สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 426
บทที่ 426 ความแตกร้าวในช่วงหนึ่งของชีวิต
เซิ่งเจ๋อเฉิงและเซี่ยอวี๋เจียงต่างถูกคนในตระกูลส่งไปเรียนยังอเมริกา ซึ่งนิสัยของทั้งสองนั้นมีความเข้ากันได้มาก ซึ่งทุกวันก็อยู่เล่นด้วยกัน แต่หากไม่เกิดการปรากฎของเซิ่งอันจือ ทุกอย่างก็คงจะไม่เป็นแบบนี้
ซึ่งมีโอกาสที่น่าบังเอิญมาก หลังจากที่เซิ่งจืออันนั้นรู้จักเพื่อนของน้องชายแล้ว สามคนนี้ก็ย่อมทำกิจกรรมด้วยกันตลอดมา มีครั้งหนึ่ง เซิ่งจืออันนั้นได้พูดเกี่ยวกับเรื่องของการหางาน เรียนรู้งานที่ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ หากมีเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตแล้ว ตัวเองก็จะกลับไปประเทศบ้านเกิดตน จนกระทั่งได้นำประวัติส่วนตัวของตนเองนั้นส่งไปยังบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองหนิง
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ดังนั้นทำให้ใจเซิ่งจืออันนั้นไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก นานวันเข้าเธอก็ได้ระบายความในใจให้เซี่ยอวี๋เจียงฟัง แล้วในความบังเอิญนี้เองก็ได้ถามถึงชื่อของบริษัท
หลังจากพบกันอีกรอบหนึ่ง เซี่ยเจียงอันก็ได้บอกกับเซิ่งจืออันว่าตัวเองนั้นรู้จักกับคนในบริษัทนั้น ก็ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็คงจะได้ทำการสอบสัมภาษณ์
เซิ่งจืออันก็เลยเลี้ยงของเซี่ยอวี๋เจียงเป็นการขอบคุณ หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ก็กลับประเทศตัวเองไป แล้วก็ได้เข้าทำงานบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองหนิง
พอเรื่องราวเกิดมาถึงตรงนี้ ความจริงก็ควรจะจบเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องของโชคชะตาชอบเล่นตลกกับชีวิตคนยิ่งนัก เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้นั่งอยู่บนโซฟาแล้วก็ ถือแก้วน้ำชาร้อน ๆ อยู่ในแก้ว แล้วก็พูดต่อไป ซึ่งไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั้นฝนเริ่มตกแล้ว
เซิ่งจืออันไปถึงเมืองหนิงไม่นาน ก็ได้เกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น ทำให้วงการธุรกิจนั้นสั่นสะเทือน
พ่อของเซี่ยอวี๋เจียง เซี่ยเจิ้งหรง ก็คือเป็นผู้บริหารบริษัทที่เซิ่งจืออันทำงานอยู่ ซึ่งได้ถูกชะตากับเธอยิ่งนัก เลยอยากจะให้เขานั้นกลายเป็นคนสนิททางใจ
เซิ่งจืออันนั้นไม่ค่อยได้รับความรักจากพ่อแม่สักเท่าไหร่ ก็เลยทำให้เธอนั้นได้รับความรักจากเซิ่งเจิ้งหรงมาเติมเต็ม แล้วทำให้ค่อย ๆ ลุ่มหลงลงไป
หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเซี่ยเจิ้งหรงนั้นก็ดับสูญไป ทำให้กิจการของตระกูลเซี่ยนั้นเสื่อมถอยลงเป็นอย่างมาก แม่ของเซี่ยอวี๋เจียงนั้นก็เกิดอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้น
เซิ่งจืออันที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ในเมื่อตัวเองแต่เด็กไม่ได้รับความรักจากคนในบ้าน แล้วกิจการที่ค่อนข้างใหญ่ของตระกูลเซี่ย จะให้เธอนั้นอยู่ดีดีมาทำลายความสัมพันธ์ได้อย่างไร
ดังนั้นนอกจากเซิ่งเจ๋อเฉิง คนในตระกูลเซิ่งก็ไม่มีใครที่จะออกหน้าช่วยเซิ่งจืออันสักคน คนในบ้านก็ได้แต่ดุด่าว่าร้าย สารพัด
แต่ตอนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งแค่นั้นเอง เจอเรื่องแบบนั้นก็ทำให้ในใจรู้สึกไม่สบายใจ
ถึงแม้เรื่องราวจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับคิดขึ้นมาได้ สิ่งที่เซี่ยอวี๋เจียงที่มอบให้เขานั้นเหมือนกับหมัดที่ปล่อยมายังตัวเขาเอง เมื่อคิดถึงขึ้นมาก็ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างมากมาย
“คุณกับพี่คุณนั้นตั้งใจใช่ไหม ? เดิมทีนั้นพวกคุณก็ได้ติดตามอยู่แล้วใช่ไหม ? บ้านของฉันนั้นถูกพวกคุณทำให้ล้มละลายหมดแล้ว พอใจพวกคุณหรือยัง ? ไปไกล ๆ ผม”
เพราะว่าเรื่องราวแบบนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เลยไม่อยากจะบอกใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่ครั้งนั้นเซี่ยอวี๋เจียงนั้นด่าเขา และตบตีเขา
เซิ่งเจ๋อเฉิง ณ ตอนนั้นที่อายุยี่สิบสองก็รู้เป็นครั้งแรกว่า คำพูดของอินเทอร์เน็ตนั้นทำลายคน ๆ หนึ่งได้ถึงเพียงนี้
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็คิดอยู่ทุกค่ำคืนว่า หากรู้เรื่องราวที่ไปที่มาก็เรื่องพวกนี้ เขาก็คงจะไม่ไปเอาคืนที่เซี่ยอวี๋เจียงแน่นอน แต่วัยรุ่นอายุยี่สิบสองคนนี้มีมลทิน ถูกด่า แล้วก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทของตนเอง จะให้วัยรุ่นนั้นมันหยุดอารมณ์ จะให้อดทนได้อย่างไร ?
วันนั้น สองคนนั้นทะเลาะต่อยกันเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ผิดอะไร ขณะนั้นคนก็ผ่านไปผ่านมาน้อยมาก ก็เลยไม่ได้มีใครห้ามปรามอะไร หลังจากต่อยกันเสร็จแล้ว เซี่ยอวี๋เจียงก็โมโหจนเดินออกจากประตูไป
ก่อนที่ข้างถนนจะได้เสียงเบรคนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังกำมือที่สั่น ๆ อยู่ในมือ แต่พอได้ยินเสียงนั้นขึ้นมาแล้ว โลกทั้งใบก็เงียบสงบลง
หลังจากนั้น ก็คือมีตำรวจพื้นที่ให้เขานั้นไปรับรองของผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นเซี่ยอวี๋เจียงนั้นก็นอนอยู่ในห้องนั้นอย่างสงบเสงี่ยม ร่างกายนั้นถูกปกปิดไปด้วยเสื้อข้าว แล้วสีมีหน้าที่ธรรมดา เหมือนกับคนที่ไม่เคยลืมตาขึ้นมา
ถูกรถชนตาย นั้นคือจุดสิ้นสุดของเซี่ยอวี๋เจียง
ตอนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่อาจจะรับมันได้เลย ในใจนั้นเต็มไปด้วยการโทษตัวเองอย่างที่สุด เขาเริ่มที่จะกักกันตัวเอง ไม่อยากจะออกไปเข้าร่วมสังคมที่ไหนอีก และก็ไม่อยากจะไปรบกวนชีวิตคนอื่น
หรือว่า หรือว่าเสิ่นอีเวยที่ฟังอยู่ในตอนนี้ ในใจก็เริ่มมีความตกใจขึ้นมากแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงเดิมที่มีนิสัยที่เยือกเย็น แต่หลังจากกลับมาจากอเมริกาแล้ว แล้วก็ได้เผชิญกับการจากไปของมารดา ทำให้นิสัยของเขานั้นกลับกลายเป็นเลือดเย็นมากขึ้น
เริ่มมีความเย็นชา เลือดเย็น ทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
ก่อนหน้านั้นเพิ่งเสียเพื่อนไป หลังจากนั้นก็เสียมารดาไป ซึ่งไม่ใช่คนที่อายุยี่สิบสองนี้จะสามารถแบกรับได้เลย หลังจากที่ฟังผู้ชายคนนี้เล่าเรื่องมา เสิ่นอีเวยก็รู้สึกเจ็บปวดไปถึงหัวใจข้างใจ
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ชีวิตของคนหนึ่งนั้นยากที่จะสามารถรับมันได้เลย สำนักข่าวต่าง ๆ ก็ได้ทำข่าวเกิดขึ้น เซี่ยอวี๋อันคนนี้ทำให้เป็นความรักร้าวของเซิ่งจืออัน หลังจากที่รู้ว่าคนที่ตัวเองรักนั้นกลายเป็นคนที่รักกับพ่อตัวเอง ทำให้เขานั้นเกิดการระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ดังนั้นก็เลยเกิดความแค้นระหว่างพ่อและตัวเขาเอง ดังนั้นกลายเป็นโศกนาฏกรรมของเซี่ยอวี๋เจียง
จนกระทั่งมีนักข่าวที่ไร้มนุษยธรรม เพื่อที่จะดึงดูดสายตาผู้อื่น ก็ยังมีการกุเรื่องราวของเซี่อวี๋เจียงที่เพราะว่าอยู่ที่อเมริกานาน ดังนั้นก็เลยชอบดื่มเหล้าเมามายท จนทำให้เกิดการเข้ารถโดยมีอาการมึนเมา
คนที่บริสุทธิ์ ตั้งใจเรียนที่อเมริกา กลับถูกนักข่าวที่ไร้คุณธรรมกุเรื่องให้เกิดเป็นเรื่องราวเช่นนี้ ทำให้การตายของเซี่ยอวี๋เจียงเกิดการครหาอย่างมากมาย คนที่ตายก็ตายตาไม่หลับเลย
“ก่อนที่ฉันจะอายุสามสิบปี ผ่านเรื่องราวความลำบากมามากมาย ช่วยผู้คนก็นับไม่ถ้วน ช่วยบริษัทหลายแห่ง แม้กระทั่งช่วยกิจการให้เกิดขึ้นมาใหม่ แต่กลับไม่สามารถช่วยเซี่ยอวี๋เจียงได้เลย”
เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนี้ อธิบายภายใต้ความรู้สึกที่อาลัย เศร้าใจยากเกินกว่าจะอธิบายได้เลย