สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 422
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 422 ให้เวลาผมสักหน่อยได้ไหม
เดิมทีห้องรับแขกเงียบสงัด หลังจากเสิ่นอีเวยพูดประโยคนั้นออกไป อุณหภูมิภายในห้องลดลงอย่างฉับพลัน ทำให้คนเหมือนอยู่ในห้องแช่แข็ง
เซิ่งเจ๋อเฉิงดูไม่แยแส เขาเพียงพูดออกมาเบาๆว่า:“คุณรู้ได้อย่างไร?”
เสิ่นอีเวยหัวเราะเยาะ:“ทำไม ฉันรู้ไม่ได้หรอ?คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนจะเป็นความลับให้ใครรู้เรื่องไม่ได้?”
ดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงปกคลุมไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของเสิ่นอีเวย แล้วเงียบไปสักพัก
เสิ่นอีเวยมองเห็นเขาไม่พูดอะไร จึงพูดเหน็บแนมต่อ:“สมกับที่เป็นประธานเซิ่งผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ สามารถเก็บซ่อนอารมณ์ของตนเองได้ ฉันเปิดโปงคุณก็เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคุณยังสามารถเงียบสงบและไม่แยแส ฉันนับถือคุณจริงๆ”
เสิ่นอีเวยพูดออกมา น้ำเสียงมีความแดกดันอย่างยิ่ง
เซิ่งเจ๋อเฉิงก้มหน้าลงเบาๆ ดูเหมือนกำลังพูดอยู่ในใจ ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาเงยหน้าขึ้น พูดว่า:“ในเมื่อคุณรู้เรื่องแล้ว ผมไม่อาจปิดปังคุณได้อีก แต่ผมมีเพียงประโยคเดียว คุณต้องเชื่อใจผม ผมสามารถอธิบายได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ให้เวลาผมสักหน่อยได้ไหม?”
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงเบาบาง มันเหมือนกับการร้องขอเธอให้เวลาตนเองจริงๆ เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกประหลาดในใจ
แต่วินาทีต่อมา เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เนื่องจากตนเองเห็นการแสดงออกของเขา ทำไมเธอถึงต้องเชื่อเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข?เขาคิดว่าเขาเป็นใคร?
เสิ่นอีเวยจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างเยือกเย็น:“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย?เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณคิดว่าคุณยังมี“เครดิต”ให้ฉันเชื่ออยู่หรอ?”
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตนเองมองผิดหรือไหม คาดไม่ถึงว่าสายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงปรากฏความจนปัญหาขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่สายตาแบบนี้ เธอก็ตัดสินใจไม่เอามันมาใส่ใจ
ในตอนสุดท้ายเมื่อเธอตัดสินใจให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน กลับมองเห็นรูปภาพของผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันในข่าวเต็มสองตา เมื่อเป็นแบบนี้จะให้เธอเชื่อเขาได้อย่างไร
“คุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แถมยังมาวุ่นวายกับฉันไม่ยอมเลิก ตอนนี้สิ่งที่ฉันมองเห็นชัดเจนคือ คุณมันเป็นคนประเภทกากๆ!”ในคืนนี้เสิ่นอีเวยตัดสินใจพูดออกมาอย่างไม่แคร์ใครหน้าไหนอีกต่อไป
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินเสิ่นอีเวยพูดกับตนเองแบบนี้ หัวใจของเขาเจ็บปวดเพราะสิ่งที่ฝ่ายหญิงพูดออกมาถึงขีดสุด มันเป็นครั้งแรกที่ด้ลิ้มรสมันในชีวิต จนหัวใจแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปนานสองนาน ในที่สุดจึงเปิดปากพูดออกมา:“อย่างที่ผมเพิ่งจะพูดออกไป ขอให้คุณเชื่อใจผม เมื่อถึงเวลา ผมจะอธิบายกับคุณอย่างละเอียดทุกอย่าง”
เสิ่นอีเวยพูดในใจว่า เธอไม่ค่อยเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงมีท่าทางคนต่ำต้อยและน่าสงสารเช่นนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเขาทำกับเธอเช่นนี้เป็นครั้งแรก
แต่ว่า——งั้นมันจะเป็นอย่างไรต่อ?ใครทำอะไรก็ย่อมได้รับผลแบบนั้น ประโยคนี่ดูเหมือนง่าย แต่มีเหตุผลชัดเจน
“ฉันต้องการพักผ่อน เชิญคุณกลับไปเถอะ”เสิ่นอีเวยไม่ต้องการโต้เถียงกับผู้ชายด้านหน้าให้มากความ และก็ไม่อยากฟังเขาอธิบาย จึงพูดส่งแขก
ดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่คลุมเครือ เขาเห็นเสิ่นอีเวยตัดสินใจ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ยืนหยัดในความคิดเห็นของตนเอง
ในที่สุดเขาก็กลับไป ทั้งบ้านจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ชีวิตที่ไม่มีเซิ่งเจ๋อเฉิงก่อความวุ่นวายทั้งมีความสุขทั้งเงียบสงบ ในช่วงเวลาต่อจากนี้ เสิ่นอีเวยตั้งใจทุ่มเทให้กับงาน ไม่เบี่ยงเบนความสนใจ
คืนนี้โรงแรมนานาชาติตงฟางจัดงานเลี้ยงค็อกเทล ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องประดับ แขกที่มารวมในงานโดยพื้นฐานเป็นตัวแทนจากบริษัทที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการออกแบบเครื่องประดับและนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียง
แน่นอน เสิ่นอีเวยเป็นบุคลากรในแผนกออกแบบเครื่องประดับที่มีคุณสมบัติและความสามารถทางธุรกิจแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นงานเลี้ยงค็อกเทลในคืนนี้ เธอจึงได้รับเลือกเป็นตัวแทนของบริษัท เสิ่นอีเวยยังตัดสินใจพาเด็กฝึกงานตัวเล็กในแผนกออกแบบไปด้วย เพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของตนเอง
เสิ่นอีเวยกำลังแก้ไขแบบร่างของการออกแบบอยู่ในห้องทำงาน กลับได้ยินเสียงคนเคาะประตู เธอไม่เงยหน้าขึ้นมา เพียงพูดออกมาคำเดียวว่า:“ เชิญเข้ามาได้”
คนที่เดินเข้ามาคือเหยียนเวย การแสดงออกทางสีหน้าดูเหมือนไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เสิ่นอีเวยหัวเราะและถามว่า:“เป็นอะไรไป?”
เหยียนเวยเดินตรงเข้าไปใกล้เสิ่นอีเวย เธอถามอย่างลำบากใจว่า:“ผู้อำนวยการเสิ่น ฉันต้องการมายืนยันเรื่องหนึ่ง งานเลี้ยงค็อกเทลคืนนี้คุณตัดสินใจจะพาฉันไปด้วยหรอคะ?”
เสิ่นอีเวยมองเหยียนเวยมีท่าทางแปลกๆไม่เป็นธรรมชาติ จึงเข้าใจผิดว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เธอถามว่า:“ใช่แล้ว มีอะไรหรอ? เธอติดธุระไปไม่ได้หรือไง?”
เหยียนเวยได้ยินประโยคนั้น รีบโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า:“ไม่ใช่ไม่ใช่ ฉันอยากไปมาก แต่ว่าฉัน……ไม่เคยร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลจึงไม่มีเสื้อผ้า……”
เมื่อเหยียนเวยพูดแบบนี้ออกมา เสิ่นอีเวยก็นึกขึ้นได้ทันที การเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลค่อนข้างเป็นทางการ ต้องสวมใส่ชุดราตรี เหยียนเวยเป็นเด็กฝึกงานที่เพิ่งจะเข้าสังคมได้ไม่นาน ยังไม่เคยได้สัมผัสกับโอกาสนี้ ดังนั้นหากไม่มีชุดราตรีจึงเป็นเรื่องปกติทั่วไป
เสิ่นอีเวยนึกถึงชุดราตรีของตนเองที่มีมากมาย เดิมทีอยากพูดว่าจะยกให้เหยียนเวยสักหนึ่งชุด แต่เมื่อคิดดูอีกที ชุดราตรีแบบนี้ ตามมารยาทแล้ว ไม่ควรสวมใส่เป็นครั้งที่สอง และยิ่งไม่ควรส่งต่อให้ใคร
เธอยิ้มมุมปาก พูดว่า:“งั้นเอาแบบนี้ ตอนนี้พวกเราไปเดินช้อปปิ้ง ซื้อชุดราตีกันดีกว่า”
หลังจากเหยียนเวยได้ยิน เธอตกใจตาโต:“แต่ว่า ชุดราตรีคงจะแพงมากใช่ไหมคะ? ฉัน ฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น……”
เสิ่นอีเวยหัวเราะอย่างเบิกบาน:“ไม่ต้องกังวล ฉันจะซื้อให้เธอหนึ่งชุด”
เหยียนเวยเพียงได้ยิน เธอรีบโบกมือปฏิเสธทันที:“ผู้อำนวยการเสิ่น อย่าดีกว่าค่ะ แบบนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ……ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ฉันไม่ไปร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลดีกว่าค่ะ!”
เสิ่นอีเวยก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง อีกครึ่งชั่วโมงจะถามเวลาเลิกงาน
เหยียนเวยยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสิ่นอีเวยคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเธอ ร่างกายของเธอโดนผลักไปข้างหน้า:“ไปเถอะ ไปเถอะ!”
เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าห้องทำงานของ Alex เสิ่นอีเวยจึงเคาะประตู
“เข้ามาได้”
Alex กำลังดูบางอย่างบนคอมพิวเตอร์คร่าวๆ:“อีเวย?มีอะไรหรือเปล่า”
ใบหน้าเสิ่นอีเวยยิ้มแย้ม พูดอย่างกระฉับกระเฉงว่า:“ตอนนี้เหลือเวลาอีกครั้งชั่วโมงจะถึงเวลาเลิกงาน บังเอิญว่าฉันต้องพาเหยียนเวยออกไปทำธุระข้างนอก ดังนั้นพวกเราไปก่อนนะคะ!”
หลังจากพูดจบ ไม่รอให้ Alex พูดอะไร เสิ่นอีเวยลากเหยียนเวยออกมาจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว เหยียนเวยเดินตามหลังเธอ ด้วยสีหน้าที่แทบไม่อยากเชื่อ
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟท์ เหยียนเวยถามด้วยความระมัดระวังว่า :“ผู้อำนวยการเสิ่น ตอนนี้พวกเรา……กำลังจะไปที่ไหนคะ?”
สายตาของเสิ่นอีเวยมองตรงไปอาคาร:“สั่งซื้อตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว พวกเราต้องเข้าไปซื้อชุดราตรีที่ร้านเลย