สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 350
บทที่ 350 การยอมรับจากปากครั้งที่สอง
พูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยนิ่งไปสักพัก เพราะหัวใจของเธอเหมือนโดนบีบขึ้นมาทันที จมูกเริ่มแดงขึ้น จนเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมา
เพราะในช่วงเวลาสี่ปีก่อนที่ประเทศอังกฤษ ในเมืองลอนดอน เธอใช้ชีวิตเลี้ยงดูเหมียนเหมียนน้อยอย่างโดดเดี่ยว เหมือนกับว่าความทรงจำทั้งหมดต่างไหลก็พรั่งพรูเข้ามาในสมองของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว และไม่มีทางลบเลือน
ตัวเธอเองต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน หลายวันหลายคืนที่ไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ทั้งหมดคือสิ่งที่เธอผ่านมา ดังนั้นในวันนี้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขามีสิทธิ์อะไรถึงต้องการให้เหมียนเหมียนน้อยกลับไปอยู่ข้างกายเขา?
เสิ่นอีเวยโมโหในใจ แต่เธอกลับพยายามข่มอารมณ์ของตนเองเอาไว้อย่างสุดกำลัง
“เหตุผลที่พวกเขาทะเลาะกันคือ เด็กพวกนั้นหัวเราะเยาะเธอ หัวเราะเยาะเรื่องที่เธอไม่มีพ่อ พวกเขาพูดต่อหน้าเหมียนเหมียนน้อยที่อายุเพียงสี่ขวบว่า พวกเขาทั้งหมดมีพ่อ แต่เธอไม่มี ดังนั้นเธอจึงเป็นสัตว์ประหลาด
แน่นอนฉันรู้ว่าคำที่พูดออกมาจากปากของเด็กอาจจะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่เซิ่งเจ๋อเฉิง เมื่อฉันได้ฟังเหมียนเหมียนน้อย ความเจ็บปวดของคำเหล่านั้นไม่เหมือนกัน แต่ไหนแต่ไรลูกสาวของฉันไม่ค่อยร้องไห้ แต่วันนั้น เธอกลับบ้านมาน้ำตาร่วงต่อหน้าฉัน ถามฉันว่าตนเองเป็นสัตว์ประหลาดหรือไม่ เพราะเด็กคนอื่นต่างมีพ่อ แต่เธอไม่มี!”
เสิ่นอีเวยพูดมาถึงตรงนี้ ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป น้ำเสียงของตนเองเริ่มไม่ดีและพูดเสียงดังขึ้น
ส่วนเหมียนเหมียนน้อยที่ถูกหลินอวี้พามาดูการ์ตูนห้องในข้างๆกลับได้ยินเข้า เธอเงี่ยหูเล็กๆฟัง เมื่อได้ยินน้ำเสียงของแม่ตนเอง เธอกระพริบตาโตๆหลายครั้ง และหันไปถามหลินอวี้ที่นั่งอยู่ข้างๆว่า :“ลุงหลินอวี้ ลุงได้ยินหรือเปล่าคะ เหมือนว่าแม่ของหนูกับลุงเซิ่งคนนั้นทะเลาะกัน”
เขามองเห็นเหมียนเหมียนน้อยขมวดคิ้ว
หลินอวี้ตกใจ เด็กอายุสี่ขวบได้ยิน ทำไมเขาถึงไม่ได้ยิน แต่เขาทำได้เพียงเอื้อมมือออกมาหยิบรีโมต เพิ่มเสียงการ์ตูนให้ดังขึ้นอีกหน่อย จากนั้นพูดอย่างจริงจังว่า :“อย่ากังวลไปเลย พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน พวกเขาเพียงแค่กำลังคุยธุระกัน”
เหมียนเหมียนน้อยเงยหน้า ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง หลินอวี้ชายร่างใหญ่มองเห็นเข้าหัวใจแทบหลอมละลาย
“พวกเขากำลังคุยเกี่ยวกับเรื่องของหนูใช่ไหมคะ?”
เหมียนเหมียนน้อยถาม
หลินอวี้ตกใจอีกครั้ง ต้องเป็นวิญญาณของเด็กอัจฉริยะลงมาเกิดแน่ๆ คาดเดาได้แม่นจริงๆ
แต่เขาจะพูดอะไรได้?อยู่ต่อหน้าเด็กที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ เขาโกหกไม่ออก แต่ก็ไม่สามารถหักหลังเจ้านายของตนเองได้ ดังนั้นในที่สุดเขาจึงพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ส่วนห้องรับแขกด้านข้าง เสิ่นอีเวยยังคงคุมเชิงต่อเซิ่งเจ๋อเฉิง บรรยากาศระหว่างคนสองคนนั้นค่อนข้างตึงเครียด เหมือนกับตัวเม่นสองตัวกำลังจะทะเลาะกัน ไม่มีใครยอมใคร
แต่เมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ฟังเสิ่นอีเวยพูดประโยคนั้นออกมา“พวกเขาพูดว่าเหมียนเหมียนน้อยไม่มีพ่อ ดังนั้นจึงเป็นสัตว์ประหลาด”เหมือนมีบางอย่างกระทบจิตใจของเขา จนแตกละเอียดออกมาในทันที มันคือความละอายใจและความรู้สึกผิดที่ครอบงำ
เพียงแต่ เขายังคงไม่รู้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงพูดคำว่า“ขอโทษ”ไม่ออก
ดังนั้น เมื่อได้ฟังคำพูดของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงถามออกมาเพียงแค่สามคำ :“จากนั้นล่ะ?”
ใบหน้าของเสิ่นอีเวยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ มันไม่ใช่เพราะเธอแปลกใจกับคำถามของเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เลือดเย็นและไร้ความรู้สึกเข้าไปถึงกระดูกดำ
การตอบสนองที่เหมือนสายลมอันบางเบาเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้
เสิ่นอีเวยบังคับตนเองให้ยิ้มออกมาอย่างสดใส เธอพูดอย่างสงบจิตสงบใจ:“ ดังนั้น อันที่จริงฉันจึงไม่รังเกียจสวี่เส้าเหิง เพราะตอนที่ได้รู้จักเขาครั้งแรก ฉันลองชั่งน้ำหนักเงื่อนไขของเขาทุกด้านแล้ว เขาเป็นคนรักที่ดีมากๆ แถมยัง——”
สายตาของเสิ่นอีเวยเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที :“ฉันมีความหวังอย่างหนึ่งมาตลอด นั้นคืออยากหาพ่อให้กับเหมียนเหมียนน้อยสักคน ให้เหมียนเหมียนน้อยมีครอบครัวที่สมบูรณ์”
ฟังประโยคนี้ อุณหภูมิในดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังคงมองเสิ่นอีเวยด้วยความเย็นชาเหมือนตอนแรกเริ่ม
“ดังนั้น ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ ฉันโมโหมากฉันเจ็บปวดใจฉันแจ้งความและฉันทำอะไรได้อีก?ในเมื่อสวี่เส้าเหิงสามารถทำเรื่องน่ากลัวแบบนี้กับฉัน นั้นก็หมายความว่าแท้จริงแล้วเขาไม่รักฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเอาพลังงานและเวลาไปเสียให้เขาอีกต่อไป”
เสิ่นอีเวยยิ่งพูดยิ่งกล้าหาญมากขึ้น :“คางคกสองขาหายากฉันใด ผู้ชายที่มีขาสองข้างจะหายากขนาดนั้นเชียวหรอ?อย่างน้อย ครั้งต่อไปฉันจะเปิดตาให้กว้างกว่านี้ ไม่ทำให้ตนเองบังเอิญเจอกับผู้ชายเศษเดนอีก ดังนั้นคุณอย่ามองว่าฉันไม่ได้มีความรู้สึก แต่นั้นเป็นเพราะฉันไม่สนใจ——”
พูดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยหรี่ดวงตาคู่สวย เธอตั้งใจพูดเสริมอีกประโยค:“ และสำหรับคนที่เคยทำร้ายฉัน ฉันแน่ใจว่าสามารถจัดการแทงพวกเขาสักทีสองทีได้แน่นอน ดังนั้นคุณเซิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แทนฉัน”
ใบหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงเคร่งเครียด เพราะได้ยินประโยคสุดท้ายที่แฝงไว้ด้วยการถากถางตนเองของผู้หญิงคนนี้ แต่เขายอมรับ ยอมรับเรื่องราวที่ผ่านมา ตนเองทำไม่ดีกับเธอไว้
“แต่ว่า”เซิ่งเจ๋อเฉิงขยับเข้าใกล้เสิ่นอีเวยหนึ่งก้าว มือข้างหนึ่งหยิกคางของเธออย่างนุ่มนวล เขาไม่ต้องการแม้แต่จะออกแรง แต่เพื่อจะสั่งสอนผู้หญิงตรงหน้าที่กล้าคิดจะทำผิดกฏหมาย เขาจึงต้องออกแรงที่มือสักหน่อย
เสิ่นอีเวยโดนเขาหยิกจนเจ็บ เธอขมวดคิ้วและจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอฟังเขาพูดว่า:“ ถึงอย่างไรคุณก็ปล่อยให้ลูกสาวของผมต้องตกอยู่ในอันตราย เมื่อสักครู่ที่หลินอวี้พาเหมียนเหมียนน้อยเข้ามา แน่นอนว่าไม่มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าโชคร้ายโดนลักพาตัว เธอจะหวาดกลัวมากแค่ไหน เรื่องนี้จะคิดบัญชีอย่างไร?”
หา?
เกิดคำถามมากมายในใจเสิ่นอีเวย เธอรู้สึกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังพยายามกลั่นแกล้งเธอ
เธอรู้สึกโมโห จึงพูดออกไปโดยไม่คิด:“เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณคิดว่าฉันโง่หรอ?ฉันจะต้องตกลงคิดบัญชีกับคุณ?คนอื่นลักพาตัวลูกสาวของคุณไม่ใช่ฉันเป็นคนลักพาตัวลูกสาวของคุณ ในใจของคุณคิดว่าฉันเป็นคนลักพาตัวหรอ?”
อื้ม ดีมาก เขาต้องการคำตอบแบบนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงกระตุกมุมปากทำให้เกิดรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้
“ดังนั้น นี่คือครั้งที่สองที่คุณยอมรับจากปากว่าเหมียนเหมียนน้อยคือลูกสาวของผม หลังจากนี้ผมจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับปัญหาเรื่องนี้อีก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตั้งแต่คุณเริ่มโกหก ผมก็ไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว”
เสิ่นอีเวย:“……”
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอมรับได้ง่ายๆ แต่กลับเป็นเพราะว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดความจริง ดังนั้นเมื่อโกหกในใจของเธอจึงรู้สึกกระวนกระวาย ดั่งเช่นในตอนนี้
“ฉันเคยยอมรับตอนไหน” เสิ่นอีเวยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป
แต่สีหน้าท่าทางที่เธอแกล้งทำเป็นโง่ เมื่อถูกผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจ้องมอง เขากลับรู้สึกว่ามันกลายเป็นน่ารัก