สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 386
บทที่ 386 คุณประสาทแดกไปหรือเปล่า
เสิ่นอีเวย : “…….”
เมื่อครู่ ตัวเองได้ยินอะไรมานะ? เสิ่นอีเวยเบิกตาโตจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิง
เพราะคำพูดเมื่อครู่ของเขาทำให้เธอตกใจ เสียงเธอสั่นเทาถามเขา: “คุณ… คุณล้อเล่นใช่ไหม?”
สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลยได้แต่จ้องมองเสิ่นอีเวยอย่าเงียบๆแล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ: “เธอดูสภาพฉันตอนนี้สิว่าเหมือนจะล้อเล่นกับเธอหรือเปล่า?”
เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วแน่น ในขณะที่เซิ่งเจ๋อเฉิงทำหน้าตาเคร่งขรึมดูเหมือนว่ากำลังแสดงออกถึงความตั้งใจสุดๆ
ทว่า… นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมฉันต้องมีลูกให้คุณด้วย? ! เสิ่นอีเวยได้แต่ตะโกนอย่างไม่พอใจอยู่ในใจ
“ทำไมล่ะ?” เธอตกใจยืนนิ่งอยู่นานถึงได้ถามคำถามเขากลับ
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเบาๆอยู่ในแสงสลัวๆหลังจากนั้นน้ำเสียงของเขาก็กลับมาขรึมดังเดิม
ในแสงสลัวนั้น น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกของเขาเหมือนมีพลังงานที่สร้างความสุขใจได้ เสิ่นอีเวยฟังเซิ่งเจ๋อเฉิงพูด: “เมื่อครู่เธอบอกมีสิ่งที่คอยขวางกั้นระหว่างเราสองคนอยู่ นอกจากเรื่องเสิ่นหุ้ยแล้วก็ยังมีเรื่องลูกไม่ใช่หรอ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงนิ่งอยู่สักพัก เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าเขาอยากฟังคำตอบของเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากถามเขาด้วยซ้ำ
ในแสงสลัวลมหายใจของเขาดุดันมาก เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเขาเขยิบก้าวมาทางเธอ
เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด: “เราสูญเสียลูกไปคนหนึ่งมันเป็นความผิดของฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาหวินมู่ ฉันไม่ได้ดูแลเธอให้ดีนั่นเป็นเพราะความประมาทและการที่ขาดความรับผิดชอบของฉันเอง ที่ไม่รู้ว่าในตอนนั้นเธอกำลังตั้งท้องอยู่——
ฉะนั้น ตอนนี้อยากจะชดเชยให้ ฉันจะมีลูกกับเธออีกหนึ่งคน”
เสิ่นอีเวยไม่อยากเผชิญหน้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังอธิบายกับเธออย่างตรงไปตรงมา ทว่าเธอกลับไม่อยากมองหน้าเขาตรงๆ สมองของเธอในตอนนี้มันวุ่นวายไปหมด ในสมองได้แต่คาดเดาว่าเดี๋ยวเซิ่งเจ๋อเฉิงจะทำอะไรเธอหรือเปล่า
ใจของเธอเริ่มวุ่นวาย คำพูดที่พูดออกจากปากก็ติดๆขัดๆ: “คุณ คุณ คุณ …. คุณประสาทแดกไปหรือเปล่า?”
สายตาและน้ำเสียงเย็นยะเยือกของที่เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้ถามกลับ: “เสิ่นอีเวย เธอหมายความว่ายังไง?”
ยามเมื่อผู้ชายคนนี้โมโหขึ้นมาแล้วนั้น สายตาของเขายังเคร่งขรึมหนักขึ้นกว่าเดิม ราวกับเสือชีต้าที่วิ่งในยามค่ำคืน ยิ่งทำให้เสิ่นอีเวยไม่กล้าสบสายตากับเขา ได้แต่เบนศีรษะไปอีกทาง ทำท่าทางแบบไม่สนใจเขาทั้งสิ้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงจะให้เธอทำอะไรได้ดั่งใจได้ยังไงกัน? เสิ่นอีเวยที่ไม่ระวังตัวเลยไม่เห็นการกระทำของเขาส่วนแค่เขาเอื้อมมือออกไปแล้วดึงเอวของเธอให้เข้ามาแนบชิด เรือนร่างของเธอก็ผอมเพรียวอยู่แล้วแถมถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงใช้แรงดึงเข้ามาหาตัวอีกแทบไม่มีทางปฏิเสธการกระทำของเขาได้เลย
เสิ่นอีเวยถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงดึงเข้าอ้อมกอด ร่างกายแนบชิดด้านหน้าเรือนร่างของเธอคือเขา ส่วนด้านหลังคือกำแพง ในเวลานั้นเธอไม่สามารถขยับตัวได้เลย
“มองฉัน” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดกับเธออย่างราบเรียบ
เสิ่นอีเวยไม่ได้สนใจเขาเลยได้แต่สนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดียว
จนอารมณ์เซิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มเดือดปุดๆ เขาเอื้อมมือออกมาช้อนหน้าเธอขึ้นมาให้เธอมองสบตาเขา
“ฉันพูดอีกรอบนะ คืนนี้ฉันจะมีลูกกับเธอ และอย่าคิดว่าอารมณ์ของฉันในตอนนี้คือการเรียกเธอมาขอคำปรึกษา ถ้าเธอคิดแบบนั้นล้มเลิกความคิดไปซะเถอะ”
เสิ่นอีเวยถูกเขาบังคับให้เงยหน้าจ้องตาคนอารมณ์โมโหจัดแบบนั้น เธออยากจะร้องไห้ออกมาแต่มันไม่มีน้ำตาไหลออกมา ผู้ชายคนนี้เมื่อไหร่ถึงจะแก้ไขเรื่องอารมณ์ได้สักทีนะ เมื่อครู่ก็ยังพูดคุยกันดีๆอยู่เลย แวบเดียวทำไมโมโหขึ้นมาได้ล่ะ?
เธอซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ ชีวิตนี้กลับมารักผู้ชายที่บ้าบอคนนี้ได้!
ช่วงที่เสิ่นอีวยกำลังคิดเพลินไปหน่อย เซิ่งเจ๋อเฉิงก้มศีรษะลงพร้อมทั้งใช้ริมฝีปากตนเองประกบปากเสิ่นอีเวยเอาไว้ ช่างรู้สึกเย็นแต่มันร้อนผ่าวจนกระตุกไฟที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเธอ
เธอพยายามใช้สองมือผลักผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าออกไปแต่ก็แทบไร้ประโยชน์อยู่ดี เธอพยายามใช้แรงสู้มากกว่าเดิม เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งรัดเธอให้แน่นขึ้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งแนบชิดเสิ่นอีเวยขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากของเขายิ่งบดขยี้เธออย่างหนักหน่วงจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก
พฤติกรรมแบบนี้… มันน่าอายชะมัดจนเสิ่นอีเวยหน้าแดงแจ๋กระทั่งเธอรู้สึกว่าเหมือนจะหมดลมหายใจ เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงได้ยอมปล่อยเธอแต่คอยจดจ้องเธอแทน ในดวงตาของเธอช่างเต็มไปด้วยน้ำตารื้น มันทำให้จิตใจลอยละล่องไป
“เธอนี่โง่จริงๆ ทำไมไม่ตอบรับฉันล่ะ? หือ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงถามอย่างดุๆ
เสิ่นอีเวยหัวใจเธอเต้นอย่างกับสายฟ้าฟาดลงมา เธอพยายามควบคุมอารมณ์ที่เตลิดเปิดเปิงของเธอให้สงบลงให้ได้ แล้วพูดด้วยความโกรธแทน: “ทำไมฉันต้องตอบรับคุณด้วยล่ะ? ฉันไม่รับปากเรื่องนี้กับคุณตั้งแต่แรกนี่!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเอาแต่หัวเราะ มุมปากของรอยยิ้มนั้นมันเต็มไปด้วยการหยอกล้อ: “งั้น พูดเองทำเองเลยแล้วกัน”
เสิ่นอีเวยกำลังตรึกตรองว่าที่เขาพูดนั้นมันหมายความว่าอย่างไร ทว่าร่างกายของเธอกลับถูกเขาอุ้มขึ้นมาลอยในอากาศแทน
“ว๊าย!” เสิ่นอีเวยกรี๊ดลั่นจนหูแทบแตก
เซิ่งเจ๋อเฉิงอุ้มเธอเดินมุ่งหน้าไปทางบันไดเป้าหมายคือห้องนอน เสิ่นอีเวยพยายามใช้แรงต่อสู้กับเขา: “คุณปล่อยฉันนะ!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้แต่หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร เท้าที่ก้าวไม่มีการหยุดพักแต่อย่างใดจนเสิ่นอีเวยถึงได้เข้าใจว่าเขาเอาจริง
เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้เท้าเปิดประตูห้องนอนของเสิ่นอีเวยจนเสียงดังโครมคราม แปบเดียวเธอก็ถูกโยนลงบนเตียงนอนนุ่มๆ สัญญาณเตือนภัยที่อยู่ในใจเสิ่นอีเวยเริ่มทำงาน เธอรีบลุกพรวดออกจากเตียงแล้วรีบหลีกไปอีกทางแทน
ข้อเท้าเปลือยเปล่าของเธอสัมผัสกับอุณหภูมิอุ่นๆที่แผ่มา เซิ่งเจ๋อเฉิงจับข้อเท้าของเธอเอาไว้แน่น เธอพยายามทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากอ้อมกอดเขา เธอยกเท้าขึ้นเตรียมถีบตัวเขาออกแต่กลับไม่มีแรงถีบขาออกไป
“เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณบังคับฉันเองนะ!” เธอทนมาสองครั้งแล้วแต่ครั้งนี้ไม่ทนอีกต่อไปแบ้ว เสิ่นอีเวยโมโหจนระเบิดอารมณ์
ตอนแรกก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง เธอไม่อยากที่จะลงไม้ลงมือเพราะกลัวว่าข้าวของภายในบ้านจะเกิดความเสียหาย ทว่าตอนนี้ คนโรคจิตวิตถารอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงเขาไม่ยอมหยุดจริงๆ
ของดีๆยื่นให้ก็ไม่เอา จะเอาของที่เป็นอันตราย งั้นอย่ามาโทษเธอแล้วกันว่าไม่ให้เกียรติเขา
เมื่อเสิ่นอีเวยคิดดีแล้ว เธอก็ใช้ท่าที่จำฝังใจมาใช้กับเขา ปึก ช่วงเวลาที่เธออาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษจนทำให้เธอมีโอกาสได้เรียนเทควันโดมา4ปีมันไม่ได้เปล่าประโยชน์จริงๆ
ทว่า… ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงรู้วิธีการป้องกันตัวได้ล่ะ? เธอไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม? คราวที่แล้วที่บริษัทเซิ่งซื่อผู้ชายคนนี้ยังไม่สามารถสู้เธอได้นี่หน่า ทำได้ก็แค่ป้องกันตัวเองได้เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ทำไมถึงได้?
ทำไมตัวเองถึงได้ถูกเขาตรึงไว้แน่นขนาดนี้ล่ะ? เสิ่นอีเวยไม่สบายใจสุดๆ!
เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเสิ่นอีเวยที่แสดงสีหน้าโมโหออกมาทางใบหน้า เขาสามารถเดาได้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาทั้งหัวเราะทั้งอธิบายให้เธอเข้าใจ: “ทำไม ในใจมีคำถามอยู่หรอ ตอนนี้ทำไมฉันถึงได้เก่งเทควันโด้ขึ้นมาใช่ไหมล่ะ?”
เสิ่นอีเวยได้แต่จ้องหน้าของอย่างดุดัน แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
“หลังจากสู้กับเธอคราวที่แล้ว ฉันก็ไปทบทวนเทควันโด้เพิ่มมา ตอนนี้ให้มาสู้กับเธอก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว”