สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 355
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 355 ทั้งสองคนจะให้น้องสาวกับหนูใช่ไหม
อย่างเช่นฉินจื่อเฟิง เพียงแค่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำเดียว มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะไม่สามารถหางานทำในเมืองนี้ได้ เพราะไม่มีใครยินยอมให้เธอดำรงตำแหน่งอีก
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ทำอะไร แต่ตัวเขาเองมีความสามารถแบบนี้
แต่ว่า หรือตนเองควรจะขอบคุณเขา?เสิ่นอีเวยคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้โดยสิ้นเชิง
เสิ่นอีเวยรู้สึกไม่สบายใจที่โดนกักตัวไว้เช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงพูดว่า:“คุณปล่อยฉันออกก่อนได้ไหม?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆขมวดคิ้ว เหมือนกับไม่พอใจ เขาพูดสามคำออกมาเบาๆ:“ ไม่มีทาง”
เสิ่นอีเวย:“……”
เธอกำลังเตรียมที่จะพูด กลับได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยและอ่อนโยน:“ม่ามี้?”
เสิ่นอีเวยนิ่งไปทั้งตัว รีบหันกลับไปมองที่ประตู เงาของเหมียนเหมียนน้อยยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตากลมโตกำลังมองคนสองคนที่กำลังทับกันอยู่บนโซฟา
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคลื่อนไหว และไม่รู้สึกกังวลสักนิด เขามองหลินอวี้ที่เพิ่งจะวิ่งมาถึงข้างๆเหมียนเหมียนน้อย ถามเสียงเข้มว่า :“นายไม่ได้ห้ามเธอไว้อีกแล้วหรอ?”
หลินอวี้ก้มศีรษะลงทันทีโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขาตอบอย่างเคร่งขรึม :“ขอประทานโทษครับ ประธานเซิ่ง”
คนตัวเล็กด้านข้างพูดด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย:“อย่าว่าลุงหลินเลยค่ะ หนูวิ่งออกมาเอง ไม่เกี่ยวกับเขา”
เซิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้วมองเหมียนเหมียนน้อย เขาเก็บความรู้สึกไว้สักพักจึงพูดออกมา :“หนูชอบให้ความเป็นธรรมกับคนอื่นหรอ”
น้ำเสียงที่พูดแบบนี้ เสิ่นอีเวยได้ยินก็รู้สึกกังวลใจ จึงรีบพูดแทรกเขา:“เหมียนเหมียนน้อยเพิ่งจะสี่ขวบ คุณพูดแบบนี้กับเด็กสี่ขวบหรอ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงนิ่งไปสักพัก เขาคิดถึงคำพูดของเสิ่นอีเวยอย่างละเอียด และนึกย้อนกลับไปถึงน้ำเสียงของตนเอง บ่งบอกชัดเจนว่ามันเหมือนกับเวลาปกติที่เขาพูดกับหลินอวี้ แต่นี้คือลูกสาวของเขา หัวคิ้วและมุมปากเซิ่งเจ๋อเฉิงสั่นไหวอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เพราะจนถึงตอนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงยังไม่ยอมปล่อยเสิ่นอีเวยออก ดังนั้นอิริยาบททั้งสองคนบนโซฟาจึงเต็มไปด้วยความคลุมเครือ เสิ่นอีเวยรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ตกอยู่ในสายตาของเหมียนเหมียนน้อยที่อายุสี่ขวบ เธอรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น ต้องการที่จะรีบออกไป
แต่ว่า เมื่อเธอกำลังเตรียมตัวขยับออกไป กลับได้ยินเหมียนเหมียนน้อยพูดอีกครั้ง:“ ม่ามี้ เมื่อสักครู่ทั้งสองคนกำลังจะเตรียมตัวจูบใช่ไหมคะ?หนูมารบกวนหรือเปล่า?”
ทุกคนในเหตุการณ์:“……”
เซิ่งเจ๋อเฉิงใบหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้วมองลูกสาวตนเอง “เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมรู้เยอะจัง?”
วินาทีต่อมา เขาหันกลับมา มองพิจารณาผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของตนเองอย่างจริงจัง เขาซักถามว่า:“ เสิ่นอีเวย คุณมันสุดยอดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าคุณจะสอนเด็กอายุสี่ขวบเรียนรู้ได้มากมายขนาดนี้ แม้แต่จูบก็ยังรู้ ผมควรจะชมเชยพวกคุณทั้งสองอย่างไรดี?”
เสิ่นอีเวยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีพิษมีภัย พูดอย่างอ่อนโยนว่า:“ไม่ต้องชมเชย เพียงแค่คุณปล่อยพวกเราสองแม่ลูกไปจากตรงนี้ก็พอ”
แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงจะให้ความสนใจกับคำขอของเธอได้อย่างไร เขาไม่แม้แต่มองเธอด้วยความรำคาญ
เสิ่นอีเวยรีบอธิบายกับเหมียนเหมียนน้อย:“ พวกเราไม่ได้จะจูบกัน พวกเราเพียงแค่กำลังคุยธุระ……”
คนตัวเล็กก็เดินมาหาพวกเขาทั้งสองคน เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงยอมปล่อยเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยลุกขึ้นจากโซฟา อุ้มเหมียนเหมียนน้อยไว้ เธอสำรวจร่างกายทุกส่วนว่ามีตรงไหนได้รับบาดเจ็บหรือไม่จึงค่อยวางใจ
เหมียนเหมียนน้อยถามอย่างไร้เดียงสาว่า:“งั้นทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องเกี่ยวกับหนูหรอคะ?”
เสิ่นอีเวยนิ่งไปสักพัก สัญชาตญาณสั่งให้เธอหันไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิง และถามว่า:“ คุณมีธุระอะไรคะ?”
“เรื่องที่จะมีน้องสาวให้หนูไง!”เสียงที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนของเหมียนเหมียนน้อยดังไปทั้งห้องรับแขกของคฤหาสน์ตระกูลเซิ่ง
“……”
เสิ่นอีเวยอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก น่ะ……นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ได้ประโยชน์จากประโยคของเหมียนเหมียนน้อยเป็นอย่างยิ่ง เขามองคนตัวเล็กด้วยสายตาชมเชย
เสิ่นอีเวยเอามือจับหน้าผาก ถามเหมียนเหมียนน้อย:“ ใครเป็นคนบอกหนูหรอ?”
“ลุงหลิน” เหมียนเหมียนน้อยตอบคำถามออกมา
ห้องรับแขกที่กว้างใหญ่ บรรยากาศเงียบลงทันที หน้าผากของหลินอวี้มีเหงื่อไหลออกมาไม่ยอมหยุด
ในตอนนี้ สายตาของเสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิงหันไปมองหลินอวี้ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าพร้อมกัน หลังจากนั้นเขายืนตัวสั่น รีบอธิบายว่า:“คุณเสิ่น เป็นเพราะว่าผมไม่ค่อยได้คุยกับเด็กสักเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อสักครู่ตอนที่พวกคุณอยู่ด้วยกัน เธอถามผมหลายคำถาม ถ้าผมเพิกเฉยต่อเธอก็จะดูไม่มีมารยาท ดังนั้น……”
เสิ่นอีเวยเงียบกริบ ไม่มีคำพูดใดๆ เพราะเธอรู้ว่า คนข้างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงแท้จริงไม่ได้คิดร้ายกับตนเอง โดนเฉพาะหลินอวี้ เรื่องนี้เธอสามารถรู้สึกได้
หันกลับไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิงอีกครั้ง เขาเงยหน้ามองหลินอวี้:“ทำดีมาก”
เสิ่นอีเวยไร้คำพูด ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สำคัญกับตนเองอีกต่อไป เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากมาย
เสิ่นอีเวยอุ้มเหมียนเหมียนน้อยไว้ในอ้อมกอดและนั่งลงบนโซฟา :“บอกแม่หน่อยสิคะ คนพวกนั้นทำอะไรไม่ดีกับหนูไหม?หรือทำให้หนูตกใจกลัว?”
เหมียนเหมียนน้อยหัวเราะ ตอบว่า:“ ไม่มีค่ะ คนตัวใหญ่สองคนที่ลักพาตัวหนูโง่มากจริงๆ หนูแค่ใส่ยาถ่ายลงในซุปหอมใหญ่เพื่อจัดการพวกเขา——”
พูดถึงตรงนี้ เหมียนเหมียนน้อยทำท่ายกข้อมือมองดูนาฬิกาของตนเอง พูดด้วยความภูมิใจว่า:“ตอนนี้ พวกเขาคงยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล!”
เสิ่นอีเวย:“…..”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างเพราะแทบไม่อยากจะเชื่อ ตนเองเพิ่งจะได้ยินว่าอะไรนะ?เหมียนเหมียนน้อยจัดการคนตัวใหญ่สองคนและหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขา?
เธอหันไปมองหลินอวี้ทันที และถามว่า:“พวกคุณไม่ได้เป็นคนช่วยเธอออกมาหรอคะ?”
มือทั้งสองข้างของหลินอวี้อยู่ข้างลำตัว เขาตอบคำถามด้วยความเคารพอย่างยิ่ง:“ตอนที่ผมรีบพาคนไปที่โกดัง คุณหนูก็ออกมาจากด้านในโกดังเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ชายทั้งสองคนที่ลักพาตัวเธอ ก็เป็นไปตามที่เธอพูดมาทั้งหมด เป็นเพราะกินซุปหัวหอมจึงเกิดปวดท้อง ตอนนั้นล้มลงบนพื้น”
เสิ่นอีเวยยังไม่ทันจะตกใจเรื่องของลูกสาวตนเอง ก็ได้ยินเสียงเหมียนเหมียนน้อยพูดขึ้นมาว่า
“ม่ามี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่จะไม่ออกไปเดตกับลุงแซ่สวี่คนนั้นแล้วใช่ไหมคะ?”
เสิ่นอีเวยนิ่งไปสักพัก คนที่เหมียนเหมียนน้อยพูดคือสวี่เส้าเหิง แต่ทำไมเด็กสามารถถามอย่างละเอียดได้เช่นนี้?
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”เธอนั่งยองๆด้วยรอยยิ้ม รักษาระดับความสูงให้เท่ากับเหมียนเหมียนน้อย
เด็กหญิงตัวน้อยพูดความรู้สึกที่ตนเองมีต่อสวี่เส้าเหิง:“เพราะหนูไม่ชอบลุงคนนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า แต่เพราะม่ามี้ชอบ ดังนั้นหนูก็อยากให้ม่ามี้มีความสุข
แต่เขาคือคนไม่ดี ครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องแบบนี้กับม่ามี้ได้ ดังนั้นเหมียนเหมียนน้อยหวังว่าม่ามี้จะไม่สนใจเขาอีก