สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 411
บทที่ 411 ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว
หลังจากเสิ่นอีเวยพูดประโยคนี้จบ จึงสบัดมือออกจากเซิ่งเจ๋อเฉิงทิ้ง เธอเดินไปทางประตูห้องจัดงาน โดยไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าผู้ชายด้านหลังกำลังมีสีหน้าแย่มากขนาดไหน
อันที่จริงแม้แต่ตัวของเสิ่นอีเวยเองก็ไม่รู้ว่า ทำไมตอนที่คนอื่นพูดคำเหล่านั้นออกมา ถึงแม้เธอโกรธมากถึงมากที่สุด แต่เรื่องผ่านไปแล้วก็แล้วไป
แต่เมื่อฟังเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำเหล่านั้นออกมา สิ่งที่เธอรู้สึกไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความผิดหวังและไร้หนทาง จนกระทั่งรู้สึกน่าละอายใจ
จนถึงขณะนี้ เสิ่นอีเวยเพิ่งเข้าใจว่า เหตุผลที่ในใจของเธอลึกๆรู้สึกไม่ยินยอมอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงอีกต่อไป นั้นเพราะผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิตของตนเองมาตลอด เขารู้ทุกอย่างของเธอ รู้เรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา
แต่อดีตที่ผ่านมาเหล่านั้นของเธอกลับเต็มไปด้วยคำใส่ร้ายป้ายสีและคำด่าทอที่น่ารังเกียจ ชีวิตแบบนี้ เธอไม่ยินยอมที่จะพบเจอกับมันเป็นครั้งที่สองในชีวิตของเธอ แม้ว่าจะประสบกับความทุกข์ทรมาน บางทีอาจจะสบายใจกว่าการประสบทุกข์จากโดนวิพากษ์วิจารณ์ ผ่อนคลายมากกว่า
และตราบใดที่ยังอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิง ความรู้สึกเหล่านั้นจากอดีตจะต้องติดตามเธอไปตลอดชีวิต รวมทั้งผู้ชายคนนี้จะคอยย้ำเตือนเธอตลอดเวลา ว่าในอดีตเคยโดนคนประณามมาก่อน
เมื่อเสิ่นอีเวยเดินถึงประตูห้องจัดงาน กลับไม่ได้เข้าไปทันที เนื่องจากเสียงดังเอะอะโวยวายด้านในทำให้ความรู้สึกนึกคิดของเธอยุ่งเหยิง สมองคล้ายกับจะระเบิดออกมา
แขนขาตอบสนองเร็วกว่าสมองของเธอ เสิ่นอีเวยกำลังรู้สึกตื่นตระหนก เธอจึงรีบเดินไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เพราะเมื่อสักครู่ตอนหันไป เธอรับรู้ได้ถึงสายตาเย็นชามองมาที่ตนเองอย่างชัดเจน เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตนเองกำลังต้องการหลบหนี ข้อนี้เธอรู้ชัดเจนดี
เสิ่นอีเวยยืนอยู่ตรงหน้าของอ่างล้างหน้า มองตนเองในกระจก
“เสิ่นอีเวย อย่าให้โอกาสคนอื่นทำร้ายเธอเป็นครั้งที่สองอีกเลย……”เธอพูดพึมพำกับคนในกระจก รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ทันใดนั้นเอง มือขนาดใหญ่ที่ทรงพลังโผล่เข้ามา เสิ่นอีเวยตกใจแทบผงะ อดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง:“อ่า!”
เมื่อเธอหันไปมองปรากฏว่าเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิง ข้อมือขวาของตนเองกำลังโดนเขาจับไว้อย่างแน่น
เสิ่นอีเวยพยายามสบัดข้อมือออก แต่กลับไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ภายในดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเยือกเย็นจนน่ากลัว:“ผมอนุญาตให้คุณไปแล้วหรอ เดี๋ยวนี้ความกล้าของคุณนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นนะ”
เดิมทีเสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตนเองโชคร้าย ตอนนี้ได้ฟังเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำว่า“อนุญาต”สามคำนี้ออกมาจากปาก ความรู้สึกและสีหน้าของเธอยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
เธอหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า:“ในเมื่อฉันมีขา หากต้องการเดินไปที่ไหนก็สามารถเดินไปได้ตามความต้องการของฉัน เรื่องนี้ คุณโปรดจำให้ขึ้นใจ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงอึ้งอย่างเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากท่าทีของเสิ่นอีเวยที่ปฏิบัติต่อตนเอง
เขาปล่อยมือที่จับข้อมือของเสิ่นอีเวย และบีบคางอันงดงามของเธออีกครั้ง รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา :“เสิ่นอีเวย ตอนนี้แท้จริงคุณมีกี่ใบหน้ากันแน่?เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่าคุณตั้งใจใช้น้ำเสียงออดอ้อนขอความเมตตาพูดกับผม แล้วตอนนี้ทำไมกลับเสียงแข็งขึ้นมาล่ะ?คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร?”
ถามได้ดีมาก
เสิ่นอีเวยได้โอกาส เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน:“ทำเพื่ออะไร?ทำไปเพราะว่าฉันไม่ได้รักคุณแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิง”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป เหมือนโลกทั้งใบเงียบสงัด
สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงน่าหวาดกลัว แม้กระทั่งเสิ่นอีเวยเข้าใจว่าเขาจะปล่อยตนเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ทำ
“คุณพูดอีกครั้งสิ”เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีความนุ่มนวลเลยสักนิดเดียว
หัวใจของเสิ่นอีเวยเต้นเร็วจนเจ็บปวด เจ็บจนไม่สามารถเจ็บได้มากกว่านี้อีก ความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ ทำให้ความคิดของเธอกลับกลายเป็นได้สติยิ่งขึ้น ทำให้เธอนึกถึงความทรงจำระหว่างตนเองและเซิ่งเจ๋อเฉิง
“ฉันพูดว่า ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว”ในที่สุดเสิ่นอีเวยก็พูดออกมาอีกครั้งหนึ่ง
ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขายกมือขึ้นในขณะที่ปล่อยเสิ่นอีเวย ทันใดนั้นเธอจึงล้มลงไปนั่งบนพื้น ความเจ็บปวดเจาะทะลุไปถึงข้อเท้า เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา
แต่เสิ่นอีเวยยังคงพยายามบีบรอยยิ้มออกมา ดวงตาที่สดใสเคลื่อนไหวไปมา เนื่องจากตำแหน่งของตนเอง เธอจึงเงยหน้ามองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง ขยับริมฝีปากบางพูดว่า:“ยังมีอีกอย่างที่สำคัญ เซิ่งเจ๋อเฉิง ไม่รู้ว่าบุคคลสำคัญของคุณจะความจำเสื่อมหรือเปล่านะ ถึงได้มองข้ามเรื่องนั้นไป จึงเป็นเหตุผลทำให้คุณสามารถวุ่นวายกับฉันไม่เลิกได้อย่างสบายใจแบบนี้
ฉันหวังว่าตลอดชีวิตนี้คุณจะไม่มีวันลืมว่า พ่อแม่ของฉันถูกพ่อของคุณฆ่า ถึงแม้ว่าเสิ่นหุ้ยจะรับผิดชอบต่อการตายของพวกเขา แต่การกระทำของพ่อคุณก็ช่างน่ากลัวเหมือนกัน!”
เสิ่นอีเวยพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาอย่างรุนแรง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
เธอยิ้มมุมปากอย่างสิ้นหวัง:“——ดังนั้น คุณคิดว่าฉันจะทำตัวไร้ค่าอีกครั้ง ทำตัวไม่ดีอีกครั้ง เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายของคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉันไหม? ฉันจะบอกคุณว่า เป็นไปไม่ได้ในชาตินี้ !”
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกเหมือนว่าตนเองต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่
เดิมทีคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะต้องอาละวาดหนัก แต่เขากลับไม่ทำ
สุดท้าย ฝ่ายชายทำแค่เพียงมองเสิ่นอีเวยที่ล้มลงนั่งบนพื้นอย่างเงียบๆ เขาไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
หลังจากที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินจากไป เสิ่นอีเวยยังคงนั่งบนพื้นอยู่อีกนาน เพราะไม่รู้ว่าข้อเท้าเคล็ดหรือไม่ ความเจ็บทะลุเข้าไป จนกระทั่งมีคนมาเข้าห้องน้ำ เสิ่นอีเวยจึงพยายามปีนขึ้นมาจากพื้นด้วยความเจ็บปวด
โลกของผู้ใหญ่ ไม่มีใครสามารถทำให้ชีวิตของตนเองราบรื่นได้อย่างง่ายดาย
เสิ่นอีเวยลืมไปแล้วว่าเห็นประโยคนี้มาจากหนังสือเล่มไหน ครั้งแรกที่เห็นเธอรู้สึกไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้คิดดูอีกที ประโยคนี้คือความจริง
มองดูข้อความในโทรศัพท์มือถือที่ถูกส่งมาจากเซิ่งเจ๋อเฉิง ประโยคนั้นปรากฏขึ้นในสมองของเสิ่นอีเวย
ข้อความมีเนื้อหาว่า:ผู้อำนวยการเสิ่น ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องเตือนคุณสักหน่อย Aute คือคู่ค้ารายใหญ่ของบริษัทคุณ ณ ตอนนี้ คุณต้องยอมรับ นี่คือเรื่องของธุรกิจ บริษัทหัวยู่นยังอยู่ในกำมือผม นี่คือเรื่องส่วนตัว
เสิ่นอีเวยมองดูข้อความสามบรรทัดบนมือถือ ตอนนี้ตนเองไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
ที่จริงสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดมาก็ไม่ผิด ตอนนี้ Aute คือคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท ความร่วมมือเพิ่งจะเริ่มขึ้น ถ้าบริษัทนี้เริ่มต้นด้วยตนเองคนเดียว คนอื่นจะคุกคามอย่างไร หากบอกไม่ทำก็คือไม่ทำ
แต่พอดีบริษัทนี้ไม่ได้เป็นของเสิ่นอีเวย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ Aute เหมือนจะต้องยอมรับจริงๆ
เสิ่นอีเวยถอนหายใจอย่างจนปัญญา พยายามทำจิตใจตนเองให้สงบและใจเย็น แน่นอนเธอต้องใจเย็น ไม่สามารถวู่วามได้
เธอสาบานในใจเงียบเงียบ:ไม่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะใช้กลอุบายอย่างไร ยังไงเธอจะตอบโต้ตามสถานการณ์อย่างยืดหยุ่น
แต่ความโชคร้ายก็คือ บางเรื่องบนโลกใบนี้สามารถใช้อำนาจเงินจัดการได้