สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 440
บทที่ 440 ฉันต้องการหล่อน
เมื่อคำพูดของท่านฉินหลุดออกมาจากปาก สีหน้าของเสิ่นอีเวยถึงกับเคร่งเครียดทันที นี่คนบ้าหรือเปล่าเนี่ย? คิดว่าผู้หญิงเป็นสิ่งของหรือยังไงกัน? จะลากถูไถไปไหนมาได้ก็ได้ตามใจนึกอย่างงั้นหรอ?
หล่อนหันไปหาฉีเฟิงกลับพบว่าคิ้วของเขากระดกขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเขาช่างเป็นคนหัวนอก เวลาที่ท่านฉินกับฉีเฟิงกำลังปรึกษาเรื่องการเลือกผู้หญิงนั้น ในใจเสิ่นอีเวยกับมีความรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนแน่
เป็นไปตามที่คาดเดาเอาไว้ วินาทีต่อมาสิ่งที่ฉีเฟิงพูดออกมามันเหมือนเสิ่นอีเวยกำลังถูกสายฟ้าฟาดเข้าให้อย่างจัง
หล่อนเห็นว่าปากของฉีเฟิงที่กำลังพล่ามขึ้นมา ทว่ามือของผู้ชายคนนั้นกลับชี้มาทางเธอแทน ยิ่งเธอเห็นสายตาของเขาที่เพ่งมองเอาแต่ใบหน้าของหล่อน ฉีเฟิงค่อยๆอ้าปากอย่างความมั่นใจ: “ผมต้องการหล่อน”
ยามเมื่อฉี่เฟิงพูดประโยคนั้นออกมา เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจจนทำตัวไม่ถูก รวมถึงหูจื่อและผั้งจื่อคนนั้นด้วย
เสิ่นอีเวยที่ฟังเขาในตอนนั้นเธอคิดว่าตัวเองฟังผิดไปแน่ๆเลยหันกลับไปมองฉีเฟิงด้วยสายตาแข็งกร้าว ทว่าตอนที่หล่อนเพ่งจ้องดวงตาของเขานั้น เขากลับละสายตาที่คอยจดจ้องจากใบหน้าของหล่อนเบนไปทางอื่นแทน
ส่วนผั้งจื่อกับหูจื่อรวมทั้งคนที่ยืนอยู่นั้น สีหน้าของทุกคนต่างแสดงออกถึงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด ท่านฉินเห็นฉีเฟิงเลือกคนของเขาไว้แล้วเลยเอ่ยปากตอบตกลง : “ไม่มีปัญหา! ผมยกหล่อนให้คุณ!”
ในเวลานั้นเอง ฉีเฟิงถึงกลับหันไปทางท่านฉินพลางส่งสายตาที่จริงจังเอามาก : “ท่านฉิน ผมยังมีเรื่องที่อยากจะขอร้องอีกเรื่องหนึ่ง”
ฉีเฟิงเป็นคนจัดการเรื่องที่สำคัญให้ท่านฉินเรื่องหนึ่ง คืนนี้ท่านฉินอารมณ์ดีเป็นพิเศษท่าทางดูเป็นคนมีความสุขเอามาก: “คุณรีบพูดมาเลย! ฉันรับปากทุกเรื่องแหละ!”
น้ำเสียงของฉีเฟิงนั้นดูปกติเป็นอย่างมาก: “คนอย่างผม หานฉีเฟิงมักมีข้อเสียอยู่หนึ่งอย่าง ถ้าผมไม่คิดอยากได้ ผมก็จะไม่แตะต้องมันเลยสักนิดผ้าก๊อซ ทว่าหากสิ่งของนั้นเป็นของของผมก็ตาม ยามเมื่อคนอื่นต้องการแตะต้องเพียงนิดฉันก็รู้สึกอยากจะแย่งคืน คืนนี้ท่านฉินยกผู้หญิงคนนี้ให้ผมแล้ว หลังจากนี้หากมีใครต้องการอีกผมก็ไม่ไว้หน้าเช่นกัน ผมหวังว่าท่านฉินคงเข้าใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี”
เสิ่นอีเวยถึงกับตะลึงพรึงเพริดชื่อเต็มๆของเขาก็คือหานฉีเฟิงนี่เอง
ท่านฉินยื่นมือออกมาตบหน้าอกตัวเองแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า : “ที่คุณพูดถึงเรื่องนี้ผมเข้าใจดี! วางใจได้เลย!”
คนที่อยู่ในห้องต่างกระซิบกระซาบกันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจเพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันหมด ทว่าไม่เคยเห็นว่าพี่หานจะถูกใจผู้หญิงคนไหนสักคนมาก่อนเลย ครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
กล้ามากที่พูดขอผู้หญิงต่อหน้าท่านฉินท่ามกลางผู้คนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ได้ด้วยหรอ?
ทว่าในใจหานฉีเฟิงนั้นกลับถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่กลับไม่มีใครรู้ ส่วนเสิ่นอีเวยนั้นในใจเธอกลับรู้สึกอึดอัดแถมเริ่มไฟแห่งโทสะที่กำลังสุมอยู่ในทรวงอก หล่อนคิดว่าผู้ชายคนนี้เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ?
เรื่องที่พวกเขาต่างถกเถียงกันนั้นมันเป็นเรื่องของตัวเธอเอง ส่วนหล่อนได้แต่เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นไม่กล้าปริปากพูดแต่อย่างใด ท่ามกลางสถานการณ์ในยามนี้นั้น หล่อนไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจให้ท่านฉินเพ่งเล็งมาที่เธอ หากทำตัวแบบนั้นก็คงไม่เป็นข้อดีสำหรับเธออย่างแน่นอน
ทว่าสวรรค์ช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย สายตาของท่านฉินกลับเห็นผั้งจื่อที่โดนคนตีจนหัวแตก คอยเอามืออวบอ้วนจับผ้าก๊อซเอาไว้ จนท่านฉินถึงกับต้องขมวดคิ้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ: “หัวแกไปโดนอะไรมา?”
คนที่ถูกตีหัวแตกในยามนี้สติยังไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ หูจื่อเลยตอบคำถามที่ท่านฉินถามให้แทน : “ถูกคนตีหัวมาครับนาย”
น้ำเสียงเคียดแค้นของหูจื่อแสดงออกมาอย่างชัดเจน ส่วนสายตานั้นก็เพ่งไปที่เสิ่นอีเวย ส่วนเสิ่นอีเวยเอาแต่นิ่งเฉยไม่มีท่าทีกระวนกระวายใจหรือเคร่งเครียดแต่อย่างใด
น้ำเสียงที่หูจื่อพูดออกมานั้นแอบซ่อนความไม่พออกพอใจราวกับว่าต้องการเรียกร้องความสนใจจากท่านฉิน
คนฉลาดหลักแหลมอย่างท่านฉินเนี่ยนะ? จะไม่สนใจพฤติกรรมของหูจื่อที่พยายามสื่อออกมาเลยหรอ? สีหน้าเขาขรึมไปสักพัก : “ใครเป็นคนทำ?”
หูจื่อเตรียมตัวเพื่อจะตอบคำถามของท่านฉิน ทว่าคนที่หูจื่อหิ้วปีกอยู่นั้นกลับอาการกลับมาดีขึ้นเลยเป็นคนตอบเอง: “ท่านฉินครับ หากผมบอกว่าผมโดนใครตีมา ท่านจะเป็นคนจัดการให้ผมใช่ไหมครับ?”
ผั้งจื่อที่บนหัวของเขามีผ้าก๊อซพันไว้โดยรอบ ดูแล้วช่างน่าสงสาร แถมบาดแผลที่อยู่ใต้ผ้าก๊อซนั่นเริ่มปริมีเลือดไหลซึมออกมา ไม่รู้ว่าอาการเลือดพุ่งทั้งหมดนั่นมาจากการที่เขาโมโหเดือดปุดๆในตอนนี้หรือป่าว
อีกอย่างน้ำเสียงที่เขาตั้งใจสื่อออกมาราวกับหมดอาลัยตายอยาก ทำตัวเหมือนว่าตัวเองไม่รู้อิโหน่อีเหน่ด้วย เสิ่นอีเวยถึงกับต้องยอมรับในการแสดงจอมปลอมของเขาเลย
หลังจากท่านฉินฟังผั้งจื่อเล่าความมาแล้ว ในใจกลับรับรู้ได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ เลยคิดเองเออเองว่าคงต้องเกี่ยวข้องไปถึงผู้หญิงคนที่ฉีเฟิงต้องการนั่น เขายิ่งมั่นอกมั่นใจขึ้นในสิ่งที่เขาคาดเดานัก
ทว่าพูดกันจนมาถึงเรื่องนี้แล้วหากไม่พูดต่อเพื่อหาข้อยุติกลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นการหักหาญน้ำใจกันในหมู่พี่น้อง ท่านฉินเลยกระแอมและพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม : “แกพูดมา แค่แกเอ่ยชื่อคนนั้นออกมา ฉันจะออกหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้แกเอง”
คำพูดของท่านฉินทำให้ผั้งจื่อถึงกับสะบัดมือของหูจื่อที่คอยพยุงเขาเอาไว้ จากนั้นโค้งตัวแล้วคำนับลงกับพื้นเสียงดัง “ปึง” : “อีนังผู้หญิงคนนี้ตีผมครับท่าน——”
เขาทั้งพูดทั้งชี้นิ้วอันอวบอ้วนพร้อมทั้งสั่นเทาเล็กน้อยมาทางเสิ่นอีเวย อีกทั้งความตั้งใจที่มีมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากผั้งจื่อชี้ตัวเสิ่นอีเวยด้วยท่วงท่าที่เศร้าโศกเสียใจ เขาก็หันมาโค้งคำนับสามครั้งให้ท่านฉินเสียงดังสนั่น การกระทำทั้งหมดนั่นช่างเหมือนหมากำลังเลียแข้งเลียขาประจบประแจง
เสิ่นอีเวยที่ยืนหลบสายตาอยู่ด้านข้างนั้น ได้แต่นิ่งๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าตัวเองทั้งหมด
หลังจากท่านฉินฟังการชี้ตัวของผั้งจื่อนั้นจบ เขาก็หันมาทางเสิ่นอีเวย ส่วนอีกคนกลับส่งสายตาไม่เกรงกลัวแถมยังส่งสายตาถามกลับอีกด้วย
ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงที่ฉีเฟิงต้องการตัวนี่เอง
ทว่าเขากลับไม่มีวิธีใดจัดการได้จริงๆ เพราะคนก็ยกให้คนอื่นไปแล้ว แถมผั้งจื่อที่โดนทำร้ายมานั่นก็นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้อีก
หลังจากอดกลั้นอยู่ในสถานการณ์นี้อยู่นาน ท่านฉินทำได้แค่ก้มหัวลงสอบถามผั้งจื่อ: “เรื่องนี้แกจะให้ฉันจัดการยังไงแกถึงจะได้พอใจ?”
หลังจากผั้งจื่อได้ฟังที่ท่านฉินพูดประโยคนี้ออกมา มันรู้สึกว่าท่านฉินกำลังปกป้องมันอยู่ เลยยืนกร่างขึ้นมาในทันที พลางหันไปทางเสิ่นอีเวยพร้อมทั้งจ้องตาเสิ่นอีเวยด้วยสายตาเคียดแค้นแล้วเอ่ยขึ้นมา : “ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายผมยังไง ผมก็จะทำแบบนั้นกลับคืน อีกอย่างต้องยกคนนี้ให้ผมเป็นคนจัดการเอง!”
หลังจากผั้งจื่อกัดฟันพูดจบ ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าคนที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำที่ยืนด้านข้างนั่น สภาพฉีเฟิงในยามนี้ช่างเย็นชาหนาวเย็นยะเยือกดั่งลูกเห็บ