สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 421
บทที่ 421 กลับมาอยู่ข้างๆผมไหม
เสิ่นอีเวยไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับผู้ชายคนนี้ แต่ ณ จุดนี้ ในใจของเธอกลับรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดเจนว่าเธอรู้สึกกลัวขนาดไหน แต่ทว่า ตั้งแต่เซิ่งเจ๋อเฉิงปรากฏตัวอยู่ข้างกายเธอ ความรู้สึกหวาดกลัวค่อยๆหายไปจนหมด ในตอนนี้ จิตใจของเธอรู้สึกสงบเป็นอย่างมาก เหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างหน้าเนื้อใจเสือว่า:“เสิ่นอีเวย เดิมทีอีกสามนาทีไฟในบ้านก็น่าจะกลับมาแล้ว แต่ถ้าคุณยังคงทำท่าทางแย่ๆแบบนี้ใส่ผม เชื่อไม่เชื่อตอนนี้ผมจะกลับแล้วนะ?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเสิ่นอีเวยได้ยินเขาพูดว่าจะไป หัวใจที่ห่อเหี่ยวก่อนหน้านี้ กลับยิ่งห่อเหี่ยวลงไปอีก เธอโพล่งคำพูดที่เก็บซ่อนไว้ในใจออกมาทันที :“อย่า อย่าไป!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเธอมีท่าทางแบบนั้น ในที่สุดความอิ่มอกอิ่มใจก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น
แม้แต่เสิ่นอีเวยก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ตนเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิง
ใช่แล้ว เธอเกลียดเขา แต่ว่าตอนนี้กลับคิดไม่ถึงว่าจะไม่อยากให้เขาปล่อยเธอไว้คนเดียว
“อาการปวดท้องดีขึ้นบ้างไหม?”อยู่ดีๆเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ถามขึ้นมา
เสิ่นอีเวยนิ่งไป เธอพยายามนึก ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผู้ชายคนนี้สอบถามตนเองเกี่ยวกับเรื่องรอบเดือนอย่างละเอียดอ่อน
“กินยาแล้ว ดีขึ้นมาบ้าง”ท่ามกลางความมืดมิดเสียงของเสิ่นอีเวยค่อนข้างเป็นกังวล ไม่มีความโมโหเลยสักนิด
ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักพัก ความมืดรอบตัวและความเงียบงัน บรรยากาศทำให้เกิดความอึดอัดอย่างช่วยไม่ได้ ในที่สุด เสิ่นอีเวยได้ยินเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดว่า :“อีเวย พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ ดีไหม?”
เธอหยุดหายใจไปชั่วขณะ เท่าทีเธอจำได้ เมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงสนทนากับใครก็ตาม แต่ไหนแต่ไรจะไม่ใช้คำว่า“ดีไหม”เพราะคำนั้นแสดงออกถึงการถามความคิดเห็นของผู้อื่น
แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่ไม่เคยถามความคิดเห็นของใคร เขาเพียงรับผิดชอบในคำสั่งและผลลัพธ์เท่านั้น โดนเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
แต่เมื่อสักครู่ เขากลับถามความคิดเห็น น้ำเสียงยังมีความอ้อนวอนและขอความสงสาร เสิ่นอีเวยยอมรับ นี่คือครั้งแรกที่เธอเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นแบบนี้ และเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ดังนั้นจึงทำให้สติของเธอแตกกระเจิงไปหมด
เสิ่นอีเวยไม่ยอมให้คำตอบเพราะความคิดของเธอติดอยู่กับบางสิ่งบางอย่างและสิ่งนั้นก็คือภาพถ่ายสองใบจากข่าวนั้น
ในขณะนี้ เสิ่นอีเวยเพิ่งจะพบว่าตนเองขี้ขลาดมากแค่ไหน แม้แต่จะอ้าปากถามสาเหตุจากเขาก็ยังไม่กล้า
ทันใดนั้น ตรงหน้าทั้งสองคนเกิดความสว่างขึ้นมาเพราะไฟฟ้ากลับมาแล้ว
ไม่รู้เป็นเพราะไฟดับนานไปหรือเปล่า ในตอนแรกเสิ่นอีเวยไม่กล้าลืมตาขึ้นมา เธอยกมือขึ้นมาจับใบหน้าทันที ท่าทางแบบนี้ขัดขวางสายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังแอบมองสีหน้าของเธอ
เสิ่นอีเวย ใจแข็งสักหน่อย อย่าหกล้มสองครั้งในสถานที่เดียวกัน ยิ่งมองเข้าไปในดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอถึงกับต้องคอยเตือนตัวเองในใจตลอดเวลา
เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างสดใส เหมือนกับความรู้สึกอึดอัดเมื่อสักครู่มลายหายไปทั้งหมด รอยยิ้มสดใสสะเทือนใจคน:“คุณอย่าแกล้งล้อเล่นกับคนอื่นได้ไหม? ข้างกายคุณมีผู้หญิงไม่ขาด”
แววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงซึมเซาลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เขาจึงค่อยแสดงออกอย่างจริงจังอีกครั้ง:“คุณรู้ ว่าผมจริงจัง”
เสิ่นอีเวยหัวเราะเบาๆ เธอมีท่าทางใจเย็นกับท่าทีของเขา:“คุณรู้ ฉันก็จริงจัง”
หลังจากพูดประโยคนั้นเสร็จ เธอไม่รอให้เซิ่งเจ๋อเฉิงมีท่าทีโต้ตอบ เสิ่นอีเวยจึงเริ่มไล่คนต่อ:“ขอบคุณสำหรับเรื่องคืนนี้ ตอนนี้ไฟฟ้าก็กลับมาแล้ว แถมเวลาก็ดึกมาก คุณกลับบ้านก่อนดีไหม?”
ใบหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงมืดดำเหมือนกับถ่าน:“คุณปฏิเสธผมหรอ?”
เสิ่นอีเวยเบะปาก พูดอย่างปัดๆว่า:“หมายความตามที่คุณพูดแหละ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นอีเวยสบตากัน ทั้งสองไม่พูดอะไรอยู่นานสองนาน แสงในดวงตานั้นราวกับทะเลในยามค่ำคืน
เพราะเธอเพิ่งจะโดนเขาอุ้มอย่างเจ้าหญิง ดังนั้นท่วงท่าทั้งสองคนจึงใกล้ชิดอย่างมาก จนสามารถได้กลิ่นน้ำหอมบนร่างกายของกันและกัน เซิ่งเจ๋อเฉิงมองใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของเสิ่นอีเวย แต่กลับมีท่าทีต่อต้าน
เสิ่นอีเวยเอนหลังเอนหลังบนโซฟานุ่มๆอย่างเอื่อยเฉื่อย เธอมองเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยท่าทางสงบ คุณชอบกลั่นแกล้งคนอื่นเพื่อความสนุกนักใช่ไหม? ตอนนี้ฉันจะให้คุณลองดูว่า โดนคนกลั่นแกล้งมันมีรสชาติอย่างไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงเอื้อมมือออกไปทันที เขาหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากหน้าอกของตนเอง นั่นคือกล่องใส่เครื่องประดับกำมะหยี่สีน้ำเงิน เขาหยิบไปไว้ตรงหน้าเสิ่นอีเวย เปิดออกเบาๆ
เสิ่นอีเวยนิ่งอึ้งไป สร้อยเส้นนี้เหมือนกับเส้นที่ตนเองถูกผู้ชายคนนี้ดึงทิ้งลงในทะเลตอนอยู่ประเทศไทย
“คิดไม่ถึงว่าสร้อยคอเส้นนั้นสามารถทำให้คนอย่างคุณที่ว่ายน้ำไม่เป็นกระโดดลงไปหาอย่างไม่คิดชีวิต มองดูแล้วน่าจะมีความสัมพันธ์กับคุณมากเลยทีเดียว ตอนนี้ผมนำมันมาคืนให้คุณ”เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชา แต่มีเพียงเขาที่รู้ว่า เขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อระงับอารมณ์ภายในใจของเขา
เสิ่นอีเวยรู้สึกปั่นป่วนในใจ แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น:“คุณหามันเจอ? หรือซื้อมันมา?”
เซิ่งเจ๋อเฉิง เงียบไปครู่หนึ่ง:“ซื้อมา เส้นเดิมผมหาไม่เจอจริงๆ”
เสิ่นอีเวยยิ้มเบาๆ ยกมือขึ้นปิดฝากล่องลง“ ป๊อก”:“ไม่จำเป็นหรอก ถึงจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เส้นนั้น”
“แต่ว่า——”เธอพูดต่อ
“ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะลงไปงมหาสร้อยเส้นนี้ด้วยตนเอง เห็นคุณซื่อสัตย์แบบนี้ งั้นฉันจะบอกให้อะไรให้ฟังสักอย่าง ที่จริงแฟนของฉันไม่ได้เป็นคนให้สร้อยเส้นนั้น เหมียนเหมียนน้อยเป็นคนให้ฉันเอง”
เมื่อเสิ่นอีเวยพูดจบ สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม:“คุณหลอกผม?”
เสิ่นอีเวยพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
บนเรือยอชท์ตอนนั้น เมื่อเขาเห็นเสิ่นอีเวยที่ว่ายน้ำไม่เป็นกระโดดลงไปในทะเลอย่างไม่คิดถึงชีวิตเพื่อหาสร้อยเส้นนั้น เขายอมรับว่าตนเองรู้สึกผิด เขารู้สึกผิดเพราะตนเองไม่ควรจะโยนสิ่งของเธอทิ้ง
ดังนั้นเพื่อชดเชยให้เธอ หลังจากนั้นเขาดำลงน้ำคนเดียวเพื่อหาสร้อยคอเส้นนั้น ใช้เวลาหาอยู่สามวัน ดำน้ำขึ้นลงอย่างไม่หยุดหย่อน
ทุกๆครั้งพละกำลังข้างในของร่างกายถูกใช้ออกมาอย่างมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ยังหาไม่เจอ
แต่ตอนนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่งจะรู้ว่า แท้จริงแล้วตนเองโดนผู้หญิงคนนี้หลอก
แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้ในใจของเขาก็รู้สึกมีความสุข เพราะอย่างน้อยหมายความว่า แฟนที่เธอพูดคือเรื่องโกหก
คิดถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะอย่างร่าเริงในใจ เซิ่งเจ๋อเฉิง นายกลายเป็นคนต่ำต้อยและน่าสงสารตั้งแต่เมื่อไหร่?
เซิ่งเจ๋อเฉิงนำกล่องในมือวางลงบนโต๊ะกาแฟ มือทั้งสองข้างจับไหล่บางของเสิ่นอีเวย บังคับให้เธอมองตาของตนเอง“กลับมาอยู่กับผม ดีไหม?”
เสิ่นอีเวยยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน:“คุณเซิ่ง ฉันอยากรู้เหลือเกิน ถ้าฉันกลับไปอยู่ข้างกายคุณ แล้วทนายความสวี่ชื่อดังจะทำอย่างไรล่ะ?