็ได้ยื่นออกมาจากรถ ซึ่งได้สะกดทุกสายตาของผู้ชาย ผู้หญิงที่ใส่รองเท้าส้นสูงสีดำและชุดกระโปรงสีดำ ซึ่งทำให้ทุกคนมีความสงสัยและงุนงง
เสิ่นอีเวยได้นำแว่นเสยไปยังบนหัว แล้วได้เปิดเผยใบหน้าของตัวเอง เธอได้เงยหน้ามองไปยังตึกสูงระฟ้าของบริษัทเซิ่งซื่อ ปากก็ได้พูดพึมพำว่า “ตึกก็ยิ่งอยู่ยิ่งสูง แต่ไม่รู้ว่าประธานบริษัทจะมีความเก่งเพิ่มขึ้นหรือไม่”
พอพูดออกมา ทุกคนนั้นก็ได้ฟังและตกใจ เพราะผู้หญิงคนนี้ได้พูดถึงท่านประธาน…..ซึ่งคนนั้นไม่ใช่อยู่ที่ชั้นที่ ยี่สิบสี่ หรอกหรือ ? ผู้หญิงคนนี้ มีความเป็นมาอย่างไร ?
กล้าดีอย่างไรมาพูดอะไรแบบนี้
สถานที่ที่คุ้นเคยเช่นนี้ สถานที่ที่เธอนั้นเคยอยู่ เสิ่นอีเวยในใจก็เริ่มเกิดความสับสนและไม่สับสน
เส่นอีเวยได้ยกกระโปรงขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ได้เดินไปยังที่นั่งอีกด้านหนึ่ง ซึ่งตอนที่เธอนั้นยังไม่ได้ยื่นมือออกไป ก็มีเสียง “ตึก ๆ”ออกมา
“คุณแม่”
เสิ่นอีเวยโดยเดิมทีแล้วก็มีลักษณะท่าทางที่เยือกเย็นสุขุม และได้เพิ่มกับปากที่มีสีแดง ก็ยังทำให้เหมือนกับเป็นคนที่สุขุม และไม่มีใครกล้าจะทำผิดต่อเธอ
แต่ว่าตอนที่เด็กน้อยนั้นออกมานั้น ใบหน้าของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขและยิ้มแย้ม
เสิ่นอีเวยได้ยืนมือไปอุ้มเด็กคนนั้นออกมา เด็กคนนั้นมีใบหน้าที่น่ารัก ขาว ๆ เพราะว่าความรู้สึกที่ครึกครื้น เลยทำให้มีใบหน้าที่แดง ดวงตาใหญ่ ๆ ดูก็รู้แล้วว่านั่นคือทายาทของเสิ่นอีเวย
“เดี๋ยวแม่จะหาสถานที่ให้หนูอยู่นะคะ แล้วให้หนูไปเล่นที่นั่น และรอแม่นะคะ”
เด็กน้อยคนนั้นก็ได้ “จุ๊บ” หอมแก้มแม่ไปหนึ่งครั้ง แล้วมือก็ในทันใดนั้นก็ยกเคารพ แล้วพูดว่า “คุณแม่วางใจนะ เหมียนเหมียนจะเป็นเด็กดี”
เสิ่นอีเวยได้อุ้มเหมียนเหมียนน้อยที่อายุสามขวบ และได้ถอดรองเท้าส้นสูงที่ยาวกว่าสิบมิลลิเมตร และได้ปล่อยผม และก็ได้เดินเข้ามาสู่บริษัทเซิ่งซื่อ
เธอนั้นได้เดินไปและได้กดเบอร์โทรศัพท์ หลังจากที่ปลายสายรับแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเป็นเสียงที่อยู่ในความทรงจำ
“ท่านใด ?”
“เซิ่งเจ๋อเฉิง ฉันคือเสิ่นอีเวย ท่านยังคงจำฉันได้ใช่ไหม ? ฉันกลับมาจากอังกฤษแล้ว อีกสามนาทีคงถึงห้องทำงานคุณ เรื่องของคุณและฉัน จะต้องคุยด้วยกันดีดีแล้วล่ะ”
เสิ่นอีเวยพูดเสร็ว ก็ไม่ได้มีความสงสัยหรือลังเลอะไร ก็ได้นำมือไปกดวางสายเรียบร้อบบ
“ตึก ตึก ”
เสียงของปากกาสีเทาได้ตกอยู่บนกระดาษสีขาว
เสิ่นอีเวย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังจะเซ็นสัญญาลงนามก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น ผู้ช่วยหลินอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนมองออกว่าอาจจะเกิดพายุที่แสนจะน่ากลัวมาถึงเร็ว ๆ นี้ เลยได้ออกไปจากห้องทำงานท่านประธาน
สองนาทีต่อไป ประตูใหญ่ก็ได้เปิดออกมา เสิ่นอีเวยได้เดินเข้ามากับรองเท้าส้นสูงของตัวเอง ซึ่งได้ทำให้เกิดความสนใจทั้งยี่สิบสี่ชั้น
เพราะว่าเสิ่นอีเวยนั้นได้เคยทำงานที่นี่ และยังเป็นหัวหน้าออกแบบการแต่งงาน ดังนั้นคนที่ทำงานอยู่ในชั้นนี้ไม่มีใครไม่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกับเสิ่นอีเวยเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นคนในนั้นครึ่งหนึ่งต้องรู้จักเธอ เพียงแต่ความสัมพันธ์สามีภรรยาในความคิดของเสิ่นอีเวยแล้วก็เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า