สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 71
บทที่ 71 เจอเซิ่งเจ๋อเฉิงเข้าอย่างจัง
หลังจากวางโทรศัพท์ หล่อนพบว่าเรื่องที่หนักใจมันกลับมาดีขึ้น ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนความคิดของตัวเองจะใช้เวลาหลายวันอย่างไรก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน คุณหมอลู่บอกมาแล้วว่า ชีวิตของหล่อนอยู่ได้นานที่สุดก็สองปี ถ้างั้นสองปีนี้หล่อนจะต้องทำเพื่อตัวเองอย่าปล่อยใจกับเรื่องวุ่นวายให้เตลิดไปกับสายลม
แต่ว่าคิดเรื่องระยะเวลาที่จัดงานแสดงนิทรรศการแล้วตรงกับวันพุธซึ่งเป็นวันทำงาน ต้องหาเวลายังไงก็ต้องค้านหัวชนฝาไปขอลาหยุดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงหนึ่งวันให้ได้
เสิ่นอีเวยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้แต่เบะปาก คิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะสร้างเรื่องมาหาข้ออ้างให้เซิ่งเจ๋อเฉิงยอมให้ไปโดยดี พูดความจริงก็พูดไม่ได้ๆ ถ้าขืนพูดไปเซิ่งเจ๋อเฉิงฉีกเธอเป็นชิ้นๆแน่
การแสดงงานนิทรรศการใกล้เข้ามาแล้ว
เช้าวันนี้เอง เสิ่นอีเวยไม่ได้ไปที่บริษัท หล่อนวางแผนโทรศัพท์หาเซิ่งเจ๋อเฉิงลางาน พอลางานได้ค่อยตรงดิ่งไปที่งานนิทรรศการเลย
“ฮัลโหล” เสียงก็ยังคงเย็นชาดั่งเดิม
เสิ่นอีเวยไอแหะๆเบาๆ : “ท่านประธานเซิ่ง วันนี้ฉันมีธุระเลยไม่สามารถไปบริษัทได้ ขอลาหนึ่งวันค่ะ” หล่อน้ำเสียงอย่างเป็นทางการ
เสียงปลายสายโทรศัพท์ปฏิเสธอย่างไม่ต้องคาดเดา : “เธอเข้าใจกฎของสถานที่ทำงานไหม? ถ้าลาต้องลาวันงั้นหรอ?”
แม้ว่าเตรียมตัวว่าต้องโดนปฏิเสธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ว่าเสิ่นอีเวยยังเหมือนสะอึกเข้าอย่างจัง
หลังจากคืนนั้นที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน เสิ่นอเวยแทบไม่ได้เจอหน้าเจอเจอตาเซิ่งเจ๋อเฉิงเลย นอกจากการพูดคุยในทำงานระหว่างการประชุมที่บริษัทแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรพูดมากไปกว่านั้น การโทรศัพท์หากันในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการโทรหาพูดคุยกันเป็นครั้งเลยก็ว่าได้
เสิ่นอีเวยกำลังคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะตอบว่าอย่างไร เสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ปลายสายก็พูดขึ้น : “เธอจะลางานมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
สีหน้เสิ่นอีเวยาไม่ได้ถอดสี ใจก็ไม่ได้เต้นแรงเพราะเตรียมคำตอบไว้ตั้งแต่แรกเพื่อเป็นข้ออ้าง: “เพื่อนฉันนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล วันนี้ฉันจะเยี่ยมหล่อนสักหน่อย”
เสียงปลายสายเงียบไปสักพัก : “ฉันไม่อนุมัติ”
เสิ่นอีเวยเกิดอาการร้อนรน : “ทำใม? เดี๋ยวฉันจะไปเขียนใบลาที่ฝ่ายบุคคลทีหลังเอง!”
“ไม่มีเหตุผลว่าเพราะอะไร ฉันอารมณ์ไม่ดีเลยไม่อนุมัติการลาของเธอ ทำไมล่ะ ยังจะถามต่ออีกหรอ?”
น่าเบื่อจริงๆ ! เสิ่นอีเวยด่าอยู่ในใจ
ตอนนี้แปดโมงห้าสิบนาทีแล้วนะ ฉันให้เวลาเธอสิบนาทีรีบมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันให้ทันเวลา ไม่งั้น รับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยตัวเอง
พูดจบประโยคเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ตัดสายทิ้ง
มือซ้ายเสิ่นอีเวยถือโทรศัพท์ มือขวาที่ตับพวงมาลัยรถยนต์อยู่และมองไปยังการจราจรด้านหน้าที่รถยนต์กำลังเครื่องตัวไป ในใจหล่อนกำลังเพิ่มความหงุดหงิดขึ้นมา
เธอโขกหัวลงบนพวงมาลัยรถยนต์เพื่อหาวิธีว่าควรทำอย่างไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงจงใจแน่ๆเพราะช่วงนี้บริษัทก็ไม่ได้มีเรื่องวุ่นวายอะไร คราวก่อนที่เธอได้รับบาดเจ็บยังให้หยุดหนึ่งวัน วันนี้อยู่ดีๆก็สีหน้าเปลี่ยนสีไปซะแล้ว คงไม่ใช่ว่าจะล้างแค้นเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับเขาใช่ไหม!
อยากจะจัดการกับฉันใช่ไหม งั้นดีฉันจะไม่ทำตามใจคุณ! เสิ่นอีเวยคิดอยู่ในใจอย่าบ้าคลั่ง
ด้านซ้ายมือเป็นทิศทางที่มุ่งหน้าไปยังนิทรรศการการออกแบบส่วนด้านขวามือคือทางที่ไปยังบริษัท เสิ่นอีเวยแทบไม่ต้องสงสัยสักนิด รถหันไปทางซ้ายมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางด้านซ้าย
“นักออบแบบชุดแต่งงานระดับนานาชาตินั้นแตกต่างกัน!” เสิ่นอีเวยและฉินโม่ทะลุเข้าไปยังในโชว์รูม
นิสัยแต่เดิมของเสิ่นอีเวยเป็นคนไม่แสดงออกตั้งแต่เด็กเธอไม่เคยจะติดตามดาราคนไหน นอกจากเรื่องการออกแบบชุดแต่งงานแล้วหล่อนไม่เคยจะเอาเรื่องใดๆมาใส่ใจ
ทว่าช่วงที่เดินเข้าโชว์รูมตอนนั้น หล่อนเกิดหลงไหลผลงานการออกแบบของนักออกแบบท่านนี้เข้าให้แล้ว ประหนึ่งว่าสาวน้อยที่หาสิ่งของที่อยู่ในใจของตัวเองจนเจอแล้วหยุดไม่ได้ที่จะส่งเสียงตกใจอยู่แบบนั้นเลยตลอดทาง
ฉินโม่หันกลับไปมองเสิ่นอีเวยที่มีอาการแบบนี้ ในใจเขาเกิดอ่อนไหวขึ้นมามาก เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่เลยยื่นมือออกไปลูบหัวหล่อนเบาๆ
เสิ่นอีเวยที่กำลังรู้สึกถูกใจกับสิ่งที่เห็นและรับรู้ได้ว่ามีความอบอุ่นถ่ายทอดลงมาบนหัว หล่อนได้ตกใจเลยหันกลับไปมองฉินโม่ แม้ว่าในสายตานั่นมารอยยิ้มเจือปนอยู่แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจกลับมีความรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
เหมือนความเป็นห่วงเป็นใยระหว่างพี่ชายกับน้องสาวแบบนั้นแหละ
หล่อนมองฉินโม่แล้วยิ้มตอบแล้วเดินดูไปเรื่อยๆทั้งโชว์รูม ทั้งคู่เดินไปคุยไปและพูดคุยในสิ่งที่เหมือนกันอยู่ในใจ
เสิ่นอีเวยในใจตกใจขึ้นมานิดๆ : “วันนี้ผ่านไป ฉันคงได้แต่ชื่นชมคุณแล้วแหละ คุณบอกว่าคุณไม่ได้เรียนจบสาขาการออกแบบชุดแต่งงานตอนเรียนมหาวิทยาลัย แถมยังไปเรียนกฎหมายที่ต่างประเทศอีก ทำไมถึงได้เข้าใจการออกแบบชุดแต่งงานดีนักหล่ะ? ”
ฉินโม่ยิ้มตอบ : “บางที่อาจเป็นเพราะชอบด้านนี้โดยตรงก็ได้ วันนี้ไม่อยากขายหน้าต่อหน้าคุณ เลยต้องไปทำความเข้าใจด้านนี้มาบ้างแค่ขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้นแหละ”
เสิ่นอีเวยแทบไม่เชื่อเลยที่เขาบอกว่าขายผ้าเอาหน้ารอด เพราะการเรียนออกแบบชุดแต่งงานจะบอกว่ายากก็ยาก จะพูดว่าง่ายก็ง่าย ยิ่งบอกว่าใช้เวลาอันน้อยนิดเพื่อเตรียมตัวตามที่ฉินโม่ทำแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นเรื่องที่บอกมานั้นมันเป็นแค่อธิบายไปงั้น เขาใช้เวลานานเพื่อไปเข้าใจเรื่องด้านนี้ไม่งั้นคงไม่สามารถคุยถูกคอกันกับเสิ่นอีเวยได้ตลอดทาง จากเรื่องตัวอย่างพื้นฐานในประเทศไปจนพูดถึงตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของต่างประเทศได้
ทั้งสองเดินทอดน่องดูงานในโชว์รูมไปเรื่อยๆ ความคิดของเสิ่นอีเวยหลงไหลไปกับงานชิ้นหนึ่ง แต่แค่ตรงหัวมุมนั้น ตัวหล่อนกลับกลายมาเป็นก้อนหินที่ยืนนิ่งอยู่กับที่
เซิ่งเจ๋อเฉิง
ประดุจดั่งความหนาวเย็นที่สุดกลับถูกสายน้ำเย็นจัดสาดเข้ามาตรงๆในหัวใจ เสิ่นอีเวยได้แต่ยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม ฉินโม่รับรู้ถึงความรู้สึกของหล่อนได้แล้วมองไปทางที่หล่อนกำลังดจ้องอยู่ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเกิดอาการตกใจขึ้นมานิดๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเสิ่นอีเวยก่อนแล้วและเห็นผู้ชายที่ใส่เสื้อสูทรองเท้าหนังเงาวับอยู่ข้างๆหล่อน
สีหน้าของเขาเยือกเย็นดั่งหิมะเยือกแข็ง เสิ่นอีเวยกำลังต่อต้านสงครามเย็นที่อยู่ในใจ เขาโผล่มาที่ได้ยังไง? คนหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขามีอยู่คนหนึ่งเป็นคนต่างชาติ ดูจากการแต่งตัวแล้วก็รู้เลยว่าเป็นพวกนักธุรกิจ ก็ใช่บริษัทเซิ่งซื่อเป็นูธุรกิจเฟรนด์ไชส์ชุดแต่งงาน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซิ่งเจ๋อเฉิงจะมาปรากฏตัวในแวดวงงานด้านธุรกิจแบบนี้
แต่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ที่บริษัทแถมตอนเช้ายังสั่งให้หล่อนโผล่หน้าต่อหน้าเขาภายในระยะเวลาสิบนาที! ตอนนั้นเสิ่นอีเวยโกรธจนคันปาก
“เพื่อนเธอนอนพักรักษาตัวที่นี่หรอ?”
เสียงในตอนท้ายเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นหยอกล้อเบาๆดูเหมือนน้ำเสียงธรรมดาที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่ามีแค่เสิ่นอีเวยเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เขาโมโหมาก
เสิ่นอีเวยกำลังครุ่นคิดว่าฉินโม่ก็ยืนอยู่ข้างๆเป็นห่วงว่าเดี๋ยวเซิ่งเจ๋อเฉิงจะก่อเรื่องใหญ่โตที่นี่เลยหันไปบอกเขาอย่างตรงๆ : “ฉันเยี่ยมเพื่อนเสร็จแล้ว ว่างอยู่ไม่มีอะไรทำเลยมาเดินเล่นที่นี่”
ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงทำกับหล่อนในวันนี้ หล่อนได้แต่โมโหจริงๆแต่หล่อนกลัวว่าเขาจะตวาดเอาที่นี่เลยพยายามทำให้น้ำเสียงปกติธรรมดากลัวว่าจะพลาดไปทำให้เขาโกรธขึ้นมา
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ต้องการหาเรื่อง : “ว่างจัดไม่มีอะไรทำหรอ? คุณเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบชุดแต่งงานของบริษัทเซิ่งซื่อแถมยังมาพูดว่าว่างไม่มีอะไรทำ ในวันทำงานเนี่ยนะ?”