สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 33
อนที่ 33 ผมสามารถรอได้
บนใบหน้าของเสิ่นอีเวยเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง”คืนนี้ก็นับว่าฉันได้รับการช่วยเหลือจากท่านประธานเซียวแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณท่านประธานเซียวมากนะค่ะ แต่ถ้าหากท่านประธานเซียวยังพูดถึงเรื่องเมื่อครั้งก่อนอีก คำตอบของฉันก็ยังคงเหมือนกับครั้งที่แล้วไม่มีผิดค่ะ เหตุผลที่ฉันพูดต่อหน้า เพราะหวังว่าจะทำให้เข้าใจผิด”
เสิ่นอีเวยรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองทำไม่ได้ ต่อให้ตัวเองพยายามแค่ไหนแล้วไม่ได้รับความรักจากเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอก็จะไม่ทรยศหักหลังเขาเด็ดขาด
“ใช่ค่ะ งานแต่งงานของฉันกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นเพียงแค่การบังหน้า แต่ทุกอย่างที่ฉันทำล้วนมาจากความยินยอมจากฉัน ถ้าหากฉันทรยศหักหลังเขาก็เท่ากับว่าฉันดูถูกการแต่งงานครั้งนี้”
“อีกอย่างฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ––”
เสิ่นอีเวยหยุดนิ่งชั่วครู่
“ถ้าหากท่านประธานเซียวอยากทำเรื่องแบบนั้นจริง ทำไมถึงไม่ไปหาคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้กว่าฉันล่ะค่ะ หากเทียบเรื่องกำลังเงินของท่านประธานเซียวแล้ว คงไม่มีปัญหาใหญ่อะไร แค่จ่ายเงินก็สามารถรับรู้ข้อมูลทางการธุรกิจของคนอื่นมากมายขนาดไหนก็ได้ แต่ทำไมถึง…ชอบมาวนเวียนกับฉันด้วยล่ะ?”
เซียวหันถิงจ้องมองเสิ่นอีเวย จู่ๆบนใบหน้าเรียวเล็กก็แดงระเรื่อ เธอรู้สึกตื่นตระหนก
“สงครามด้านธุรกิจระหว่างผมกับเซิ้งเจ๋อเสิ่นมีความสำคัญขนาดไหน คุณเสิ่นเองก็น่าจะรู้ดี เหตุผลที่ผมเสนอเงื่อนไขต่อคุณมากมายก็เพื่อแค่อยากล้มเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เท่านั้น และผมยังต้องการ––คุณด้วย”
เสิ่นอีเวยสะดุ้งตกใจ เธอคิดว่าตัวเองฟังผิด จากนั่นเธอก็เบิกตากว้างจ้องมองเซียวหันถิง คิดไม่ถึงว่าจะเห็นสีหน้าจริงจังบนใบหน้าของเซียวหันถิง
ในใจของเสิ่นอีเวยก่อเกิดความรู้สึกรังเกียจขึ้น ผู้ชายเป็นแบบนี้ไปหมดเลยหรอ? โลภมากไม่รู้จักพอ
“ถ้าหากฉันจำไม่ผิด ท่านประธานเซียว พวกเราเจอกันเมื่อครั้งก่อน คุณมาบริษัทเพื่อหารือเรื่องจัดการออกแบบชุดแต่งงาน ก็แสดงว่าคุณมีคู่หมั้นแล้ว แต่ตอนนี้กลับพูดแบบนี้กับฉัน ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมหรอ?”
เซียวหันถิงยิ้มแย้ม”ไม่ทราบว่าคุณเสิ่นรู้จักคำว่าแต่งงานเพื่อสร้างเครือข่ายไหม? เครื่องประเภทนี้เกิดขึ้นด้านธุรกิจเป็นปกติมาก ถ้าหากผมยินยอม
การแต่งงานครั้งนี้ก็สามารถจัดขึ้นได้ แต่ถ้าผมไม่ยินยอม ก็ไม่มีใครสามารถบังคับผมได้ ผมพูดแบบนี้ คุณเข้าใจไหม?”
เสิ่นอีเวยนิ่งเงียบสักพัก ก่อนจะพูดว่า”ฉันเข้าใจค่ะ แต่ฉันก็ยังยืนยันว่า ไม่ว่าคำพูดของท่านประธานเซียวจะจริงจังหรือแค่พูดหยอกเล่น ฉันจะไม่เอามาใส่ใจค่ะ คุณวางใจได้”
เมื่อมองเห็นผู้หญิงเบื้องหน้าเด็ดขาด บนใบหน้าของเซียวหันถิงก็เผยสีหน้าหยอกล้อ เขาค่อยเดินเข้ามาใกล้เสิ่นอีเวย จนจมูกของทั้งสองคนจะชิดติดกันแล้ว”คุณแน่ใจหรอว่าจะตอบผมแบบนี้? อย่าลืมนะว่า คุณตอบรับเงื่อนไขอยู่เป็นเพื่อนผมคืนหนึ่ง ถ้าไม่เช่นนั้นโชคชะตาของบริษัทแม่คุณ ผมไม่รับประกันนะ”
เสิ่นอีเวยกระตุกคิ้ว และบนใบหน้าก็เผยสีหน้าไม่พึงพอใจ”ท่านประธานเซียวเลยใช้เงื่อนไขนี้มาข่มขู่ฉันหรอค่ะ?”
ผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ ทำให้คนไม่กล้าโต้เถียงกลับ”ถ้าหากผมพูดว่าใช่ คุณเสิ่นจะทำไม? อย่าลืมนะว่า ตอนนี้มีเพียงเราสองคน ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงคงถูกคุณปั่นหัวจนกลับไปแล้ว ผมขอบอกอะไรสักอย่างนะว่า ต่อให้คุณร้องเรียกคนช่วยก็ไม่มีคนมาช่วยคุณได้”
เสิ่นอีเวยถูกเซียวหันถิงบีบคั้นให้ถอยหลังหนึ่งก้าวหนึ่งก้าว ในที่สุดเธอก็ล้มลงบนเตียงอันขาวสะอาด และเธอก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว”คุณจะทำอะไร?”
เซียวหันถิงค่อยๆเดินเข้ามาใกล้”ถึงเวลาทำเรื่องที่ควรทำสักที”
เบ้าตาของเสิ่นอีเวยปรากฏเม็ดน้ำตาขึ้น เธอรู้สึกกลัวมาก ภาพเหตุการณ์ครั้งที่แล้วที่ประหม่าเลยถูกสวี่อันฉิงวางยาและส่งถึงเตียงให้กับถานจงหมินปรากฏในหัวสมองเธออีกครั้ง ถึงแม้คนที่อยู่เบื้องหน้าไม่ได้ป่าเถื่อนและใจดำเหมือนคนก่อน แต่ในใจของเสิ่นอีเวยกลัวว่าจะเหมือนกับครั้งก่อน
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าคืนนี้ตัวเองต้องไม่เหลือแน่
มือขนาดใหญ่ของเซียวหันถิงเข้ามาจับกระดุมเม็ดแรกของเสิ่นอีเวย ขณะที่เสิ่นอีเวยเตรียมส่งเสียงร้องด้วยความตกใจนั้น ปากของเธอก็ถูกปิดไว้ด้วยเซียวเจ๋อเสิ่น
ดวงตาของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก เสิ่นอีเวยจ้องมองเซียวหันถิงอย่างตกใจกลัว อันที่จริงเซียวหันถิงได้หยุดการกระทำของตัวเองแล้ว แต่อารมณ์ของเสิ่นอีเวยยังไม่สามารถสงบนิ่งได้อีก “ข่มขืนผู้หญิงนับว่าเป็นเรื่องต่ำช้า”
ร่างเงาที่อยู่เบื้องหน้าของเสิ่นอีเวยหายไปแล้ว เซียวหันถิงลุกขึ้นยืนจากบนร่างกายของเธอ ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกโล่งใจมาก
เซียวหันถิงสวมชุดสูทพลางพูดพลางว่า”คุณวางใจเถอะ บริษัทของแม่คุณเป็นของคุณแล้ว ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของบริษัทแล้ว แต่ผมสามารถรอ รอจนกว่าวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าการอยู่ข้างกายเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่น่าสนใจอะไร และผมก็จะพร้อมต้อนรับการมาหาของคุณเสมอ คุณเสิ่น ขอให้คุณโชคดี”
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเรื่องของคืนนี้เหมือนกับฝันมาก เมื่อเซียวหันถิงจากไปไม่นาน เธอจึงจะดึงสติกลับมาได้
แต่สิ่งที่เสิ่นอีเวยคาดคิดไม่ถึงคือ เหตุการณ์ในคฤหาสน์ตระกูลเซิ่งอันน่าตื่นตากำลังรอเธออยู่
วินาที่ที่เปิดประตูใหญ่ เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูผิดปกติแล้ว เธอเห็นคนรับใช้เฝ้าข้างประตูไม่กี่คน เธอถามขึ้นว่า”ในบ้านเกิดเรื่องอะไรไหม?”
สาวใช้ไม่กี่คนหันหน้ามาสบตากัน และไม่รู้จะพูดยังไง เสิ่นอีเวยรู้เลยทันทีว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
“คุณเสิ่นค่ะ คุณผู้ชายเรียกคุณ…ให้ส่งข้าวให้เขาข้างบนค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจ เซิ่งเจ๋อเฉิงอยากกินข้าว ทำไมต้องให้เธอไปส่งด้วย เมื่อก่อนก็ไม่เคยให้เธอไปส่งด้วย
เสิ่นอีเวยอยากรู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเลยรับถาดอาหารในมือของสาวใช้ เธอก้าวเท้าเดินทีละก้าวตรงไปในห้องนอน แต่ในใจไม่รู้ว่าทำไมลางสังหรณ์ที่ไม่ดียิ่งผุดมากขึ้นเรื่อยไป
เมื่อเสิ่นอีเวยเดินมาถึงตรงหน้าประตู เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยของผู้หญิงกับผู้ชายดังขึ้นมาจากห้องนอน และยังแฝงด้วยเสียงหัวเราะอันน่าบาดแก้วหูของผู้หญิง
ถาดอาหารในมือของเสิ่นอีเวยสั่นเทา ผู้หญิง…ที่อยู่ด้วยกันกับเซิ่งเจ๋อเฉิง หรือว่าเสิ่นหุ้ยกลับมาแล้วหรอ?
คงเป็นไปไม่ได้ อาการป่วยของเสิ่นหุ้ยรุนแรงขนาดนั้น หากพูดตามหลักการ ตอนนี้เธอน่าจะอยู่โรงพยาบาล จะมาปรากฏตัวในห้องนอนของพวกเขาได้ยังไงกัน
แต่เมื่อตั้งใจฟังเนื้อคำพูดของคนสองคนพูดคุยกันแล้ว กลับได้ยินเสียงจู๋จี๋กัน ชั่วพริบตาความเคืองโกรธในใจของเสิ่นอีเวยก็พลุ่งพล่าน เธอผลักเปิดประตูด้วยมือข้างเดียว
ภาพสะท้อนรูม่านตาเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่บนเตียงกับสาวสวยอีกคน ผู้หญิงคนนี้มีร่างกายผอมเพรียว และส่วนล่างของร่างกายของพวกเขาสองคนก็ปกคลุมด้วยผ้าห่ม แต่ส่วนบนของร่างกายเปิดเปลือย
เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนแรก ก็เงยหน้ามองอย่างกระวนกระวาย และรีบดึงผ้าห่มมาปิดหน้าอกไว้
สาวสวยส่งเสียงร้องอย่างตกใจว่า “เธอเป็นใคร!”
เสิ่นอีเวยไม่สนใจเธอ เพราะเธอตกใจกับภาพสถานการณ์เบื้องหน้าจนลืมเลยว่าจะพูดอะไร
บนใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงยังคงเป็นสีหน้าประชดประชันที่คุ้นเคยต่อเสิ่นอีเวยอยู่ แขนของเขาทาบบนแขนที่มีผมสีทอง ฉากนี้ได้สร้างความบาดตาบาดใจต่อเสิ่นอีเวยมาก
ถ้าหากภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อก่อน เสิ่นอีเวยคงอาละวาดแล้ว แต่สภาพจิตใจเธอตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เสิ่นอีเวยสูบลมหายใจเข้าลึกๆ และวางถาดอาหารในมือบนโต๊ะ ขณะที่เตรียมตัวจะออกไป ก็มีเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงดังขึ้นจากข้างหลัง
“หยุดนะ!”