สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 446
บทที่ 446 การต่อปากต่อคำของคนสองคน
เสิ่นอีเวยตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนรีบสะบัดเพื่อให้หลุดจากเขา
หานฉีเฟิงสะบัดหลังมือ ร่างกายของเสิ่นอีเวยถูกเขาตรึงเข้ากับผนังกำแพง บริเวณด้านหลังอันเปราะบางของเธอชนเข้ากับกำแพงจนเจ็บจี๊ด เสิ่นอีเวยเจ็บจนถึงขั้นต้องกัดฟันเม้มปากตัวเองเอาไว้แน่น แต่ยังไงเธอก็ไม่ร้องขอให้เขาปล่อยเธอ หานฉีเฟิงกดตรึงร่างกายเสิ่นอีเวยเอาไว้แน่นแถมลมหายใจของเขาที่พ่นออกมามันมีคลื่นความหื่นกระหายอย่างรุนแรงโดยที่เขาไม่รอเวลาให้เธอได้ลืมตาตั้งตัวด้วยซ้ำ
หานฉีเฟิงใช้มือข้างเดียวตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเสิ่นอีเวยเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ล็อกคอเรียวงามของเธอเอาไว้แน่น วินาทีต่อมา ลำคอที่เปล่าเปลือยของเสิ่นอีเวยก็สัมผัสถึงความรู้สึกที่อบอุ่นแผ่วเบา…
หานฉีเฟิงเขากำลังพรมจุมพิตลำคอของเธออยู่….
ร่างกายเสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนถูกไฟช๊อตทั่วทุกส่วนจนเกิดอาการตัวเกร็งทั้งตัว จนแล้วจนรอดเธอจึงสติเพื่อเตรียมผลักหานฉีเฟิงออก ทว่าในเวลานั้นมือทั้งสองข้างกลับไม่มีเรี่ยวแรงเพราะว่าเขามีแรงมากกว่าเธอหลายเท่านัก เธอไม่มีทางสะบัดเขาให้หลุดได้เลย
หานฉีเฟิงดูดเม้มอย่างหนักหน่วงจนเสิ่นอีเวยรู้สึกเจ็บบริเวณลำคอ ทั้งอาย ทั้งโกรธอยู่ในใจ จนสุดท้ายน้ำตาคลอเบ้า
“ปล่อยฉันนะ!…” เสิ่นอีเวยแผดเสียงร้องอย่างไม่ลดละ
เบ้าตาเธอแดงแต่เธอก็พยายามอดทนไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา ในช่วงจังหวะหนึ่งเธอใช้แรงที่มีทั้งหมดกัดที่ไหล่ของหานฉีเฟิงเข้าอย่างจัง เพราะเมื่อครู่ตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้อง เขาถอดเสื้อโค้ตตัวนอกที่ใส่อยู่ก่อนหน้านี้ออกไปแล้ว
เพราะฉะนั้นในเวลานี้ เขาแค่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำบางๆแค่ตัวเดียว เสิ่นอีเวยใช้แรงอย่างเต็มที่ วินาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงหานฉีเฟิงสูดลมหายใจเข้าด้วยความรู้สึกอันเจ็บปวดอย่างเสียงดัง
หานฉีเฟิงขบเม้มบริเวณลำคอของเธออย่างหนักหน่วงมากกว่าเดิม ทั้งคู่ต่างสู้กันไปมาไม่มีใครยอมแพ้ใครถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม เหมือนเป็นการเอาคืนคู่ต่อสู้อย่างไรอย่างนั้น จนเสิ่นอีเวยเกิดอาการลนลานขึ้นมานิดๆ
เธออ้าปากแล้วกัดเขาเป็นรอบที่สอง ทว่าครั้งนี้กลับไม่ได้ใช้แรงมากนัก อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกทั้งละอายใจทั้งโกรธมาก!
หานฉีเฟิงเองก็โมโหเธอไม่ต่างกัน เขาละจากลำคอของเธอแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นก็อุ้มเสิ่นอีเวยขึ้นมา แล้วโยนตัวเธอลงบนเตียงนอนอย่างสุดแรงเท่ากับความรู้สึกที่กำลังโมโหอยู่เต็มแรง
ถึงแม้ว่าเตียงนอนจะอ่อนนุ่มก็ตามแต่การที่หานฉีเฟิงเขาใช้แรงโยนเธอลงมานั้น ทำให้มีบริเวณด้านหลังของศีรษะเสิ่นอีเวยกระทบเตียงนอนจนทำให้รู้สึกมีอาการบ้านหมุน ภาพที่อยู่ข้างหน้าของเธอกลับดำมืดในทันที สิ่งที่เธอทำได้คือหลับตาลง
วินาทีต่อมา กลับมีน้ำหนักทิ้งตัวลงมาอย่างแรง หานฉีเฟิงนั่นเอง
เสิ่นอีเวยร้อนรนจนพยายามผลักเขาให้ไปพ้นๆ : “ไอ้สารเลวไปให้พ้น! รีบไสหัวไปให้พ้น!”
หานฉีเฟิงแสยะยิ้มแล้วใช้มือข้างหนึ่งบีบหน้าเสิ่นอีเวยเอาไว้ ใช้น้ำเสียงถากถางพูดตอบกลับ : “ทำไม ตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัวว่าควรจะกลัวขึ้นมาแล้วหรือไง? ตอนแรกทำอะไรอยู่ล่ะ? อาการหยิ่งยโสเมื่อครู่หายไปไหนซะแล้วล่ะ? เอามันออกมาใช้สิ!”
การที่ต้องเผชิญหน้าต่อคำพูดถากถางของหานฉีเฟิง เสิ่นอีเวยไม่คิดที่จะตอบกลับคำถามของเขาเลย ในสมองของเธอมีแค่คำว่าจะจัดการผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ยังไงให้พ้นทางไปได้สักที เธอใช้มือเรียวยาวคลำไปบริเวณหัวเตียง
ช่วงที่เธอเดินเข้าห้องนี้นั้น เสิ่นอีเวยสำรวจภายในห้องนอนโดยรอบอย่างรวดเร็ว เธอจำได้ดีว่าที่ตรงนั้นมีโคมไฟตั้งโต๊ะวางเอาไว้หนึ่งอัน
หล่อนพยายามควานหาจนในที่สุดก็คว้าฐานโคมไฟไว้ได้ เสิ่นอีเวยคว้ามันไว้แน่นทำราวกับว่ามันเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตของตัวเองแล้ว หล่อนเตรียมฟาดหัวหานฉีเฟิงอย่างเต็มที่ ทว่าภายในพริบตานั้นช่วงที่โคมไฟกำลังล่องลอยไปนั้น เขากลับหลบโคมไฟได้อย่างสวยงามมาก
โคมไฟตั้งโต๊ะอันนั้นเป็นโคมไฟที่ทำมาจากแก้วกลับพลาดเป้าไม่ได้ฟาดเข้าหัวคน แต่กลับตกแตกบริเวณพื้นห้องเสียงดัง “เพล้ง” แตกเป็นเสี่ยงๆ ในยามนั้นเอง เศษแก้วปลิวว่อนไปทั่วทั้งห้อง เสิ่นอีเวยรู้สึกว่ามีเศษแก้วปลิวมาบาดแขนของเธอเองจนเป็นแผลรู้สึกเจ็บแสบนิดๆ
ใบหน้าไร้มารยาทไม่มีการศึกษาอย่างไม่มีที่ติของหานฉีเฟิงนั้นปรากฏอยู่ต่อหน้าเสิ่นอีเวย รอยยิ้มตลกขบขันปรากฏที่มุมปากของเขาแทน
“เธอนี่ช่าง อีกนิดเดียวก็โดนหัวแล้วนะ”
ทว่าในเวลานั้นเอง อยู่ดีๆด้านนอกประตูกลับมีเสียงผู้ชายดังมาแทน : “พี่เฟิงไม่เป็นไรใช่ไหม? จัดการได้ใช่ไหม?”
เสียงราบเรียบที่ดังมาจากด้านนอกนั้น ฟังยังไงก็ดูออกว่าเขาแอบมาดักฟังอยู่ด้านนอกนานสักพักแล้ว
เรื่องบนเตียงที่ทั้งคู่ต่างทำอยู่ถึงกับหยุดค้างเติ่งทันที มีแค่หานฉีเฟิงเท่านั้นที่ไม่ได้ตกใจอะไรมากเหมือนเสิ่นอีเวย ทำราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เขาสามารถควบคุมให้อยู่ในมือของเขาได้
หานฉีเฟิงหันศีรษะกลับไปทางประตูพร้อมส่งเสียงตะโกนตอบกลับไปแทน : “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง! พวกแกออกไปหาอะไรกินข้างนอกก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะตามพวกแกไปทีหลัง!”
หากเสิ่นอีเวยไม่ได้ฟังอะไรผิดพลาดไป คงไม่ได้มีแค่คนพูดคนเดียวที่คอยแอบฟังอยู่เป็นแน่ เพราะว่าเธอได้ยินเสียงคุยหัวเราะต่อกระซิกอยู่ด้านนอก
เสิ่นอีเวยเงยหน้ามองหานฉีเฟิงด้วยสายตาที่ตัวเองกำลังมองคนบ้าประสาทแดกอยู่อย่างนั้นแหละ
ในเวลานั้นเอง คนที่อยู่ด้านนอกก็เริ่มพูดต่อ : “ไม่เป็นไร พวกเราสามคนต่างคุยกันแล้วพี่ คืนเข้าหอมันสำคัญกว่าทองพันช่างเสียอีก พี่ไม่ต้องรีบร้อนค่อยๆทำ ฮ่าๆๆ..”
น้ำเสียงของคนที่พูดช่างอุบาทว์สิ้นดีจนเสิ่นอีเวยที่ฟังแล้วจนกระเพาะของเธอก่อคลื่นความรู้สึกทุเรศ ท้ายสุดเธอขมวดคิ้วไว้แน่น
เสิ่นอีเวยไม่พอใจเท่าไหร่กับเรื่องที่พวกเขาตลกขบขันกันอยู่ แถมเมื่อครู่ที่หานฉีเฟิงพูดแปลกๆกับเธอประโยคนั้นอีกด้วย เธอแค่ต้องการหาที่ระบายความโกรธจุกอกของเธอกับคนที่ตอนนี้อยู่ใกล้ตัวเธอแทน เสิ่นอีเวยใช้หัวเข่าขาขวากระทุ้งหว่างขาของหานฉีเฟิงเข้าเต็มแรงในทันที
“อึก…” เสียงงึมงำในลำคอผู้ชายที่อยู่ข้างบนเรือนร่างของเธอ หัวคิ้วขมวดไว้แน่นในทันที ส่วนสีหน้ากลับแสดงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน
เธอใช้ช่วงเวลาที่เขากำลังงอตัวเป็นกุ้งด้วยความเจ็บปวดนั้นผลักเขาออกไปแล้วลุกนั่งทันที เพื่อให้หลุดพ้นจากการกักตัวของเขา
ความอดทนของหานฉีเฟิงถือว่าเก่งมาก แต่การจะกลับมาเป็นปกติดังเดิมนั้นยังไม่เก่งพอ มันไม่ง่ายที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งได้ ความเจ็บปวดนั้นค่อยๆดีขึ้นตามลำดับแต่สีหน้ากลับดูไม่ได้เลยช่างดำทะมึนเหมือนก้อนถ่าน
เขาเหลือกตามองมาที่เธอด้วยสวยตาที่ทั้งโมโหและอารมณ์ต่างๆนานาๆปะปนกันไปหมด จนในที่สุดเขาก็หลุดพูดออกมาประโยคหนึ่งหลังจากอดกลั้นกับความเจ็บปวดมานาน : “…ต้องรุนแรงขนาดนี้ไหม?”
เสื่นอีเวยกระตุกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะตอบเขาอย่างเย็นชา : “ก็ตามนั้น ฉันเรียนรู้มาจากคุณ”
เมื่อครู่ที่คุณทำกับฉันก็ไม่ได้ไว้หน้ากันอยู่แล้ว
หานฉีเฟิงพยายามอดทนอดกลั้นอยู่นานจนในที่สุดก็สามารถพาตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ เขาจ้องมองสภาพเสิ่นอีเวยจากหัวจรดเท้าแล้วทำท่าทำทางพออกพอใจแทน
เสิ่นอีเวยมองเห็นหานฉีเฟิงที่ยามนี้เขาสามารถลุกจากเตียงได้แล้ว จิตใต้สำนึกพาเธอขยับถอยหลังทันที
หานฉีเฟิงเห็นเสิ่นอีเวยทำท่าทางป้องกันตัวเองนั้น เขาถึงขำกร๊ากขึ้นมาทันที : “รู้ตัวแล้วว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เมื่อครู่ก็ควรฟังที่ฉันพูดตั้งแต่แรกแค่นั้นก็สิ้นเรื่องแล้วใช่ไหม?”
เสิ่นอีเวยพูดกระแนะกระแหนเขาอย่างไม่ไว้หน้า : “ฉันไม่ได้รู้สึกว่างั้น ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ไม่ได้ดูดีเท่าไหร่นี่ มันก็กล้ำกลืนฝืนทนพอๆกับที่เมื่อครู่ที่คุณทำไว้กับฉันนั่นแหละ”
หานฉีเฟิง: “……