สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 63
บทที่ 63 ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงช่วยไว้
สองคนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าทันที อารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้ามีแต่รอด้วยความหื่นกระหายอย่างรอไม่ไหว
ฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายสัมผัสกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเสิ่นอีเวย หล่อนรู้สึกว่าสมองกำลังเต้นตุบตุบไม่หยุด มือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้แน่นจนขยับไม่ได้ หล่อนทำได้แต่ทำตาโตจ้องมองกระดุมที่ถูกแกะออกไปทีละเม็ดทีละเม็ด
กระดูกไหปลาร้าที่เรียวยาวปทุมถันที่ขาวผ่องโผล่พ้นออกมาในอากาศ ดวงตาของผู้ชายทั้งสามคนที่แสดงออกมาทำมันทำให้หล่อนสะอิดสะเอียน ลำคอเสิ่นอีเวยที่แห้งผากเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว
“อย่า ฉันขอร้องพวกแก”
การขอร้องท่ามกลางไฟราคะที่กำลังแผดเผาผู้ชายพวกนั้นอยู่ยิ่งทำให้เป็นการกระตุ้นมากกว่าเดิมขึ้นอีก ฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายยื่นมือไปยังบริเวณเอวของเสิ่นอีเวยเพื่อที่จะถอดกระโปรงสั้นของหล่อนออก
เสิ่นอีเวยผิดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่าง ในใจหล่อนเรียกหาแต่ชื่อเซิ่งเจ๋อเฉิง
“อ๊าก!”
ทันใดนั้น ผูชายที่อยู่ตรงหน้ากับเจ็บสุดตัวแล้วหล่นลงไปกอง เสิ่นอีเวยเลยได้สติกลับมา
ตอนที่น้ำตาพรั่งพรูออกมาหล่อนเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ตรงหน้าหล่อน
หล่อนมองเห็นใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงในตอนนั้นอย่างชัดเจน เสิ่นอีเวยไม่มีเสียงใดๆที่จะเปล่งออกมา หล่อนอยากจะวิ่งตรงไปกอดเขาแต่ว่าตกใจจนสิ้นไปหมดแล้ว ร่างกายเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็หายไปหมดสิ้นแล้ว
น้ำตาที่ไร้เสียงไหลพรั่งพรูออกมาแต็มหน้า เสิ่นอีเวยคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่สนใจตัวเอง แต่ว่าเขามาแล้ว เขามาแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ตรงนั้นและมองหล่อนอยู่ไกลๆ ยิ่งเห็นหล่อนร้องไห้เต็มใบหน้า ตอนนั้นเองเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงได้เดือดดาลได้มากขนาดนี้
ด้านหลังมีผู้ชายสวมชุดดำรีบเข้ามาพวกเขาคือบอร์ดี้การ์ดของเซิ่งเจ๋อเฉิง ผู้ชายทั้งสามคนถูกกดทับไว้ที่พื้น พวกเขารู้ดีว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นบุคคลใด เวลานี้ยังกลัวจนขี้หดตดหายคลานอยู่ที่พื้นและพยายามขอร้องไม่หยุด
“ท่านประธานเซิ่ง ขอร้องแหละปล่อยพวกเราไปเถอะ! พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้ว ! ” น้ำเสียงที่เศร้าโศกเสียใจปะปนกันจนสับสน
“พวกเราไม่ได้มีความแค้นกับคุณนายเซิ่ง พวกเราแค่รับค่าจ้างมาเลยทำแบบนี้! ขอร้องแหละท่านปล่อยพวกเราไปสักครั้งเถอะ!”
เสิ่นอีเวยพยายามใช้แรงที่มีทั้งหมดลุกขึ้นนั่งบนถุงปูนซีเมนต์ที่สกปรกนั่น ภายใต้แสงสลัวนั้นหล่อนเห็นสีหน้าที่เยือกเย็นที่สุดของเซิ่งเจ๋อเฉิงทั้งหมด
“พูด ใครให้พวกมึงทำ?”
เสียงเขาไม่ได้ดังมากหรือเบามาก แต่ความเงียบยามค่ำคืนฟังแล้วเหมือนฟ้าผ่าในคืนเดือนมืด ช่างปฏิเสธไม่ได้เลย
สามคนนั่นมองหน้ากัน สายตาหลบหลีกทำอย่างกับว่าจะช่วยคนที่อยู่เบื้องหลัง เสิ่นอีเวยเดิมทีอยากบอกว่าตัวเองรู้แล้วว่าคือใครทำ แต่กำลังจะอ้าปากเสียงตัวเองกลับเป็นใบ้ไปหมดแล้วไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ หล่อนทำได้แค่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนั่งดูอยู่ที่เดิม
แต่ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าสามคนนั่นคือเซิ่งเจ๋อเฉิงเขาไม่ได้มีอดทนขนาดนั้น
แล้วยิ่งเห็นผู้ชายสามคนนั้นต่างหลบหน้า สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงแสดงอาการโมโหคลุ้มคลั่งเขาก้มหัวลงเหมือนกำลังหาสิ่งของอะไรบางอย่างอยู่ ตอนนั้นแหละ เขาเห็นไม้กระบอกที่มุมผนัง
“อ๊าก!”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้นถูกตีที่หัวเลือดไหลนองออกมาจากหน้าผากของเขา เลือดสดที่ไหลรินภายใต้แสงไฟยิ่งทำให้ดูน่าตกใจ เสิ่นอีเวยเบิกตากว้างอย่างตกใจ หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะทำพฤติกรรมแบบนี้ออกมา
“ฉันถามแกครั้งที่สอง ใครสั่งให้พวกแกทำ?”
ผู้ชายคนนั้นรับรู้ได้แล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเอาจริงเลยตัดสินใจพูดออกมากขณะที่ริมฝีปากเขาก็ยังคงสั่นเทา : “คือคุณหมี่ย่า”
เสิ่นอีเวยมองเห็นใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง ตอนแรกคือตกใจสักพักกลายเป็นโกรธ ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าที่บริษัทเขาจะมีคนชอบทำร้ายจิตใจคนอันดับต้นๆอยู่เบื้องหลัง
ตามถนนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินทางมากลับไม่พบรถของหมี่ย่า หรือว่าหมี่ย่าขับรถหนีไปแล้ว? เป็นคนที่โหดร้ายจริงๆ ทำเรื่องล่มไม่เป็นท่าแล้วทิ้งลูกน้องอย่างไม่สนใจใยดี เหมือนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดไว้ไม่ผิด หมี่ย่าคนนี้มีปัญหาจริงๆ
สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชาประดุจดั่งน้ำแข็ง เขาชี้ไปที่ผู้ชายที่แกะกระดุมของเสิ่นอีเวยและถามกลับ : “เมื่อกี้มึงเอามือไหนแตะต้องเธอ?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้นอึ้งไปพักใหญ่พร้อมเงยหน้าขึ้น ดวงตาเขาเต็มไปด้วสายตาของการขอร้องเหมือนขอทาน
เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้กระบองตีไปที่หลังของผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นการซ้อมธรรมดา แต่ว่าปกติเซิ่งเจ๋อเฉิงคุ้นเคยกับการออกกำลังกาย พลังเขาเยอะแรงที่ตีลงไปคงต้องใช้เวลารักษาไม่ต่ำกว่าสิบวันหรือครึ่งเดือนถึงจะหายดี
เขาเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงโมโหขนาดนั้นเลยลืมว่าตัวเองกำลังขอร้องอยู่ตั้งแต่ทีแรกและรีบยื่นมือขวาออกมา : “มือนี้ มือข้างนี้!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้าขึ้นหันไปใช้สายตามองหลินอวี้ หลินอวี้เข้าใจพร้อมกับบอกให้บอร์ดี้การ์ดสองคนที่คุมตัวผู้ชายคนนั้นอยู่กดมันลงไปให้ต่ำลงไปอีก ใบหน้าเกือบติดพื้น หลินอวี้เดินก้าวไปข้างหน้ามือของผู้ชายคนนั้นและเหยียบมือขวาของเขากดลงอย่างแรงบนพื้น
อาจเป็นเพราะการกระทำเมื่อครู่เร็วเกินไป ผู้ชายคนนั้นยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เป็นเพราะเจ็บเลยร้องไม่หยุด
ในมือของเซิ่งเจอเฉิงไม่รู้ว่ามีก้อนอิฐตอนไหน เขามองลงไปที่มือที่อยู่กับดินของผู้ชายคนนั้น : “ข้างนี้ใช่ไหม?”
“ปึก!”
ความหนักของก้อนอิฐนั้นที่กระทบลงบนฝ่ามือด้านขวาของผู้ชายคนนั้นเท่ากับความแรงของพลังคูณสิบสอง จากนั้นก็มีเสียงร้องของผู้ชายคนนั้นและก็มีเลือดสดๆไหลออกมาจากด้านล่างของก้อนอิฐ
เสิ่นอีเวยเบิกตากว้าง หล่อนตกใจกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่กับตา
คืนนี้ไม่เพียงแต่เซิ่งเจ๋อเฉิงรวมถึงหลินอวี้ด้วย พวกเขาดูเหมือนไม่ใช่คนที่หล่อนรู้จัก แม้ว่าหล่อนจะรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่อารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอย แต่คนที่ทำให้เขาโมโหจนถึงขั้นลงมือด้วยตัวเองนั้นเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็น ไม่ต้องพูดหลินอวี้เลย เขาอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงมานาน เสิ่นอีเวยแทบไม่เคยเห็นเขาโมโหจนหน้าแดงแต่ตอนที่เขาเหยียบคนตอนนั้นแสดงออกถึงความเกลียด
เสิ่นอีเวยค่อยๆรู้สึกว่าหากเรื่องยังคงไปต่ออาจจะไม่สามารถควบคุมมันได้อีก หล่อนเลยบังคับตัวเองให้ยืนขึ้นมือซ้ายจับคอเสื้อเชิ้ตของตัวเองไว้แน่น กระดุมเม็ดนั้นมันหลุดไปแล้วหากไม่ระวังก็คงโป๊ออกมาให้เห็น
หล่อนค่อยๆเดินไปยังด้านหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนมองเห็นความโกรธของเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนั้นหล่อนก็กลัว หล่อนไม่เคยเห็นเขาที่เป็นแบบนี้มาก่อน
หล่อนกุมมือเซิ่งจับเฉิงอย่างแผ่วเบา : “เซิ่งเจ๋อเฉิง พอแล้ว”
สายตาเดือดดาลมองกลับมาอย่างเย็นชา : “คุณเป็นพระแม่มารีย์หรอ?ถูกคนทำร้ายยังจะขอพูดให้ช่วยเขาอีก?”
เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าเบาๆ หล่อนพบว่าไหล่ตัวเองกำลังสั่นสะท้าน : “พวกเขาได้รับคำสั่งมาจากคนอื่น–”
หล่อนมองผู้ชายที่อยู่นานอยู่กับพื้นที่เลือดกำลังไหลเปอะเปื้อนมือขวาอยู่ : “หยุดทำบาปเถอะ”
“ผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างเธออย่ามาแกล้งฉลาดหน่อยเลย!”
เสียงดังมาจากผู้หญิงด้านหลัง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามอง เป็นหมี่ย่า
เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจ หล่อนคาดไม่ถึงเลยว่าหมี่ย่าจะไม่ได้หนีไปแถมยังกล้ามาเผชิญหน้ากับพวกเขาอีกในตอนนี้
หมี่ย่าหันไปทางเสิ่นอีเวยแล้วหัวเราะเยอะ สายตาแสดงออกถึงความเกลียด : “แกคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าฉันจะกล้ามาเผชิญหน้ากับแก?”
เสิ่นอีเวยพยายามทำใจให้เย็นลง จดจ้องมองพฤติกรรมที่ผิกปกติของผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้านหน้า : “หมี่ย่า เรื่องที่เธอถูกไล่ออก ส่วนใหญ่แล้วมันเกี่ยวข้องกับเธอแต่ตอนนี้เธอกลับมาล้างแค้นฉัน เธอไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปฟ้องศาลหรอ?”