สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 52
บทที่ 52 หึงหวง
คิ้วของเซียวหันถิงยกขึ้นเล็กน้อย เขาเข้าใจความหมายของหล่อน จึงหันหน้าไปทางสองคนนั้นแล้วพูดว่า” ผู้หญิงสวยๆอย่างคุณเสิ่น จะไม่มีคู่ควงได้อย่างไรครับ”
พูดจบเขาก็ใช้แขนซ้ายยื่นไปทางเสิ่นอีเวยคล้องเบาๆ เสิ่นอีเวยยิ้มรับพร้อมควงแขนเซียวหันถิง แขนทั้งสองคล้องกันสัมผัสได้ถึงไออุ่น เขาพอใจมาก
เสิ่นอีเวยมองใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มองมือหล่อนที่ควงอยู่กับเซียวหันถิงเขาโกรธจนแทบจะพ่นไฟออกมา
เสิ่นอีเวยเห็นท่าทีของเซิ่งเจ๋อเฉิงแบบนั้นหล่อนรู้สึกพอใจมาก
นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ที่แขวนบนผนังของล็อบบี้บอกเวลาสามทุ่มตรง งานเต้นรำได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
แขกที่มาร่วมงานต่างทยอยกันเดินไปที่กลางฟลอร์ แสงสว่างจากไฟภายในงานก็ค่อยๆถูกหรี่ปรับให้มืดลง ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงถูกบดบังอยู่ภายใต้เงาดำ เสิ่นอีเวยจึงมองเห็นท่าทีสีหน้าเขาไม่ชัดนัก
แต่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าไม่ดีแน่นอนตรงกันข้ามกันสีวี่อันฉิงที่อยู่ข้างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมหันกลับมาถามเซิ่งเจ๋อเฉิงว่า” ท่านประธานเซิ่งคะ งานเต้นรำเริ่มแล้ว ไม่รู้ว่าจะขอคุณเต้นรำด้วยสักเพลงจะได้มั้ยคะ”
เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจ หล่อนรู้จักสวี่อันฉิงมานานแล้วไม่ใช่แค่ปีสองปี ตั้งแต่อดีตที่หล่อนมักจะเล่นกันอยู่กับเสิ่นหุ้ย หล่อนเองก็รู้ สวี่อันฉิงเป็นคนทะเยอทยาน เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง มากกว่าหล่อนเสียอีก และในตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ก็กล้าที่จะขอเซิ่งเจ๋อเฉิงเต้นรำ
ดูแล้วการที่หล่อนพยายามเข้าหาเซิ่งเจ๋อเฉิงครั้งนี้จะเริ่มอย่างจริงจังแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงเก็บแววตาโกรธขึ้งเมื่อสักครู่ไปเรียบร้อย เขามองไปที่เสิ่นอีเวยและเซียวหันถิงด้วยสายตาท้าทาย ก่อนจะหันกลับมาตอบสวี่อันฉิงว่า “ไม่มีปัญหาได้แน่นอน”
วินาทีต่อมา เสิ่นอีเวยเห็นมือใหญ่ของเขาโอบเอวเล็กของสวี่อันฉิง มือของเขาดันเข้ามา ทำให้สวี่อันฉิงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ฝ่ายหลังยิ้มด้วยความเขินอาย แต่สายตาที่อยู่ด้านหลังไหล่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับมองไปที่เสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยเองก็ดูออกว่าหล่อนเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ
สองคนค่อยๆเต้นไหลตามจังหวะเข้าไปที่ฟลอร์ เพลงแรกเป็นเพลงเบาๆช้าๆ ทั้งสองเต้นเข้ากันเป็นอย่างดี สวี่อันฉิงภายใต้การนำของเซิ่งเจ๋อเฉิงสวยสง่าผิดปกติ เหมือนกับหล่อนเป็นผีเสื้อ
แม้ว่าที่เฟลอร์เต้นรำจะมีคู่เต้นรำมากมาย แต่คู่ของสวี่อันฉิงและเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับดูโดดเด่นสะดุดตามากกว่าคู่อื่นๆ
ใบหน้าของสวี่อันฉิงมีร้อยยิ้มเจิดสรัสตลอดเวลา เวลาหมุนตัวหล่อนมักจะมองมาที่เสิ่นอีเวย แววตาเยาะเย้ยโอ้อวด ตรงกันข้ามกับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ อยู่ๆเสิ่นอีเวยก็เกิดความรู้สึกว่าพวกเขาสองคนก็เหมาะสมกันดี
เสิ่นอีเวยมองดูทั้งคู่ ในใจเกิดความรู้สึกเบื่อๆอึดอัด เหมือนตัวเองกำลังต่อยหมัดลงไปที่ก้อนสำลี
แล้วอยู่ๆเสียงของเซียวหันถิงก็ดังขึ้นข้างๆหูหล่อน “ตอนนี้ในใจคุณรู้สึกอย่างไร”
เสิ่นอีเวยชะงับหันกลับไปมองเขา ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร เซียวหันถิงเผชิญหน้ากับหล่อน เขาเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกไป เขายื่นมือออกไปข้างหน้า แสดงการเชื้อเชิญ”คุณผู้หญิงคนสวย จะให้เกียรติเต้นกับผมสักเพลงได้มั้ยครับ”
เสิ่นอีเวยตอนแรกหล่อนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะหล่อนคิดแค่ว่าต้องการอ้างว่าเซียวหันถิงเป็นคู่ควงหล่อนเท่านั้น เขาเองก็คงแค่อยากจะช่วยหล่อนเล่นละครหลอกอีกฝ่าย ไม่คิดว่าเขาจะเชิญหล่อนไปเต้นรำด้วยจริงๆ
เสิ่นอีเวยเองตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้ก็ไม่เคยเต้นรำกับผู้ชายคนไหนนอกจากเซิ่งเจ๋อเฉิงมาก่อน ครั้งแรกนั้นก็เมื่อหลายปีก่อนในงานหมั้นของทั้งคู่เอง หลังจากนั้นมานั่งคิดดูแล้วเซิ่งเจ๋อเฉิงก็แค่เล่นละครตบตาคนอื่นเท่านั้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงเต้นรำเก่ง แต่นับตั้งแต่ครั้งนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เต้นรำด้วยกันอีกเลย หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าการเต้นของหล่อนย่ำแย่ไปถึงขั้นไหนแล้ว ยิ่งเป็นการเต้นรำแบบสากลด้วยแล้วยิ่งต้องมีความใกล้ชิดกันมาก ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเซียวหันถิงเองก็….ทำให้หล่อนรู้สึกลังเลอยู่ไม่น้อย
แต่ว่าในตอนนั้นเอง หล่อนมองเห็นสวี่อันฉิงที่กำลังหมุนตัวอยู่ในอ้อมอกของเซิ่งเจ๋อเฉิง มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงโอบรอบเอวบางของสวี่อันฉิง ความเดือดดาลปะทุขึ้นในใจของเสิ่นอีเวย หล่อนต้องการล้างแค้น
ไม่มีการคิดลังเลอะไรอีกต่อไปแล้ว หล่อนตอบรับคำเชิญของเซียวหันถิง มือของหล่อนวางประกบลงไปบนมือใหญ่อบอุ่นของเขา ใจหล่อนเต้นรัว
ในเมื่อจะเปิดศึกกัน ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด หล่อนคิดในใจ
หล่อนเงยหน้าขึ้นมา เห็นใบหน้าอันอ่อนโยนของเซียวหันถิง “ฉันไม่ได้เต้นรำมานานมากแล้วถ้าผิดพลาดยังไง ท่านประธานเซียวอย่าถือสานะคะ”
เซียวหันถิงยิ้มก่อนจะกระซิบข้างหูหล่อนว่า” วางใจเถอะมีผมอยู่ทั้งคน”
น้ำเสียงและการใช้คำที่ฟังดูอบอุ่น ทำให้หล่อนรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เซียวหันถิงเป็นหญ้าฟางเส้นที่ช่วยชีวิตหล่อน ช่วยให้หล่อนกู้ศักดิ์ศรีคืนมาได้
ตอนที่เซียวหันถิงวางมือบนเอวของเสิ่นอีเวยนั้นพวกเขาหันหลังให้คู่ของเซิ้งเจ๋อเฉิง แต่เสิ่นอีเวยก็สัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตแค้นของเขาที่มองมาที่หล่อนได้ แต่หล่อนไม่มีเวลาจะใส่ใจ
ไฟในห้องโถงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามจังหวะของดนตรีที่เปิด เมื่อสักครู่เป็นเพลงที่จังหวะค่อนข้างเร็ว เสิ่นอีเวยเต้นจนเริ่มมีเหงื่อออกมาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเพลงจังหวะช้าๆนุ่มนวล ไฟในห้องจึงถูกปรับให้มืดสลัวดูอบอุ่นขึ้น
ช่วงจังหวะการเต้นรำนั้นยากที่จะเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัวกัน เสิ่นอีเวยเริ่มรู้สึกเขินจึงพูดกับเซียวหันถิงว่า “ท่านประธานเซียวคะเราก็เต้นมานานแล้ว คุณคงจะเหนื่อยแล้ว”
เซียวหันถิงเป็นคนฉลาด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเสิ่นอีเวยคิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่คิดที่จะตามเกมหล่อน ผู้หญิงคนนี้ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ
มุมปากเขายกขึ้นภายใต้ความมืดสลัวเกิดรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เหนื่อยเลยสักนิด”
“……..”
เสิ่นอีเวยไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ เดิมที่เรื่องในคืนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซียวหันถิงเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นหล่อนเองที่ดึงเขาเข้ามาช่วย ตอนนี้ก็สลัดเขาไม่ออก จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้
หล่อนจึงทำได้แค่ก้มหน้าเต้นต่อไป
ทันใดนั้นเองเขาก็มีท่าทางแปลกๆเหมือนต้องการบอกใบ้ให้หล่อนมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง
หล่อนจึงหันศีรษะกลับไปมอง ใจหล่อนเต้นรัวขึ้นมา เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ สวี่อันฉิงซบที่ไหล่เขาเบาๆ เมื่อเห็นเสิ่นอีเวยมองมาหล่อนก็ยิ้ม แล้วค่อยๆเอียงศีรษะไปด้านข้างขนานไปกับลำตัว ขาของทั้งสองไม่ได้หยุดเต้นเลย
เนื่องจากแสงที่สลัว ทำให้เห็นภาพไม่ได้ชัดเจนนัก บวกกับตำแหน่งที่เสิ่นอีเวยอยู่มองออกไปรู้สึกเหมือนกับสวี่อันฉิงกำลังจูบเซิ่งเจ๋อเฉิง และฝ่ายหลังไม่มีท่าทีขัดขืนใดๆ
เหมือนมีไฟสุมอยู่ในทรวง เสิ่นอีเวยหันกลับไปอย่างโมโห ไม่อยากดูภาพตรงหน้าอีกต่อไป เซียวหันถิงจับสังเกตความผิดปกติของหล่อนได้ และรู้ดีว่าความจริงแล้วคืออะไร แต่อยู่ๆก็เกิดอย่างจะแกล้งหล่อนขึ้นมาจึงพูดขึ้นว่า”สามีคุณเหมือนจะถูกผู้หญิงจูบ คุณอยากจะลองใช้วิธี หนามยอกต้องเอาหนามบ่งมาใช้ดูมั้ย