สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 313
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 313 แกล้งทำเป็นรู้อันตรายถึงแก่ชีวิต
มองเห็นเจียเฉิงหวินมีท่าทีเสียหน้า เสิ่นอีเวยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ใครใช้ให้คุณแกล้งทำเป็นรู้เรื่อง?ประโยคนั้นพูดอย่างไรนะ?การแสแสร้งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เสิ่นอีเวยแอบส่งสายตามองบนให้อีกฝ่าย
เจียเฉิงหวินเพื่อปกปิดความอับอายของตนเอง จึงไอออกมาสองครั้ง และหาเรื่องพูดต่อ เหมือนกับต้องการพยายามกู้หน้าตาตนเองคืนมา:“โอ้ ที่แท้คือคริสทัล แต่ว่า……พูดก็พูด รูปแบบของเครื่องประดับนี้สวยงามมาก แต่การใช้คริสทัลสีฟ้าอาจทำให้ลดเกรดลงมานิดหน่อย แบบนี้เสียดายของแย่เลย !”
เพื่อการกอบกู้หน้าของตนเอง เจียเฉิงหวินจึงเลือกใช้คำว่า“เสียดายของ”เสิ่นอีเวยฟังอย่างเงียบๆ ในใจไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย เธออยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
ฉากนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอวนใจอย่างยิ่ง
ได้ฟังเจียเฉิงหวินวิจารณ์เข็มกลัดนี้ เสิ่นอีเวยยิ้มบางๆ พูดว่า:“ ไม่ค่ะ คุณเจีย คุณคิดผิดอีกแล้ว วัสดุอัญมณีพวกนี้ ถึงแม้จะหายาก และมีราคาแพงมาก แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าของคริสทัลแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย
เหมือนเข็มกลัดนี้และสร้อยคอที่คุณเห็นตอนนี้ ทั้งสองชิ้นประดิษฐ์ขึ้นมาจากแฟนทัมคริสทัล มีคุณค่าในตัวของมันเองสูงมาก ยิ่งกว่าอัญมณี คุณค่าของมันไม่สามารถประเมินค่าได้”
ได้ฟังเสิ่นอีเวยอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ให้กับตนเอง เจียเฉิงหวินหลงคิดว่าท่าทีของเธอนั้นหมายความว่าสนใจตนเอง ดังนั้นจึงแอบดีใจอยู่เงียบๆ และรีบรับช่วงหัวข้อของเสิ่นอีเวยอย่างรวดเร็ว
“แฟนทัมคริสทัล?มันฟังดูระดับไฮเอนด์และหายากจริงๆ แต่คุณมองดูตรงนี้สิ ทำไมถึงมีตำหนิเยอะแยะไปหมด ดังนั้น เห็นได้ชัดเจนว่านักออกแบบคนนี้ยังไม่ได้เลือกวัสดุที่ถูกต้อง!”
เสิ่นอีเวยพูดไม่ออก:“……”
แต่เธอสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ตนเองมีความเป็นมืออาชีพสูง ดังนี้ตนเองจะไม่ยอมให้เจียเฉิงหวินพูดผิดโดยที่เธอไม่แก้ไขให้ถูกต้อง
“คุณเจีย คุณอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ——”
ตอนที่เสิ่นอีเวยอยู่ประเทศอังกฤษ เพราะบังเอิญเห็นงานออกแบบของ Authur และในชั่วข้ามคืนจึงทำให้เธอสนใจการออกแบบเครื่องประดับมาก ดังนั้นเธอจึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับผลงานคลาสสิคของนักออกแบบที่โดดเด่นหลายคนตั้งแต่ตอนนั้น
แต่เธอไม่เพียงมุ่งเน้นแนวคิดการออกแบบของคนอื่น แต่รวมถึงวัสดุทำเครื่องประดับ เธอทำความเข้าใจและอ่านอย่างผ่านๆมาเยอะ ดังนั้นเธอมีความรู้คร่าวๆ จนเธอเกือบจะเรียกได้ว่าเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง ในเวลานี้การยั่วยุความผิดของเจียเฉิงหวิน ก็เป็นสิ่งที่เธอถนัด
“กระบวนการเจริญเติบโตของคริสทัลปกติ ส่วนมากการเจริญเติบโตสามารถพบได้ในรูปแบบขนาน เนื่องจากพื้นที่การเจริญเติบโตในพื้นดินหรือถ้ำแคบเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวหรือการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก เสี่ยงมากที่จะถูกบีบด้วยแร่อื่น ๆ ดังนั้นแรงกดรัดจึงทำให้เกิดผิวหน้าของคริสทัลที่ไม่เหมือนกัน”
เสิ่นอีเวยหยุดชั่วคราว เจียเฉิงหวินกำลังจะอ้าปากพูด แต่กลับถูกเธอพูดขึ้นมาก่อน
“และสำหรับที่คุณพูดเกี่ยวกับตำหนิ นั้นเป็นเพราะตอนคริสทัลอยู่ในสภาพของเหลว มักจะห่อด้วยหินแร่ ปูนพลาสเตอร์ สิ่งที่ชอบตกผลึกด้วยกัน เช่นรูไทล์และลาวาภูเขาไฟเป็นต้น สิ่งที่เรียกว่าลาวาภูเขาไฟก็คือแฟนทัมคริสทัล สิ่งเหล่านี้ ล้วนถูกประกอบเป็นรูปร่างโดยธรรมชาติ ดังนั้นโปรดอย่าตัดสินว่าพวกมันเป็นตำหนิอย่างง่ายๆ”
ความรู้เฉพาะทางเหล่านี้ สำหรับเจียเฉิงหวินที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ได้ฟังก็คงตกตะลึงด้วยความงง
แต่ในความเป็นจริงเสิ่นอีเวยรู้ดีว่า อีกฝ่ายอาจจะฟังตนเองไม่รู้เรื่อง แต่เป็นเรื่องปกติของนิสัยเธอ ตอนนี้ตนเองกำลังทำงานเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องประดับ จึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีกระตือรือร้นและจริงจังเหมือนแต่ก่อนตอนที่ออกแบบชุดแต่งงาน
ดังนั้นเสิ่นอีเวยจึงไม่สามารถให้คนอื่นตั้งคำถามถึงความเชี่ยวชาญของตนเองได้ แม้กระทั่งการตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม
นี่คือสิ่งที่เธอยอมพูดปากเปียกปากแฉะ ต้องอธิบายให้เจียเฉิงหวินที่เข้าใจอย่างชัดเจน เพียงแต่สิ่งที่เสิ่นอีเวยไม่เข้าใจคือ เธออธิบายด้วยความอดทน กลับกระตุ้นความเข้าใจผิดของผู้ชายคนนี้ไปกันใหญ่
แววตาของเจียเฉิงหวินแสดงความชื่นชม
“คุณเสิ่น คุณสุดยอดจริงๆคิดไม่ถึงว่าคุณจะเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้ของอัญมณี จากนี้ไป ช่วยสอนผมเยอะๆนะครับ”
เผชิญหน้ากับการประจบสอพลอของเจียเฉิงหวิน เสิ่นอีเวยไม่ต้องการเลยสักนิด ไม่ได้คิดอยากใส่ใจ
อย่างไรเสียเสิ่นอีเวยไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้เธอจะไม่มีดวงในเรื่องความรัก แต่อย่างน้อยก็มีความสามารถในการแยกแยะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเพศตรงข้ามที่มีต่อตนเอง
หรือจะพูดว่าคำชมเชยของอีกฝ่าย แท้จริงแล้วเป็นเพราะร่างกายของเธอหรือเป็นเพราะจิตใจของเธอ ปัญหาเหล่านี้ เสิ่นอีเวยรู้ชัดเจน
เธอมองเจียเฉิงหวิน ยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามด้วยมาตรฐานของมืออาชีพ อย่างมีมารยาท
“อย่างไรเสียนี้คืองานของฉัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะรู้มากกว่าคนธรรมดา”
เจียเฉิงหวินจะพูดอะไรอีก เสิ่นอีเวยกลับไม่ต้องการคุยกับเขาอีกต่อไป เธอรีบพูดว่า :“ฉันยังต้องไปพบลูกค้า คุณเจีย ฉันคงต้องไปก่อนนะคะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เสิ่นอีเวยค่อยๆก้าวเท้าถอยออกมาอย่างช้าๆ
เสียงของเจียเฉิงหวินดังขึ้นจากด้านหลัง :“คุณเสิ่น ในเมื่อวันนี้คุณยุ่ง งั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว แต่ถ้าครั้งต่อไปพวกเราบังเอิญเจอกันอีก ผมจะขอเชิญคุณไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน”
อีกฝ่ายใช้วิธีคุกคามที่“เต็มไปด้วยความอ่อนโยน”เสิ่นอีเวยรีบก้าวเท้ายาวๆอย่างมั่นคง วันนี้……บังเอิญเจอคนแบบไหนกันเนี่ย! ไอ้โง่เอ้ย!
เสิ่นอีเวยรีบหนีออกมา เธออยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
เพื่อรักษามารยาท เสิ่นอีเวยที่เดินออกมาไกลจึงหันกลับไป และพูดว่า :“งั้น งั้นครั้งต่อไปค่อยว่ากัน ไปก่อนนะคะ……!”
สายตามองด้านหลังของคนที่สวยเก่งและเต็มไปด้วยพลัง ดวงตาของเจียเฉิงหวินเป็นประกาย
คนที่ตนเองต้องการ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยพลาด เขายิ้มมุมปากเบาๆ แสดงความมั่นใจในตัวเองในฐานะคนที่หล่อรวย
หลังจากออกจากห้องแสดงนิทรรศการส่วนตัวของ Athur เสิ่นอีเวยหยุดอยู่ตรงข้างหน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เพื่อสูดรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก เป็นไปตามคาด คุยกับคนอย่างเจียเฉิงหวินมากไป มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย
สำหรับเรื่องพบลูกค้า แน่นอนเป็นเรื่องโกหก เธอเพียงแต่หาเหตุผลเพื่อพาตนเองออกมาแค่นั้นเอง
เวลาหลังจากนั้น เสิ่นอีเวยเดินเล่นรอบ ๆ ในพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการของนักออกแบบอื่น ๆ ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง จึงรวบรวมข้อมูลที่ตนเองต้องการได้ เวลาช่วงบ่ายผ่านพ้นไป ขาสองข้างของเสิ่นอีเวยเริ่มเมื่อย
เดิมทีเธอไม่ชอบสวมรองเท้าส้นสูง เพราะเมื่อย แต่หลังจากกลับมา คุณสมบัติของงานที่ตามหาค่อนข้างเคร่งครัด ดังนั้นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ในสถานที่ทำงานOL การใส่รองเท้าส้นสูงและสวมชุดทางการจึงกลายเป็นเรื่องปกติ
ความโชคดีทั้งหมดคือ ก่อนหน้านี้ไม่เคยชิน แต่ตอนนี้กลับปรับตัวได้แล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน จิตใจของคนก็เปลี่ยนเช่นกัน