สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 360
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 360 แฟนคลับตัวยง
ได้ฟังคำพูดของเสิ่นอีเวย สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆเย็นชา แต่ในตอนสุดท้าย เขาก็ถามออกมาเบาๆว่า:“ แล้วยังไงต่อ? คุณอยากให้ผมทำอะไร?”
เสิ่นอีเวยอึ้งไป ประโยคที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงถามว่าเธอต้องการอะไร?
ผู้ชายคนนี้ชอบกระทำโดยพลการไม่คำนึงถึงจิตใจคนอื่น……เขายอมให้เธอมีสิทธิตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
เธอเริ่มระวังตัว ในขณะเดียวกันก็ถอยหลังหนึ่งก้าว เว้นระยะห่างระหว่างเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยยืนในตำแหน่งหันหน้าไปตามทิศทางลม เส้นผมบนหน้าผากจึงยุ่งเหยิงเล็กน้อย มีบางเส้นปกคลุมดวงตา แต่เธอกลับไม่ใส่ใจ
ในที่สุด เสิ่นอีเวยพูดออกมาเบาๆว่า:“เซิ่งเจ๋อเฉิง ทำไมระหว่างพวกเราสองคนไม่ต่างคนต่างอยู่?ชีวิตของฉันตอนนี้ก็ดี ส่วนตัวคุณเอง ก็สามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ส่วนตัวของฉัน ตอนนี้มีเหมียนเหมียนน้อย พวกเราสองคนแม่ลูกก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้
แท้จริงแล้วบุคคลที่สามไม่เพียงอยู่ระหว่างความรักของคนสองคนหรือในชีวิตแต่งงาน ถ้าตอนนี้คุณยังต้องการจะเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตของฉันกับเหมียนเหมียนน้อย งั้นคุณก็คือบุคคลที่สามอย่างเต็มตัว จะไม่ได้รับความเคารพจากใคร”
ที่จริงเสิ่นอีเวยรู้ตัวว่า คำพูดของตนเองนั้นค่อนข้างแรง ถึงอย่างไรเธอต้องจัดการเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ใช่ฟังคำพูดดีๆจากปากของเขา และต้องรอดูว่าแท้จริงเขาจะทำอย่างไร
ในตอนนี้อย่างที่เห็นได้ชัดเจน อย่างน้อยเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดเหตุผลที่ทำให้ตนเองรู้สึกลำบากใจสักนิดเดียว เธอต้องการเวลา เขาจึงให้เวลาเธอจริงๆ ถึงแม้เวลาจะสั้นมาก แต่เสิ่นอีเวยในใจรู้ดีว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงคนนี้สามารถยอมอ่อนข้อให้มากที่สุด
ที่จริงทุกอย่างเรียบร้อยดี ค่อนข้างเข้ากันได้ดี แต่ปัญหาอย่างเดียวคือ ตอนนี้เธอไม่ใช่เสิ่นอีเวยคนเมื่อก่อนอีกแล้ว สิ่งที่เธอต้องการเมื่อก่อน ตอนนี้เธอไม่ต้องการมันแล้ว ก่อนหน้านี้ชีวิตของตนเองเกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่หลังจากนั้น ผู้ชายคนนี้ทำให้ตนเองผิดหวังและหมดหวังซ้ำไปซ้ำมา
ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ได้เป็นโลกทั้งใบของตนเองอีกต่อไป เธอไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแล้วจริงๆ
เสิ่นอีเวยเสียงเบาลง ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ก่อนจะจากกัน เสิ่นอีเวยนึกคำถามหนึ่งขึ้นมาได้ เธอหันกลับไปสบตาเซิ่งเจ๋อเฉิง ถามว่า:“สิ่งที่คุณเพิ่งจะพูด คุณเป็นคนวางดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพนี้หรอ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงทำได้เพียงมองเธออย่างเงียบๆ ดวงตามืดมนเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาไม่พูดอะไรออกมา ถือว่าเป็นการยอมรับ
เสิ่นอีเวยเข้าใจโดยปริยาย จึงถามต่อว่า:“ คุณมาที่นี่บ่อยแค่ไหน?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปสักพัก จึงตอบว่า:“อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ปกติจะให้คนมาวางดอกไม้ทุกวัน”
เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าลึก และถามต่อว่า:“สี่ปีที่ฉันจากไป ไม่เคยหยุดเลยหรอ?”
บรรยากาศรอบๆเหมือนสงบลงทันที ระยะห่างระหว่างคนสองคนเกือบสามเมตร เพียงแค่มองตาของกันและกัน กลับเหมือนมีคลื่นพายุซัดสาดความรู้สึกในใจของทั้งสองคน
เวลาผ่านไปนานมาก จนในที่สุด เสียงอ่อนโยนของเซิ่งเจ๋อเฉิง ถูกส่งไปยังหูของเสิ่นอีเวยโดยสายลมที่พัดเบาๆบนภูเขา:“สี่ปีที่คุณจากไป ไม่เคยหยุดสักวัน”
เสิ่นอีเวยร่างกายสั่นเทา เธอรู้สึกว่าตนเองต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ เพราะไม่รู้ว่าทำไม ในตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมน้ำตาตนเองไม่ให้ไหลออกมา
ถึงแม้ตอนนี้เสิ่นอีเวยจะกำลังคิดยุ่งเหยิง แต่โชคดีที่สมองของเธอยังคงรักษาความต้องการสุดท้าย นั้นคือสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้เธอรีบแยกออกจากเซิ่งเจ๋อเฉิงให้เร็วที่สุด
เพราะสัญชาตญาณของเสิ่นอีเวยรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไล่ตามเธอทันทีหากเธอหนี แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ทำ จนกระทั่งเมื่อเสิ่นอีเวยนั่งลงบนที่นั่งคนขับ หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง ไม่มีท่าทีสงบลง
ผ่านหน้าต่างรถยนต์ เสิ่นอีเวยสามารถมองเห็นจากไกลๆว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในท่าเดิม แววตา……ถ้าเธอมองไม่ผิด คล้ายกับว่าเขากำลังมองเธออยู่จากทางนั้น
เหลือบดูเวลาบนนาฬิกาอีกครั้ง เสิ่นอีเวยไม่มีเวลาคิดมาก เธอเหยียบคันเร่งแล้วขับออกไป หน้าต่างรถยนต์เปิดกว้าง ลมในภูเขาเย็นสบาย แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าหัวใจยังคงเต้นไม่เป็นท่าอย่างชัดเจน แต่โชคดีที่สมองยังคงตื่นตัว เธอจึงขับถึงที่หมายอย่างราบรื่น
เมื่อผ่านศูนย์การค้าเซ็นจูรี่พลาซ่า เสิ่นอีเวยลงจากรถยนต์เพื่อซื้อลูกโป่งรูปหัวใจสีชมพู ถึงอย่างไรตนเองกำลังจะไปร่วมงานมีตแอนด์กรี๊ดของลูกสาวตนเอง ในฐานะที่เป็นแฟนคลับตัวยงของเหมียนเหมียนน้อย จะไม่เตรียมอุปกรณ์ล่วงหน้าได้อย่างไร?
สถานที่จัดงานมีตแอนด์กรี๊ดอยู่ด้านบนเวทีเล็กๆในบริเวณลานชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อีกทั้งวันนี้คือวันหยุด ดังนั้นคนมาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าจึงเยอะเป็นพิเศษ แต่เสิ่นอีเวยที่เพิ่งมาถึงประตู เห็นได้ชัดว่ายังคงอยู่ในชั้นนอกสุดของฝูงชน แต่กลับได้ยินเสียงแฟนคลับของเหมียนเหมียนน้อยตะโกนอย่างชัดเจนจากทุกทิศทาง
“เสิ่นเหมียน หนูคือไอดอลของลูกชายลุง ขอลายเซ็นให้ลุงได้ไหม!”
เสิ่นอีเวย:“……”
เธอมองผู้ชายอายุประมาณสามสิบปีอย่างเงียบๆ เขาถือธงเล็กๆหันไปตะโกนทางเวทีจนหน้าดำหน้าแดง มองดูคล้ายกับเป็นแฟนคลับตัวยง เสิ่นอีเวยแต่ไหนแต่ไรไม่มีนิสัยชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่ตอนนี้เพื่อลูกสาวของตนเอง เธอจึงตัดสินใจยกเว้นสักครั้ง
“คุณคะ สวัสดีค่ะ……”เสิ่นอีเวยใช้มือแขนเสื้อดึงแขนเสื้อของผู้ชายคนนั้น พูดเสียงเบา
ถึงแม้งานมีตแอนด์กรี๊ดจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่เพราะอยู่ใกล้กันมาก ดังนั้นผู้ชายคนนั้นจึงได้ยินเสียงของเสิ่นอีเวย เขาหันมามองเสิ่นอีเวย พูดตามความจริง เมื่อสักครู่เธอเพียงมองจากด้านข้างจึงไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้เมื่อสบตากันเสิ่นอีเวยจึงพบว่าแท้จริงแล้วหน้าตาของผู้ชายคนนี้มีความโหดร้าย
มันยากเกินที่จะจินตนาการ…..คิดไม่ถึงว่าผู้ชายหน้าตาโหดร้ายหนึ่งคนจะสามารถตะโกนสโลแกนหวานๆออกมาได้……
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่ามุมมองของตนเองเริ่มสั่นคลอน
“คือว่า ฉันอยากถามสักหน่อย เมื่อสักครู่ฉันได้ยินคุณพูดว่าลูกชายของคุณ เออ เป็นแฟนคลับของเสิ่นเหมียนจริงหรือเปล่าคะ?”
เดิมทีเขาแสดงออกถึงความรำคาญ เพราะเขารู้สึกว่าการมีตแอนด์กรี๊ดดาราของตนเองถูกรบกวน แต่เมื่อได้ยินเสิ่นอีเวยถามเกี่ยวกับเสิ่นเหมียนเด็กผู้หญิงทีตนเองชอบ จึงสนใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ตาของผู้ชายเปล่งประกาย เขาพูดว่า:“แน่นอนคือความจริง เรื่องแบบนี้ผมจะหลอกคุณได้อย่างไร?ดาราเด็กที่ยอดเยี่ยมอย่างเสิ่นเหมียน ไม่เพียงแต่ลูกชายของครอบครัวผม แต่ลูกๆของญาติผม ทุกคนต่างชอบเธอมาก!”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ เขาพบว่าใบหน้าของเสิ่นอีเวยมีความประหลาดใจ จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ โบกธงเล็กๆในมือและตะโกนสโลแกนของตนเองต่อไป
เสิ่นอีเวยรู้สึกโล่งใจ เหมียนเหมียนน้อยตัวเล็กของเธอ…..ไม่ธรรมดาจริงๆ!