สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 423
บทที่ 423 ตัวตนที่แท้จริงของนักออกแบบผู้ลึกลับ
เหยียนเวยได้ฟังก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ เธอถามว่า:“ผู้อำนวยการเสิ่น คุณพาฉันโดดงานเองเลยหรอคะ?”
เสิ่นอีเวยนิ่งอึ้งไป เธอหยุดก้าวไปข้างหน้าและหันกลับไปมองเหยียนเวย เหยียนเวยตกใจคิดว่าตนเองพูดอะไรผิดจึงคิดจะอธิบาย แต่กลับได้ยินเสิ่นอีเวยพูดว่า :“เธอพูดถูกแล้ว!”
เหยียนเวย:“……”
ยี่สิบนาทีต่อมา รถของเสิ่นอีเวยจอดลงที่หน้าร้านขายชุดราตรี เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน เจ๊เจ้าของร้านจึงพูดทักทายออกมาว่า:“คุณเสิ่น ไม่ได้เจอตั้งนาน!”
เสิ่นอีเวยหัวเราะอย่างสดชื่น:“ใช่แล้ว ช่วงนี้งานยุ่งมาก ช่วงนี้การค้าของร้านเจ๊เป็นยังไงบ้างคะ?”
เจ้าของร้านยิ้มตอบ:“ไม่มีลูกค้าประจำอย่างคุณ การค้าไม่ดีเท่าเมื่อก่อนเลย!”
เสิ่นอีเวยได้ยินเธอพูดจาหยอกล้อ จึงพูดกลับไปว่า:“เจ๊ก็พูดเป็นเล่นไปได้ วันนี้ต้องการมาซื้อชุดราตรีให้ผู้หญิงคนนี้——”
หลังจากพูดจบ เสิ่นอีเวยจึงจับไหล่ของเหยียนเวยและผลักขึ้นไปด้านหน้าเบาๆ เจ๊เจ้าของร้านมองเหยียนเวยอย่างพินิจพิจารณาอย่างเป็นมิตร พูดว่า:“สาวน้อยคนนี้สวยมาก รูปร่างก็ดี เหมือนคุณจังเลย!”
เสิ่นอีเวยยิ้มไม่พูดอะไรกลับไป แต่เหยียนเวยกลับหน้าแดง รู้สึกทำตัวไม่ถูก
“งั้นเจ๊ช่วยเลือกชุกราตรีที่เหมาะสมกับเธอแทนฉันที ขอเร็วสักหน่อย คืนนี้พวกเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลกัน!”
เจ๊เจ้าของร้านตอบตกลงอย่างสบายใจ
ในที่สุด เมื่อถึงเวลาสองทุ่มสิบนาที เสิ่นอีเวยและเหยียนเวยปรากฏตัวด้านหน้าประตูทางเข้าโรงแรมนานาชาติตงฟาง
ผู้คนอยู่ในชุดที่สวยงามต่างถือเครื่องดื่มและพูดคุยกัน นี่คือครั้งแรกของเหยียนเวย ดังนั้นเธอจึงทำตัวไม่ถูกไปตลอดทาง เสิ่นอีเวยมีความตั้งใจที่จะฝึกฝนให้เธอกลายเป็นลูกน้องที่เก่งที่สุดของตนเอง ดังนั้นในระหว่างทางจึงคอยแนะนำสิ่งที่เกี่ยวข้องและประสบการณ์
ยกตัวอย่างเช่น คนผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งอะไร มีสถานะอย่างไรในอุตสาหกรรมออกแบบเครื่องประดับ มีความสำเร็จอะไรบ้างเป็นต้น
“นั่นคือเซียวหมิงเอิน ผลงานของเธอมีสไตล์เป็นของตนเองชัดเจน เน้นไปที่กลุ่มผู้หญิงทำงาน……”
คนที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ตรงมุมคือ Catherine เป็นชาวฝรั่งเศส ตอนฉันอยู่ประเทศอังกฤษเคยฟังเธอบรรยาย เธอเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่สุดยอดคนหนึ่ง……”
เสิ่นอีเวยแนะนำให้เหยียนเวยฟังตามลำดับอย่างไม่รู้สึกเบื่อ เหยียนเวยตั้งใจฟังอย่างดี
ต่อมา เสิ่นอีเวยหันไปมอง เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่กลับนิ่งอึ้งไป มือที่กำลังชี้ไปที่ฝ่ายตรงข้ามค่อยๆลอยอยู่ในอากาศ
ทรงผมหวีอย่างพิถีพิถัน ชุดสูทสีดำเทาที่เหมาะสมกับลำตัวยาว ทุกสิ่งรอบตัวเขาแสดงออกถึงอารมณ์ที่เย็นชาแปลกแยกจนไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ถ้าไม่ใช่เซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วจะเป็นใคร?
เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังคุยอยู่กับคนในงานเลี้ยง เขาตอบสองสามคำเป็นครั้งคราว เนื่องจากเสิ่นอีเวยยืนอยู่ค่อนข้างไกล จึงไม่ได้ยินรายละเอียดของการพูดคุย
เหยียนเวยมองเห็นเสิ่นอีเวยที่เดิมทีกำลังแนะนำเธออย่างออกรสกลับนิ่งไป จึงเกิดความสงสัย:“ผู้อำนวยการเสิ่นเป็นอะไรไปคะ?”
เสิ่นอีเวยส่ายหัวช้าๆ แต่สายตากลับยังค้างอยู่ที่เซิ่งเจ๋อเฉิง โชคดีที่เธอกับเหยียนเวยยืนอยู่ด้านหลังแจกันดอกไม้ ในตอนนี้ฝ่ายชายจึงมองไม่เห็นเธอ
“ไม่มีอะไร พวกเราไปทางนั้นดีกว่า”เสิ่นอีเวยถอนสายตากลับมา พาเหยียนเวยเดินไปด้านข้าง
แต่ในขณะที่เตรียมตัวจะก้าวเท้าเดิน หางตาของเธอสังเกตเห็นร่างคนสีดำเดินตรงเข้ามาหาตนเอง เสิ่นอีเวยรู้สึกกังวล เธอรู้ว่าเขาคือใคร เธอไม่ต้องการเจอหน้าเขาที่นี่……
ในใจกำลังกังวล รีบก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากใส่รองเท้าส้นสูง เสิ่นอีเวยจึงเหยียบเข้ากับขอบกระโปรงชุดราตรีของตนเอง ในสภาวะไร้การทรงตัว ร่างกายของเธอเอนไปด้านหลัง
“อ่า!”เสิ่นอีเวยอุทานออกมาเล็กน้อย
เหยียนเวยไม่มีการตอบสนองใดๆ เพราะกำลังอยู่ในช่วงเร่งรีบ
แต่วินาทีต่อมา เอวบางของเสิ่นอีเวยกลับถูกสองมือใหญ่จับไว้แน่น ร่างกายของตนเองไม่ได้ตกลงไปบนพื้นอย่างทีคิด เธอเงยหน้าขึ้น สายตาปะทะเข้ากับลูกตาสีดำดุจน้ำหมึกหนึ่งคู่
ในหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่แสดงออกความรู้สึกใดๆ เขากำลังก้มลงมองเสิ่นอีเวย
“แค่ผมไม่อยู่ข้างกายคุณ คุณก็ทำให้ตัวเองเกิดปัญหาได้ง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ?”ฝ่ายชายถามเสียงต่ำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดึงดูด
หัวใจของเสิ่นอีเวยรู้สึกผิดปกติ ผู้ชายคนนี้ กินยาผิดมาใช่ไหม?หลังจากเกิดเรื่องครั้งที่แล้ว เขาต้องการปิดปังความจริงแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?
เสิ่นอีเวยหัวเราะด้วยความเย็นชาในใจ หากต้องการคืนดีกับตนเอง อย่างน้อยต้องแสดงความจริงใจออกมาสักหน่อย แต่หญิงสาวแซ่สวี่กลับปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างกายเขาอย่างกระทันหัน แบบนี้มันเรียกว่าอะไร?
เสิ่นอีเวยไม่พอใจ ทรงตัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือออกไปปัดบริเวณเอวที่เพิ่งโดนเซิ่งเจ๋อเฉิงจับไว้ ใบหน้าแสดงออกถึงความรังเกียจและไม่แยแส
“ขอบคุณค่ะ คุณเซิ่ง”น้ำเสียงของฝ่ายหญิงค่อนข้างจะเย็นชา สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยความอับอายอย่างยิ่ง
แต่เขาไม่ได้ทำอะไร เพราะเขาไร้หนทาง ก่อนหน้านี้ตนเองอวดดีและยิ่งยโสไร้มารยาทกับผู้หญิงคนนี้ ประโยคนั้นเขาจะพูดออกมาอย่างไร?ในตอนแรกเขาไม่สนใจความรักของเธอ และตอนนี้เขาอยากทำทุกอย่างเพื่อชดเชยในสิ่งที่เขาทำลงไปกับเธอ ก่อนหน้านี้เมื่อเขาตระหนักถึงปัญหาข้อนี้ เขากลับไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ตอนนี้กลับยิ่งรู้สึกคนละอย่าง
ภรรยาของตนเอง เขาแทบจะร้องไห้เพื่อขอร้องให้เธอกลับมา
“เหยียนเวย พวกเราไปกันเถอะ”เสิ่นอีเวยไม่มองเซิ่งเจ๋อเฉิงสักนิด จูงมือเหยียนเวยผู้ช่วยของตนเองเดินตรงไปข้างหน้า
เซิ่งเจ๋อเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก ข่มความรู้สึกไม่พอใจของตนเองไว้ สายตามองไปที่คนร่างผอมที่มีความอวดดีตรงหน้า เขาขบฟันกรามและเดินขึ้นไปบนเวทีตรงหน้า เพราะรายการที่สำคัญของค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
พิธีกรของงานเลี้ยงยืนอยู่บนเวที เสียงจากไมโครโฟนแพร่กระจายไปทั่วห้องโถง สีหน้าของผู้คนด้านล่างเวทีเต็มไปด้วยการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เสียงของพิธีกรดังออกมา:“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เรียนเชิญทุกคนมาร่วมในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ และคืนนี้นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเราที่สามารถเรียนเชิญ Ahthur นักออกแบบผู้ลึกลับ!”
เมื่อประโยคของพิธีกรจบลง เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งบริเวณ แม้แต่ใบหน้าของเสิ่นอีเวยก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ Ahthur?!คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถเชิญตัวมาได้?
“นักออกแบบผู้ลึกลับคนนี้ ไม่เพียงแค่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aute แต่เขายังเป็นประธานของบริษัทเซิ่งซื่อ ขอเรียนเชิญ ——ประธานเซิ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นมาบนเวทีเลยค่า!”
เสียงของพิธีกรเงียบลง ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด สองวินาทีต่อมามีเสียงปรบมือดังสนั่น
เสิ่นอีเวยด้านล่างเวทีรู้สึกอึ้งกิมกี่ เซิ่งเจ๋อเฉิง?เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
มองเห็นฝ่ายชายในชุดสูทท่าทางเงียบขรึมเดินขึ้นเวทีอย่างสงบนิ่งด้วยเสียงปรบมือ ในที่สุดเสิ่นอีเวยจึงแน่ใจได้ว่าสิ่งที่พิธีกรพูดคือความจริง
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ด้านหน้าพิธีกร ใช้มือรับไมโครโฟนจากอีกฝ่าย เพื่อเริ่มพูดคุย แต่สำหรับเสิ่นอีเวย ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว โลกทั้งใบของเธอเงียบสงัด บรรยากาศโดยรอบเลือนรางจากหายไปอย่างช้าๆ ตรงหน้าเธอเหลือแค่เพียงเซิ่งเจ๋อเฉิงคนเดียวเท่านั้น
ในเรื่องของการออกแบบเครื่องประดับ ตนเองศรัทธาในคนผู้นั้นมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิง…