สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 378
บทที่ 378 นิสัยเดรัจฉานยากจะแก้ไข
“รู้ไหมทำไมฉันถึงเรียกคุณว่าเดรัจฉาน ?” เสิ่นอีเวยก็ได้พูดด้วยเสียงที่อ่อนแอจากความเจ็บแวด
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็ทำการกระทำต่อไป
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าร่างกายตัวเองนั้นเหมือนจะแยกออกจากกัน แม้แต่เสียงที่จะพูดออกมานั้นก็เหมือนกับเสียงที่แตกออกมาว่า “เพราะว่าสี่ปีแล้ว สี่ปีเต็ม นิสัยเดรัจฉานของคุณก็ยังไม่เปลี่ยนเลย”
เดิมที่เสิ่นอีเวยคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะฟังคำพูดตัวเองแล้วจะโมโหแต่สุดท้ายกลับไม่เลย เขาเพียงแต่เข้าไปใกล้หูของเธอแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณพูดออกมาแล้ว แล้วผมจะไม่ให้คุณเห็นความเป็นเดรัจฉานของผมได้ไงล่ะ ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพอพูดเสร็จ ท่าทางก็เริ่มมีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น เสิ่นอีเวยก็รู้สึกเจ็บจนไม่ไหวเสียแล้ว
“เรียกชื่อฉัน” ผู้ชายพูดอย่างบ้าคลั่ง
เสิ่นอีเวยก็กัดฟันแล้วพูดว่า “ออกไป”
ผู้ชายเหมือนกับจะไม่สนใจ แล้วก็เพิ่มความรุนแรงเข้าไปอีกแล้วพูดต่อไปว่า “เรียกชื่อฉัน”
เสิ่นอีเวยเจ็บจนอยากจะร้องไห้ออกมาแล้วก็บอกว่า “ออกไปปปปปป…..นะ”
คำด่ากลายเป็นเสียงแห่งความเจ็บปวด ความจริงเป็นเพราะเจ็บมาก ดังนั้นเสิ่นอีเวยก็เลยเริ่มลุกต่อต้านขึ้นมา แต่แขนขากลับถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นจับไว้อยู่
แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงแขนยาวขายาว เลยทำให้เธอนั้นยอมโดยปริยาย
และในตอนนี้ ก็ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เสิ่นอีเวยก็ได้รวบรวมสมองที่วุ่นวายแล้วก็เพ่งไปยังโทรศัพท์นั้นว่าของใครนั้นดังขึ้นมา สุดท้ายก็ได้ผลสรุปว่า เป็นของเซิ่งเจ๋อเฉิง
เสิ่นอีเวยเดิมทีคิดว่าใครโทรมาหาเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนี้ก็คือหาเรื่องตาย แน่นอนว่าเขานั้นจะไม่รับเด็ดขาด แต่มคิดว่าผู้ชายคนนี้จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็รับโทรศัพท์
เพราะว่าระยะของสองคนนั้นใกล้กันมาก ดังนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่เปิดลำโพง แต่เสิ่นอีเวยก็สามารถรู้ได้ว่าปลายสายนั้นคือใคร นั่นคือ หลินอวี้
เธอคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นจะรับโทรศัพท์ แต่ไม่เลย แต่เขากลับโยนโทรศัพท์ไปอีกด้านหนึ่งแล้วก็ได้อุ้มเสิ่นอีเวยขึ้นมา แล้วก็ได้ไปนั่งยังด้านหลังเบาะ แล้วก็ได้นั่งบนขาของเสิ่นอีเวย
เพราะว่าเปลี่ยนท่าทาง เสิ่นอีเวยก็เลยเจ็บเพิ่มกว่าเดิม แต่ชัดเจนก็คือ เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นไม่ได้มีความรู้สึกทะนุถนอมแม้แต่นิดเดียว
เขาไม่ได้สนใจว่าเสิ่นอีเวยจะเจ็บแค่ไหน แล้วก็ได้รับโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบแล้วพูดว่า “พูดมา”
หลินอวี้เมื่อได้ยินแล้วก็รับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตัวเองนั้นได้ติดตามเจ้านายตัวเองมานานแรมปี
หลินอวี้ตกใจแล้วก็พูดว่า “ท่านยุ่งอยู่ไหม ? “
เซิ่งเจ๋อเฉิงมีน้ำเสียงที่ไม่แสดงถึงความไม่พอใจ แต่ความเยือกเย็นนั้นชัดเจนมากแล้วพูดว่า “ใช่”
“ตอนนี้ทางโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว คนที่ชื่อจินลู่ และคุณหญิงเสิ่นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เนื่องจากได้ข่าวจากคนกลุ่มนั้น ความจริงแล้วเป็นคนกลุ่มวัยรุ่นแค่นั้นเอง เขากับคุณหญิงเสิ่นพบเจอกันครั้งแรก” หลินอวี้ใช้การพูดที่เรียบง่ายเข้าใจ รายงานให้กับเจ้านายทราบอย่างละเอียด ชัดเจน ฉะฉาน
เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงแม้จะฟังการรายงานอย่างตั้งใจ แต่ก็ยังไม่ได้หยุดการกระทำของเขา และในตอนนี้ เสิ่นอีเวยคิดว่าหากตอนนี้ตัวเองในมือนั้นมีมีดอยู่หนึ่งเล่ม เธอจะต้องจ้วงไอ้ชั่วนี่ให้ตายแน่นอน
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ? ไอ้ชั่วคนนี้ที่ทำเรื่องแบบนี้กับตัวเธอเอง และก็ยังคุยโทรศัพท์กับคนอื่น ? แล้วยังเป็นคนที่เธอและเขานั้นรู้จักด้วย ความรู้สึกแบบนี้……..ช่างน่าอับอายนัก
เสิ่นอีเวยก็เต็มไปด้วยใบหน้าที่แดงฉาน มองผู้ชายที่ไร้ยางอายเช่นนี้ ทำไมตัวเองจะต้องเป็นแบบนี้กับเขาด้วยนะ ? พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยก็เลยใช้แรง ทำให้ครึ่งตัวนั้นถอยห่างออกไป เดิมทีอยากจะทำให้ระยะห่างนั้นเพิ่มอีกสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะมีมือที่ไวขนาดนี้ เลยทำให้ดึงเธอกลับมาได้
“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่เชื่อฟังผม” เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้น้ำเสียงที่เยือกเย็น เหมือนกับเก็บความเยือกเย็นนี้ไว้ ทำให้คนรู้สึกหนาวไปทั่ว
เสิ่นอีเวยเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดเช่นนี้ ในใจก็เริ่มมีความตกใจมากยิ่งขึ้น เหมือนกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในลำดับต่อไป
และแล้วก็เป็นจริง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ทำให้เสิ่นอีเวยผิดหวังเลย เพราะว่ามือของเขานั้นไปที่โทรศัพท์แล้วก็กดไปตรงที่เปิดลำโพง
เสิ่นอีเวย “….”
ตอนแรกขึ้นว่าเกรงว่าข้างนอกจะมีคน ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาเธอนั้นก็ไม่ได้มีเสียงดังอะไรมากมาย ลำคอก็ไอออกมาอย่างกระแทกกระทั้น ซึ่งเป็นผลที่เสิ่นอีเวยใช้แรงทั้งหมดในบังคับตัวเอง
แต่ตอนนี้ เพราะว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเปิดลำโพง เสิ่นอีเวยรู้ว่า หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลินอวี้จะต้องได้ยินแน่นอน เลยเอามือไปปิดปกเสิ่นอีเวยอย่างแน่นหนา
แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลย แต่นี้เป็นต้นไป เธอก็เงยหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิงและก็ได้มีการขอร้องอย่างอนาถใจ
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ก้มหน้าแล้วก็มองไปยังเธอ แล้วรู้สึกว่าร่างกายตอนนี้ยิ่งมีอารมณ์มากระตุ้นให้มากขึ้นกว่าเดิม
ปลายสายหลินอวี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าไม่กล้าถามแต่อย่างใด เลยรายงานต่อไป “คนนั้นจะทำยังไงต่อไป ?”
เสิ่นอีเวยฟังคำพูดของสองคนนั้นแล้ว ตอนที่หลินอวี้ถามขึ้นมานาน เธอเห็นสายตาน่ากลัวของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างชัดเจน เสิ่นอีเวยในใจก็รู้สึกตื่นเต้น ผู้ชายคนนี้คงจะไม่ทำเรื่องที่มันเกินไปหรอกนะ ?
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้มองเสิ่นอีเวยที่ขมวดคิ้วอยู่ แล้วก็เหมือนคิดว่าเธอนั้นจะเป็นห่วงผู้ชายแซ่จิน แล้วก็ถามว่า “ผู้ชายที่เจอกันครั้งแรก คุณก็เป็นห่วงเขาแล้วหรือ ? ”
เสิ่นอีเวยถูกถามเช่นนี้ ก็จะรีบอธิบาย แต่ก็ลืมไปแล้วว่าหลินอวี้ก็ฟังได้อยู่
“ไม่ คุณผิดแล้ว ฉันไม่ได้รู้จักเขาเลย วันนี้ที่ดื่มด้วยกันก็คือเป็นการบังเอิญแค่นั้นแน่นอนว่าในส่วนนี้ถูกหลินอวี้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นก็ไม่ได้เป็นห่วงชายคนนั้นแน่นอน ฉันเพียงหวังว่าคุณจะไม่ใช้อำนาจของคุณในการทำเรื่องที่มันเกินไป”
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้มองด้วยสายตาที่ขำขันแล้วก็ถามกลับไปว่า “อ้อ ไม่ร็ว่าสิ่งที่คุณเข้าใจว่าเกินไปนั้นคืออะไร ? ”
เสิ่นอีเวยตอบไปว่า “เช่น ทำให้เขานั้นแขนหัก ขาหักไงล่ะ เซิ่งเจ๋อเฉิงฉันรู้ว่าเรื่องพวกนี้คุณทำได้แน่นอนอยู่แล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าฉันทำได้แน่นอน ดูแล้ว คุณก็เข้าใจในความคิดผมนะ แต่ว่าฉันจะบอกคุณว่า ครั้งนี้ผมไม่เช่นนั้นหรอก ในเมื่อ……”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดถึงตรงนี้ เสียงก็หนักขึ้นแล้วก็เข้าใกล้พูดว่า “เขานั้นได้สัมผัสปากคุณ