สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 48
บทที่ 48 มันน่าตลกที่ฉันรักเธอ
คืนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนกับคนบ้ายังไงยังงั้น ดูเหมือนว่าเสิ่นอีเวยจะรับรู้ความรู้สึกแปลกๆที่รายล้อมอยู่รอบตัวได้ อุณหภูมิบริเวณริมฝีปากของเขามันร้อนระอุ ปากทั้งปากงับไปที่ติ่งหูของเสิ่นอีเวย เขาดูดเม้มเบาๆ เสิ่นอีเวยเบิกตากว้าง ร่างกายของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนมีไฟช็อตชาๆมึนๆไปทั้งตัว
ปากของเซิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มย้ายลงล่าง งับคอสีขาวดั่งหิมะของเสิ่นอีเวยทำอย่างกับว่าจะดูดชีวิตของเสิ่นอีเวยอย่างไงอย่างงั้น
ตั้งแต่ตัวเองมีอะไรกับเซิ่งเจ๋อเฉิงครั้งก่อนๆ เสิ่นอีเวยก็ค่อยๆรู้ว่าสภาพตอนนี้ของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นจุดไหนค่อนข้างอ่อนไหว หล่อนไม่กล้าที่จะต่อสู้ดิ้นรน เสิ่นอีเวยได้แต่เอนอ่อนไปตาม ชุดนอนได้หลุดลงไปตั้งแต่แรก เผยให้เห็นหัวไหล่สีขาวโพนดั่งหิมะ
หล่อนอยากให้เซิ่งเจ๋อเฉิงหยุด เลยรีบกัดไปที่บริเวณหลังของเซิ่งเจ๋อเฉิง
แรงกัดนี้ไม่ได้เบาเลย หล่อนได้ยินเสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงร้องอยู่ในลำคอ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้หยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่เลย แป๊บเดียว มืองามคู่นั้นของเสิ่นอีเวยก็ถูกเขาตรึงไว้เหนือศีรษะ เสียงที่อ่อนโยนของเขาผ่านเข้าหู : “เด็กดี อย่าดื้อ”
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าผู้หญิงคนอื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่ว่าแพ้กับว่าคำว่า’เด็กดี’จนหมดแรงขัดขืน การแสดงออกและนิสัยอ่อนลงไปบ้าง
ฝ่ามือด้านๆของเซิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งใช้แรงบีบเน้นผิวทุกอณูของเสิ่นอีเวย อุณหภูมิของทั้งคู่ร้อนระอุขนาดลมหายใจยังหายใจพร้อมกัน
“ฉันรักเธอ….”
เซิ่งเจ๋อเฉิงกระซิบอ้อนเบาๆที่ข้างหูเสิ่นอีเวย
หัวใจเสิ่นอีเวยถึงกับเต้นตุบตับ คำว่าฉันรักเธอ…หลังจากที่แต่งงานกันมาสองปี เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคยคำสามคำกับหล่อน ร่างกายของหล่อนสั่นสะท้านอย่างยินดี
“เสิ่นหุ้ย…..”
วินาทีนั้นช่างเหมือนดวงจันทร์ในฤดูหนาวที่เหมือนถูกคนสาดน้ำเย็นเข้าใส่ ลมหายใจเสิ่นอีเวยหยุดนิ่ง เพราะว่าประโยคนั้นมันควรเป็น – ฉันรักเธอ เสิ่นหุ้ย
ในใจเต็มไปด้วยความลำบากใจ เสิ่นอีเวยโกรธสุดๆได้แต่หัวเราะออกมา ที่แท้ก็เป็นตัวหล่อนเองที่ไม่ดูสารรูปตัวเอง? ยังคิดไปเองว่าผู้ชายที่ดื่มเหล้าเมามายจะเปลี่ยนได้?
ที่แท้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ตอนที่เขาจูบกับเธอแถมยังเรียกชื่อเสิ่นหุ้ย!
ผลของเหล้าเข้าปากก็นึกว่าเป็นคำพูดที่มาจากใจจริงๆ เสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มแห้งๆ หล่อนไม่ยอมเป็นอันขาดที่ให้ผู้ชายอื่นมาจูบแล้วเขาพร่ำเพ้อถึงผู้หญิงคนอื่น แม้ว่าจะเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ตามทีก็ไม่ได้ ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว หล่อนใช้พลังที่มีทั้งหมดถีบทีเดียวให้เซิ่งเจ๋อเฉิงตกเตียง
มีเสียงดังตุบบนพื้น ไม่รู้ว่าคืนนี้ดื่มหนักไปหรือเปล่าเลยไม่ตื่นขึ้นมา
เสิ่นอีเวยอารมณ์เสีย ความง่วงเหงาหาวนอนก็มลายหายไปหมดสิ้น ใจหล่อนก็หงุดหงิดงุ่นง่านหล่อนรู้ตัวเลยว่านอนต่อคงไม่ได้แล้ว
หล่อนหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงดูเวลาซึ่งมันเลยตีห้าแล้ว เพราะงั้นชายคนนี้ดื่มหนักจนเมามายคนเดียวได้ขนาดนี้?
เสิ่นอีเวยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งเดินออกไปยังระเบียง อาจจะเป็นเพราะว่าหน้าร้อนพระอาทิตย์เลยขึ้นเร็ว อากาศข้างนอกก็สดชื่นมาก เสิ่นอีเวยชงชาให้ตัวเองหนึ่งกาเพื่อใช้ผ่อนคลายในการอ่านหนังสือ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนกินเวลาไปสองสามชั่วโมง เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอนเป็นเสียงสิ่งของตก หล่อนหันตัวกลับไปมองเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงเองที่ตื่นขึ้นมาแต่เขาไม่ทันระวังรีโมทแอร์คอนดิชั่นเนอร์ที่อยู่บริเวณค่อนข้างเตี้ยนั้นเขาเผลอสะบัดไปโดน
อาการสะลึมสะลือของเขาได้แต่ปีนเตียงขึ้นมา สะบัดผมที่ยุ่งเหยิงและหันมองไปยังระเบียงนอกหน้าต่างที่เสิ่นอีเวยกำลังเดินทอดน่องเข้ามา
“ทำไมฉันมาอยู่ในห้องเธอ?”
เสิ่นอีเวยจ้องมองเขาทั้งรู้สึกโมโหทั้งตลกขบขัน ดูเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอนเมื่อเริ่มรู้สึกตัวกลับจำเรื่องราวเมื่อคืนนั้นลืมจนหมดสิ้น
เสิ่นอีเวยเบื่อจะพูดเสวนากับเขาและก็ไม่ได้เตรียมคำตอบที่ไร้สาระอะไรนี่กับเขาได้แต่หันตัวกลับไปอ่านหนังสือต่อ
ยังไม่ทันตั้งตัวเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจ เขารับนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเสิ่นอีเวยโดยเร็วด้วยอารมณ์ถามอย่างโมโห : “เมื่อคืนฉันดื่มหนักขนาดนั้น เธอช่างร้ายกาจมากให้ฉันนอนที่พื้นหรอ?”
เสิ่นอีเวยฉลาดเป็นกรดรีบตอบเขาทันที “ก็คุณนี่แหละที่ไม่ระวังหล่นลงไปเอง ฉันไม่ได้บังคับเลยนะ”
“แบบนี้แน่นะ?”
สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งยิ่งเพิ่งตื่นด้วยแล้วสภาวะดูสับสน เสิ่นอีเวยจ้องมองเขาได้แต่คิดว่าท่านประธานบริษัทเซิ่งซื่อที่ใหญ่โตยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียง ดุดันเข้มงวดซะขนาดนี้ยังโดนตัวหล่อนเองถีบตกเตียง
ตนแรกก็อยากจะขำ แต่ว่าคิดได้ว่าเรื่องเมื่อคืนตอนที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันเขากลับเรียนชื่อของเสิ่นหุ้ยขึ้นมา เหมือนมีคนมีฉีกหัวใจของเสิ่นอีเวยเป็นชิ้นๆ
หล่อนแสดงอาการตอบกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เมื่อกี้เหมือนได้ยินว่าคนที่อยู่ชั้นล่างเรียกคุณ สงสัยจะเป็นป้าน้ำเรียกคุณไปกินข้าวเช้า”
“เธอไม่ลงไปกินพร้อมฉันหรอ?” มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงยังคงอ้อยอิ่งอยู่ระหว่างประตู
ด้วยเพราะคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืน อารมณ์ของเสิ่นอีเวยเลยไม่ได้เป็นสุขนัก หล่อนไม่อยากอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงในตอนเช้าตรู่ซะขนาดนั้น “ตอนนี้ฉันไม่หิว เดี๋ยวค่อยลงไปกินข้างเองแหละ คุณลงไปกินเถอะ”
หล่อนไม่ได้ยินเสียงเท้าที่ห่างออกไปของเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยถึงกับสงสัยเลยหันไปดู ปรากฏว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงยังยืนนิ่งเหมือนตายสนิทแล้วจดจ้องมายังหล่อ
ใจหล่อนเหมือนรู้สึกกระตุกขึ้นๆ : “คุณมองฉันทำไม?”
ผู้ชายคนนั้นทำหน้านิ่ง : “ต้องให้ฉันใช้แรงอุ้มเธอลงไปไหม?”
เสิ่นอีเวยอึ้งแป๊บหนึ่งถึงได้สติกลับมาส่ายหัวสั่นไปมา : “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้อง”
หล่อนรีบใช้ความเร็วที่สุดโยนหนังสือทิ้งแล้วก็รีบลงชั้นล่างอย่างไว เสิ่นอีเวยไม่อยากเขาจู่โจมยามเช้าตรู่เช่นนี้ ถ้าตอนนั้นแล้ว คนใช้ข้างล่างคงได้หัวเราะกระเซ้ากระซี้แน่ๆ
หลังจากลงจากตึด ป้าน้ำที่เพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จพอดีกำลังจัดเตรียมสำหรับไว้บนโต๊ะทานข้าว เสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิงทั้งคู่นั่งตรงข้ามและนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน
“วันนี้มีแพลนอะไรไหม?”
เสิ่นอีเวยได้ยินว่าเขาเซิ่งเจ๋อเฉิงถามหล่อน พลันนึกคิดไปพักหนึ่ง วันนี้หล่อนมีนัดแล้วจริงๆแต่ว่าบอกเขาไม่ได้
ได้แต่หาเรื่องมาคุยเปลี่ยนหัวข้อไป “ท่านประธานเซิ่งเริ่มห่วงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังดื่มนมอยู่ถึงกับเงยหน้ามองตาหล่อน
เสิ่นอีเวยได้แต่พูดไปอ้อมๆว่า : “ ก็ไปวุ่นวายที่บริษัทไง ตอนนี้หน้าร้อนแล้วมีคนตั้งแยะแยะอยากเลือกจัดงานแต่งในช่วงฤดูร้อน ช่วงนี้ตารางจองมากกว่าปกติ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ ดูเหมือนว่าเขาก็แค่ถามๆไปงั้น
เอาเข้าจริงถึงแม้ว่าอาการแสดงออกของเสิ่นอีเวยที่ไม่มีอะไรผิดปกตินั้นก็ตามที แต่ว่าเรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเมาขึ้นมาแล้วเรียกชื่อเสิ่นหุ้ยนั้น หล่อนรู้สึกเหมือนกลับไปยืน ณ จุดดิมอีกครั้ง หรือว่าความรู้สึกก่อนนี้ที่เธอคิดไปเองว่าระหว่างเธอกับเซิ่งเจ็อเฉิงนั้นมันค่อยๆดีขึ้นอบอุ่นขึ้น สงสัยคงคิดผิดไปแล้วจริงๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่เสิ่นอีเวยในตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่แสดงอารมณ์ออกมายังสีหน้าทุกกระเบียดนิ้ว เธอชอบที่จะเก็บซ่อนความเจ็บปวดและความซื่อสัตย์ของตัวเองไว้
หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จ ทุ้งคู่ก็แยกย้ายไปเก็บของ เซิ่งเจ๋อเฉิงไปทำงานที่บริษัทตามปกติ แต่เสิ่นอีเวยตั้งใจเก็บของอย่างพิรี้พิไรอยู่เป็นนานสองนาน เพราะว่าวันนี้หล่อนไม่ได้ไปบริษัทแต่อยากไปเดินเที่ยวไปทั่วที่ร้านชุดแต่งงานในเมืองนี้