สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 62
บทที่ 62 ผู้ชายสามคน
ยังไม่ทันได้มองเห็นผู้ชายคนนั้นถนัด สักพัก หล่อนก็ได้ยินเสียงกระจกแตกดังขึ้นมา คนพวกนั้นใช้ไม้กระบอกทุบกระจกรถให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
“ว๊าย!”
เสิ่นอีเวยกรี๊ดเสียงดังลั่นพร้อมกับเอามือกุมหัวไว้และยังคงหลบอยู่ในรถ คนพวกนั้นไม่ได้เร่งรีบที่จะเอาเสิ่นอีเวยลากออกมาจากรถ พวกเขายังคงเดินเรื่อยเปื่อยอยู่รอบๆรถเหมือนว่าตัวเองเป็นนกอินทรีตัวร้ายที่กำลังบินรอบตัวเหยื่อที่กำลังใกล้ตาย
มือทั้งสองข้างของเสิ่นอีเวยไม่สามารถควบคุมอาการสั่นสะท้านได้ หล่อนไม่รู้ว่าทำไมพวกนั้นถึงจ้องทำที่จะทำร้ายเจอ หล่อนก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าต่อสู้กับพวกเขา
กระจกด้านหน้ารถ ด้านซ้าย ด้านขวา ค่อยๆถูกผู้ชายคนที่เป็นคนหน้าคนนั้นทุบแตกเป็นเสี่ยงๆ สายลมเย็นของยามค่ำคืนพัดเข้ามา แต่เสิ่นอีเวยไม่สามารถซึมซับกับความรู้สึกเหล่านี้มันมีแต่ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจในตอนนั้น
กระจกเล็กๆที่แตกออกหล่นและบาดบริเวณแก้มและด้านหลังมือขวานั่น หล่อนรับรู้ความรู้สึกที่ผิวหนังถูกบาดเล็กน้อยแม้ว่าจะมีเลือดอุ่นไหลออกมา แต่หล่อนแทบไม่มีเวลาสนใจ
ประตูรถถูกผู้ชายบ้าระห่ำคนหนึ่งเปิดออก เสิ่นอีเวยถูกลากออกมาจากรถ หล่อนพยายามสะบัดหลีก : “พวกแกจะทำอะไร!”
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าคนนั้นทำเสียงหึในลำคอแต่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก มือขวาของเสิ่นอีเวยถูกลากดึงไปข้างหน้าเหมือนว่าทั้งแขนจะหลุดออกมา หล่อนเจ็บจนน้ำตาไหล
เสิ่นอีเวยอยากตะโกนขอความช่วยเหลือดังๆ แต่ว่าสถานที่นี่กลับอยู่ไกลไม่ได้อยู่ในตัวเมือง ผู้ชายหลายคนนั้นลากดึงหล่อนให้เดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ที่นั่นมีตึกใหญ่ที่กำลังก่อสร้างขึ้น ตึกทั้งตึกมืดทึบเหมือนกับมันต้องการกลืนกินทุกอย่าง
ตอนนั้นเอง เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าโทรศัพท์ที่อยู่ที่มือซ้ายของเธอสั่นขึ้นมา หล่อนหันกลับไปดู และเห็นว่า โทรศัพท์กำลังแสดงชื่อเคลื่อนไหว ‘เซิ่งเจ๋อเฉิง’คำสามคำนี้อยู่
ตอนนั้น น้ำตาในดวงตาของเสิ่นอีเวยกลับไหลรื้นออกมา มือที่สั่นเทาของหล่อนกดรับปุ่มตอบรับ หล่อนใช้ช่วงที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนใจหล่อนสะบัดแขนเขาออกและวิ่งหนีออกไปด้านข้าง
หล่อนวิ่งไปตะโกนใส่โทรศัพท์ไป เสียงแตกซ่า : “เซิ่งเจ๋อเฉิง รีบมาช่วยฉันด้วย ฉันอยู่ที่ถนนเฉิงหนานที่นี่มีตึกก่อสร้างอยู่!”
ยังพูดไม่ทันจบ มือถือที่อยู่ในมือก็ถูกแย่งไปแล้วเหยียบจนแตกเป็นส่วนๆบนพื้นดิน
“ยังกล้าที่จะส่งข่าวกูอีก นังแพศยา!” ผู้ชายหนึ่งในนั้นพูดด่าสาดเสียเทเสียและเดินตรงดิ่งมาทางเสิ่นอีเวย
ด้านเซิ่งเจ๋อเฉิงมองโทรศัพท์ที่จู่ๆก็ถูกตัดสายทิ้ง ความเดือดดาลก่อตัวขึ้น ‘พรืด’เขาลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว หุ้นส่วนอีกฝ่ายมองอย่างสงสัย : “ท่านประธานเซิ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้สนใจหุ้นส่วนธุรกิจ สีหน้าเคร่งขรึม ได้แต่มองหลินอวี้แล้วพูดคำเดียว : “ไป!”
หลินอวี้ดูจากสถานการณ์ก็ทราบได้ว่าเกิดเรื่องด่วนขึ้นแน่ๆ เขามองไปยังหุ้นส่วนธุรกิจ เขาคำนับขอโทษแล้วรีบเร่งออกเดินตามเซิ่งเจ๋อเฉิงไป
ผู้หญิงคนนี้!
เซิ่งเจ๋อเฉิงขับรถเร็วอย่างกับเหาะไม่รู้ว่าเพราะอะไร วันนี้ตลอดการคุยงานใจอยู่ไม่เป็นสุข รู้สึกโดยตลอดว่าที่เสิ่นอีเวยโทรมาเมื่อกี้ต้องมีต้องมีเรื่องต้องคุยกับเขาแน่ จากนั้นหลายนาทีเขาเลยโทรกลับที่บ้านเพื่อจะถามว่าเสิ่นอีเวยกลับบ้านยัง
คนใช้ที่บ้านเป็นคนรับสาย คำตอบคือคุณเสิ่นยังกลับไม่ถึง ตอนนี้มันสี่ทุ่มกว่าแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังกลับไม่ถึงบ้านอีก
ไม่รู้ว่าเทวดาเป็นใจหรือผีดลใจกันแน่ เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ได้แต่พูดกับหุ้นส่วนธุรกิจว่าขอโทษและโทรศัพท์หาเสิ่นอีเวยต่อหน้าทุกคน เขาต้องการที่จะถามเอาเรื่องหล่อนว่าดึกจนป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านไปล่องลอยที่ไหนอยู่ได้
แต่ว่า หล่อนกำลังพูดกับเขาว่าให้ไปช่วยหล่อนอย่างชัดเจน หล่อนเกิดเรื่องอันตรายอยู่
เบนท์ลีย์สีดำทะยานบนถนนเฉิงหนานมุ่งหน้าสู่เขตก่อสร้างในยามค่ำคืน
เสิ่นอีเวยพยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตื่นเต้นของเธอ หล่อนไม่รู้ผู้ชายหลายคนนี้ที่อยู่ด้านหน้า ถ้างั้นก็ถูกคนอื่นจ้างมาทำร้ายเธอเอง คิดแล้วคิดอีก คิดไม่ออกจริงๆว่าตัวเองไปก่อเรื่องกับใครไว้
เสิ่นอีเวยกัดฟันพยายามสื่อสารอย่างใจเย็น : “ฉันไม่สนใจว่าพวกแกคือใคร ก็ไม่สนใจด้วยว่าใครเป็นคนให้เงินพวกแกมาเท่าไหร่ ฉันให้พวแกสามเท่า เรื่องที่เกิดในวันนี้ฉันจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้านั้นในที่สุดก็ยอมพูดออกมา เขายิ้มแบบขอไปที : “อย่าคิดตื้นๆหน่า แกคิดว่าพวกเราแค่รับเงินหรอ? ได้ข่าวว่าแกเป็นผู้หญิงของเซิ่งเจ๋อเฉิง ผู้ว่าจ้างบอกแล้วว่าให้พวกเราเล่นให้สนุก ผู้หญิงของเจ้านาย ฮ่าๆ กูไม่เคยได้สัมผัสเลย”
ใจเสิ่นอีเวยบีบเต้นรัว
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆพูด : “เออใช่ ดูผิวเนียนละเอียดลออนี่สิ เกิดมาขาวเนียยนจริงๆ รสชาติมันต้องหอมหวนแน่ๆ!”
คำพูดที่สกปรกส่อเสียดดังเข้าไปในหูเสิ่นอีเวย นาทีนั้น ใจหล่อนขยาด ขยาดสุดใจ ตอนแรกหล่อนคิดว่าคนพวกนี้แค่ให้เงินก็สามารถจ้างไปก่อเรื่องได้ แต่คาดไม่ถึงว่าคนพวกนี้อยากทำแบบนี้กับหล่อน!
เซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?
ผู้ชายพวกนั้นหมดความอดทนรีบอุ้มเสิ่นอีเวยพาดบ่าแล้วเดินไปยังตึกก่อสร้างตึกนั้น เสิ่นอีเวยพยายามใช้มือและเท้าดิ้นให้หลุด ทว่าฝ่ายตรงข้ามแรงเยอะมากไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
ตอนเดินผ่านรถสีดำคันนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เสิ่นอีเวยรู้สึกว่ามีสายตากำลังจดจ้องเธอ หล่อนหันหัวกลับไปมองด้านใน ตอนนี้เป็นค่ำคืนเดือนมืดแสงสว่างก็มืดมาก มีแค่ไฟนีออนสีขาวที่สะท้อนกระจกรถออกมา
เสิ่นอีเวยเบิกตากว้างเพราะคนที่หล่อนเห็นด้านหลังรถคือหมี่ย่า สีหน้าของเธอเจือปนไปด้วยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองภายในแสงไฟนีออนที่สาดส่องออกมา
หล่อนถึงได้สติ เรื่องเมื่อตอนกลางวันนั่นเป็นเพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงทำงานเร็วไปนิด เสิ่นอีเวยยังคงกังวลกับเธออยู่ หล่อนอยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวจะได้เข้าใจกันชัดเจนขึ้น แต่สิ่งที่หมี่ย่าทำมันคือการเริ่มต้นล้างแค้น
เรื่องที่เกิดขึ้นแค่ไม่กี่ชั่วโมง การล้างแค้นของผู้หญิ่งนี่มันน่ากลัวจริงๆ !
“ตุ๊บ!”
เสิ่นอีเวยถูกโยนลงบนถุงกองซีเมนต์ แม้ว่าถุงกองจะกองได้สูงก็ตาม มันมีความอ่อนนุ่มอยู่ในตัวแต่สิ่งที่เสิ่นอีเวยรับรู้คือร่างกายจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
“พวกแกไม่กลัวถูกจับเข้าคุกหรอ!” เสิ่นอีเวยหาวิธีขู่พวกเขา แต่ว่าพวกนั้นก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่
“ติดคุก? กูเพิ่งออกมาจากคุกไม่นานนี้เอง ชินแล้ว กูจะกลัวติดคุกทำไม? ฮ่าๆๆๆ!”
เสิ่นอีเวยไม่มีกระจิตกระใจจะคิดได้เลยว่าคนอย่างหมี่ย่าจะไปรู้จักกับพวกนักโทษเลวๆนี้ได้ยังไง เพราะว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมือของเขาจับที่ชายเสื้อของหล่อน เสิ่นอีเวยตกใจอย่างมาก คิดว่าจะถีบคนนั้นออกไป แต่วินาทีต่อมา มือของหล่อนก็ถูกผู้ชายอีกสองคนดึงขึงพรืดไว้
เสื้อแจ๊คเก็ตกันลมของเสิ่นอีเวยถูกมือของผู้ชายที่อยู่ด้านข้างสองคนดึงออก สติของหล่อนในตอนนี้หลุด : “ปล่อยฉัน!”
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าหัวเราะอย่างหยาบคาย : “ร้องไป ตอนนี้ที่นี่ เวลานี้ กูก็อยากเห็นว่าจะมีคนมาช่วยมึงได้ไหม ! มึงรอไปเถอะ เดี๋ยวกูเอาเสร็จมึงสองคนค่อยเอาต่อ!”