สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 294
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 294 อย่ามาตลบหลัง
รอบด้านนั้นก็เงียบลงทันที แล้วคาดเดาว่าผู้หญิงคนนี้กลับมาได้อย่างไร ?
เสิ่นอีเวยได้ถอดแว่นออกแล้วก็กวาดสายตาไปยังรอบ ๆ ด้วยท่าทีที่เยือกเย็น
แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเห็นทะลุผ่านเลนส์แว่นไปเรียบร้อยแล้ว สายตาของเขานั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นอย่างไร
การที่เผชิญหน้ากับผู้หญิง เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคยแพ้มาก่อนเลย
“คุณชายเซิ่ง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เสิ่นอีเวยทักทายด้วยถ้อยคำที่ธรรมดา และยืนอยู่เฉย ๆ อย่างนั้น และยิ้มแสยะ โดยไม่ได้แสดงถึงอารมณ์อะไรออกมา และได้ลากเก้าอี้มานั่ง และรอเซิ่งเจ๋อเฉิงตอบกลับอย่างเงียบ ๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองหน้าผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ลอนดอนสนุกไหม ?”
“ก็ยังดีนะ ก็เป็นเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามไม่สู้เมืองนี้หรอก ถึงแม้เมืองนี้จะใหญ่ แต่กลับมีความรู้สึกของชีวิตมนุษย์ แต่หากพูดในอีกมุมหนึ่ง ต่างประเทศก็นับว่าเป็นที่ที่ดีเลย เพราะผู้ชายที่นั่นดี อารมณ์ดี อัธยาศัยดี ไม่เหมือนในประเทศที่ค่อนข้างจะน่ารำคาญ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ฟังคำพูดของเสิ่นอีเวย สีหน้าก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น ผู้ชายต่างประเทศนั่นดี ?
สายตาผู้ชายคนนั้นก็เริ่มหรี่เล็กลงและมองไปยังผู้หญิงคนนั้น แต่ว่าเธอกลับมีท่าทีที่สง่ามากมาย เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น
ตอนที่เสิ่นอีเวยพูดออกมาก็ได้เงยหน้าขึ้น และไม่ได้ถอดแว่นออกมา แว่นสีดำ เสื้อชุดกระโปรงสีดำ ซึ่งมองไปทั้งตัวแล้วก็เหมือนกับมีรังสีแห่งการต่อสู้
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ดูเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนบาดตา “เอาแว่นตาออกแล้วค่อยมาพูดกับผม”
เสิ่นอีเวยยิ้มแสยะแล้วก็ได้ถอดออกมา เหมือนกับไมได้ไปสนใจอะไรในตัวเซิ่งเจ๋อเฉิงเช่นนั้น
เลยทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงตกใจ เมื่อก่อนเขาพูดอะไรเธอจะต้องคัดค้านตลอด ซึ่งไม่เคยฟังเขาเลย ไปอังกฤษไม่กี่ปีก็เปลี่ยนนิสัยแล้ว?
เสิ่นอีเวยได้ถอดแว่นตาออกมาแล้วจับไปจับมา กับเล็บสีสวยที่เป็นสีแดง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้สนใจในการกระทำนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อยู่ดีดีเขาก็นึกไปถึงวันนั้น วันที่ได้เผชิญกับผู้หญิงคนนี้
มือคู่นี้ที่ทำอาการให้เขา ได้ลูบผมเขา ได้ติดกระดุมให้เขา ได้จับเข็มขัดของเขา
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้หลับตา ซึ่งไม่อยากให้ภาพพวกนี้ปรากฏขึ้นมาในสถานการณ์นี้
ผู้หญิงคนนี้ จากไปสี่ปีอย่างไม่ไยดี แต่นิสัยของผู้ชายคนนั้นกลับไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะว่าได้เข้าใจอะไรขึ้นมากมาย ดังนั้นนิสัยก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปเลย
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยความเสียดสีว่า “ดูดูแล้ว คุณหญิงเสิ่นก็สนุกจนได้สิ่งต่าง ๆ กลับมามากมายเลยน่ะสิ แต่สิ่งที่ผมอยากรู้อยากเห็นจริง ๆ ก็คือ เรื่องที่ผมกำลังจะขายบริษัทหัวยู่น คุณหญิงเสิ่นมีความเห็นเช่นไร”
เสิ่นอีเวยถือแว่นด้วยอาการสั่น ในใจก็ไม่รู้ว่ามีอะไรมาทิ่มแทง สายตาก็กลับกลายเป็นความน่ากลัวขึ้นมา
“ไพ”
แว่นตาสีดำของเสิ่นอีเวยก็ได้ตกลงบนโต๊ะทำงาน สองมือของเธอนั้นก็อยู่บนหน้าตกแล้วพูดว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณอยากมาอ้อมค้อมต่อหน้าฉันนักเลย เรื่องราวดีร้ายของสองเราก็มาพูดกันได้ดีดี อย่ามาตลบหลังกันเช่นนี้”
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็มีสายตาที่เริ่มเย็นชามากยิ่งขึ้น
“ฉันเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ผ่านเรื่องราวดีร้ายในวงการธุรกิจมานานนับปี ตลบหลังวิธีสกปรกไม่เคยเห็นหรือ ? จะพูดคุยกับอย่างชัดเจนงั้นหรือ? ได้สิ บริษัทหัวยู่นเป็นสิ่งที่ฉันมีอำนาจในการขายออกไป”
พอพูดถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิง ก็ได้สีใบหน้าและสายตาที่หรี่เล็กลง และได้ปล่อยสายตาแห่งความอันตรายออกไป ซึ่งคำพูดที่เต็มไปด้วยการเสียดสีน่าขัน “แน่นอนล่ะ หากคุณหญิงเสิ่นคิดว่าผมจะใช้วิธีนี้ในการบังคับคุณกลับประเทศ ผมขอพูดคำนึงก็คือ หัวสมองของคุณนั้นไม่ได้โง่เหมือนที่ผมคิดไว้จริง ๆ”
เสิ่นอีเวยฟังแล้วก็เกิดความโมโหขึ้นมา “คุณลงมือได้ไวมากเลยนะ แล้วคุณสามารถบอกฉันหน่อยได้ไหม เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ บริษัทหัวยู่นมาขัดขวางอะไรกับกิจการของคุณ ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่บนโต๊ะเก้าอี้อย่างสบายใจ เล่นปากกาสีดำไปมา ซึ่งเหมือนกับเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “ขัดขวางไหม ? ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่สุดท้ายนกที่อยู่ในกรงบินไกลแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องกลับบ้าน คุณเสิ่นอีเวยก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น ผมคงไม่จำเป็นต้องข้ามฟ้าข้ามทะเลไปรับคุณหรอก ก็อยากจะให้คุณกลับมาโดยดี ก็แค่ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ขายบริษัทหัวยู่นแค่นั้นเอง”
แน่นอน แน่นอนว่าเสิ่นอีเวยนั้นทายถูก ผู้ชายคนนี้หน้าไม่อายเสียจริง ๆ ซึ่งการที่เธอนั้นคาดการณ์เอาไว้ต่อหน้าหลินโม่เหยียนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“คุณว่าใครเป็นนก ? ได้สิ หากพูดเช่นนี้ ความจริงแล้วคุณจะบีบฉันใช่ไหม ? ” เสิ่นอีเวยโมโหอย่างมาก
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรแล้วก็ค่อย ๆ พูดว่า “ใช่ คุณพูดถูก ผมกำลังบีบบังคับคุณ”
เสิ่นอีเวย “…….”
เธอรู้สึกว่าอกกำลังจะแตก และไม่ได้ระวังตัวก็พูดออกมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณนี่เด็กน้อยจริง ๆ ตอนนี้หน้าหนากว่ากำแพงเสียแล้ว เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยเห็นคุณเลวขนาดนี้”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นคือคุณนั้นโง่เขลา แต่ผมคิดว่านี่ไม่ได้เลว เมื่อสักครู่พูดว่าตลบหลังใช่ไหม…….”
พอพูดถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เงียบไปสักครู่
สายตาของเขาได้มองผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ “เสิ่นอีเวย ผมคิดว่าต่อให้คุณนั้นมีมีอำนาจมากกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจจะเท่าที่ผมนั้นมีได้ อย่างน้อยก็ไมได้ทำอะไรโดยที่ไม่มีที่มาหรือมั่ว ๆ ไป แต่ว่าผมนั้นก็ได้ดูถูกคุณมากเกินไป”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดด้วยเสียงที่สูงขึ้น เสิ่นอีเวยก็ตกใจไปครู่หนึ่ง ในใจก็เต็มไปด้วยความตกใจ “คุณหมายความว่าอะไร ?”
ในตอนนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ลุกขึ้นมาทันที แล้วเดินมาหาเสิ่นอีเวย
สายตาที่น่ากลัวของเขา เสิ่นอีเวยได้มองผู้ชายที่ยิ่งเดินยิ่งเข้ามาใกล้ เสิ่นอีเวยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็เริ่มมีความตื่นเต้นตระหนกขึ้นมา
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้เอามือไปวางไว้บนที่วางแขน และได้ทำให้เสิ่นอีเวยนั้นอยู่ภายใต้เซิ่งเจ๋อเฉิง และก็ได้กลิ่นน้ำหอมออกมาจากชุดสูทของเขา หลังเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ดมแล้วก็มีความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
กลิ่นที่คุ้นเคย ที่ได้กลิ่นที่ได้รับจากผู้ชายคนนี้ในเมื่อก่อน ซึ่งเธอนั้นได้ดมมาหลายรอบ ทำให้ไปอยู่ในความทรงจำอันลึกของเธอ ไม่อาจจะหายได้เลย
แม้สุดท้ายเธอนั้นก็ใบหน้าผู้ชายคนนี้ไป จะลืมผู้ชายคนนี้ไป ลืมรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ไป ลืมเสียงผู้ชายคนนี้ไป ลืมนิสัยร้ายและความอบอุ่นของผู้ชายคนนี้ไป ทุกสิ่งอย่าง เสิ่นอีเวยสามารถทำได้อยู่แล้ว