สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 ลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
ตั้งแต่คืนนั้นที่เขาทั้งสองคนทะเลาะกันเพราะเซียวหันถิง หลังจากที่เขาตบหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงไป เวลาผ่านไปเป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้กลับมาบ้าน
ที่หลินอวี้มาในช่วงเวลานี้ ก็เพื่อจะช่วยเอาของที่จำเป็นที่เซิ่งเจ๋อเฉิงต้องการใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเอกสารที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเก็บไว้ที่บ้าน บางครั้งเสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าหลินอวี้ต้องลำบากที่คอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ของตระกูลเซิ่งรวมถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องคอยห่วงใย
แต่เสิ่นอีเวยรู้ดีว่า ที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่กลับบ้านเป็นเพราะตัวเอง แต่เป็นแบบนี้ก็ดี เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเจอเซิ่งเจ๋อเฉิง เมื่อไม่เห็นหน้ากันก็สบายใจกว่า เวลาอยู่ที่บริษัทเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ค่อยมาหาเขาเหมือนกับตั้งใจจะไม่สนใจเขาทั้งที่เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบ แต่เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้ใส่ใจ กลับรู้สึกไม่วุ่นวาย
“ ก๊อก ๆ ๆ ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ เชิญเข้ามาได้คะ ”
เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นมามอง คนที่เดินเข้ามาก็คือ ฉินจื่อเฟิงที่เป็นผู้ช่วย เสิ่นอีเวยยิ้มให้กับฉินจื่อเฟิง
“ หัวหน้าเสิ่น นี้คือข้อมูลกับภาพที่ออกแบบคะ ทั้งหมดอยู่ตรงนี่แล้วคะ ” ฉินจื่อเฟิงแสดงออกด้วยท่าทีที่ความเคารพ
เสิ่นอีเวยพยักหน้า อยู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ นั่งลงสิ ฉันมีอะไรจะถามหน่อย ”
ฉินจื่อเฟิงลากเก้าอี้ออกมานั่งอยู่ตรงข้ามกับเสิ่นอีเวย ด้วยดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา จริง ๆ แล้วเสิ่นอีเวยชอบคุยกับเขาอยู่นะ
เสิ่นอีเวยถามฉินจื่อเฟิงว่า “ ตอนงานแสดงการออกแบบเธอบอกกับผู้จัดการเซิ่งตอนไหนว่าเจอฉันที่ลานจอดรถใต้ดิน ”
ฉินจื่อเฟิงคิดว่าเสิ่นอีเวยจะถามเกี่ยวกับเรื่องงานซะอีก เขาอึ้งไปสักพักแล้วจึงตอบกลับไปว่า “ ก็วันที่เอาเอกสารที่คุยกันไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อจะให้ผู้จัดการเซิ่งเซ็นต์ชื่อ เป็นเพราะหนูเองที่พูดมาก ผู้จัดการเซิ่งไม่ได้พูดหรือถามอะไร ก็มีพูดถึงเรื่องที่ผู้จัดการเซิ่งคอยดูแลเอาใจใส่ ก็เลยพูดมากไปหน่อยต่อหน้าผู้จัดการเซิ่ง ก็เลยถือโอกาสพูดเรื่องนี้ไปด้วยเลย ”
พอเขาเห็นหน้าเสิ่นอีเวยเหมือนคิดอะไรอยู่ เขาจึงคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า จึงถามขึ้นมาว่า “หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ ”
เสิ่นอีเวยมองไปที่ฉินจื่อเฟิง ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ ไม่มี ๆ เธอไม่ต้องคิดมาก แต่เธอต้องรับปากฉันเรื่องหนึ่ง ถ้าผู้จัดการเซิ่งถามเธอถึงเรื่องวันนั้น ว่าฉันเป็นอะไร เธอก็ตอบเขาไปว่าฉันเป็นประจำเดือน เข้าใจหรือเปล่า ”
ฉินจื่อเฟิงพยักหน้าแบบเชื่อฟัง ถึงแม้ว่าหัวหน้าท่านนี้จะเก่งและดีกับเขามาก ที่ผ่านมาเขาเป็นคนอ่อนโยน แต่ฉินจื่อเฟิงก็ดูออกว่าจริง ๆ แล้วเสิ่นอีเวยเป็นคนที่มีความคิดและมีนิสัยเป็นของตัวเอง อะไรที่ไม่ควรถามเยอะ ก็ไม่กล้าถาม
รอจนกระทั่งฉินจื่อเฟิงออกไปแล้ว เสิ่นอีเวยก็รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนกับมีอะไรที่ต้องคิดแต่ลืมคิดไป
เสิ่นอีเวยคิดย้อนไปถึงบทสนทนาที่เพิ่งได้คุยกับฉินจื่อเฟิง ประจำเดือน ประจำเดือน !
เขานึกขึ้นมาได้ เดือนนี้ประจำเดือนยังไม่มาเลย ในใจก็รู้สึกตื่นเต้น คงเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปบวกกับอารมณ์ไม่ดีด้วย มันอาจจะมาช้าหน่อย
ในใจก็คิดว่า ขอให้แค่มาช้านะ จนกระทั่งเสียงกาน้ำร้อนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเดือดจนเสียงหยุดลง เขาจึงได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรง
ใช่แล้วล่ะ เขาไม่ใช่ไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด อยู่ ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ออก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว
จริง ๆ นะถ้าคิดอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ตอนที่เสิ่นอีเวยเตรียมจะไปรินน้ำร้อน อยู่ ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน ความรู้สึกคลื่นไส้มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเสิ่นอีเวยรู้ว่าไปห้องน้ำไม่ทันแน่
เขาจึงรีบวิ่งที่ถังขยะที่อยู่ตรงมุมกำแพง แล้วนั่งยอง ๆ จากนั้นก็อาเจียนออกมา แต่นั่งอยู่อย่างนั้นเป็นครึ่งวันก็ไม่มีอะไรออกมา เสิ่นอีเวยรู้สึกมึนหัวมาก
เหมือนกับครั้งนั้นที่ถูกจับตัวไปแล้วรู้สึกคลื่นไส้ เสิ่นอีเวยรู้สึกว้าวุ่นใจ
อันนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังตั้งท้อง
รอจนกระทั่งนั่งลง เสิ่นอีเวยถึงพบว่ามือที่ถือแก้วน้ำอยู่นั้น ยังสั่นไม่หยุด ใช่ ครั้งนี้เขายอมรับว่าตัวเองรู้สึกกลัว กลัวกว่าเมื่อวานตอนที่ตบเฉิงเจ๋อเฉิงซะอีก
หลังเลิกงานระหว่างทางกลับบ้าน รถของเสิ่นอีเวยจอดอยู่หน้าร้านยา
เขานั่งเงียบ ๆ อยู่ในรถเพียงไม่กี่นาที ในที่สุดก็ใช้ความกล้าเดินเข้าไป เขาไม่คิดว่าคนที่ซื้อของสิ่งนี้ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ข้าง ๆ ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มือของผู้ชายคนนี้ประคองที่เอวของผู้หญิง ทั้งสองมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี
ดีจังเลย คนอื่นเขามากันเป็นคู่ แต่เขากลับมาซื้อของแบบนี้ตามลำเพียง เขาก็รู้สึกถอนใจลึก ๆ
พนักงานถามขึ้น “ สวัสดีคะ คุณผู้หญิง คุณต้องการยาอะไรดีคะ ” หลังจากได้ยินเสียงของพนักงาน เสิ่นอีเวยที่เหม่อลอยอยู่ก็รู้สึกตัวขึ้น
“ คือฉัน ฉันต้องการของเหมือนกับที่คุณคนนั้นซื้อไปเมื่อครู่คะ ”
แม้กระทั่งคำว่าที่ตรวจครรภ์ เสิ่นอีเวยก็ยังไม่กล้าพูดออกมา อย่างกับเป็นเรื่องที่น่าอาย อันที่จริง ๆ ตัวเองก็เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เสิ่นอีเวยรู้ว่าการแต่งงานที่ไม่มีความสุข มันทำลายความฝันที่เคยวาดหวังไว้
เมื่อกลับไปถึงบ้าน เสิ่นอีเวยรีบขึ้นไปข้างบนแล้วเข้าไปในห้องน้ำล็อกประตู
เมื่อเขาเห็นเส้นสีแดงสองเส้นอยู่บนที่ตรวจครรภ์อย่างชัดเจน เวลานั้นสมองก็ว่างเปล่า
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะท้อง เพราะทุกครั้งที่มีอะไรกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเขาจะป้องกันตลอด แต่ว่า ครั้งที่แล้วที่มีอะไรกันมันตอนไหนกันนะ
เสิ่นอีเวยนึกขึ้นได้ วันนั้นเองที่เซิ่งเจ๋อเฉิงให้เขาไปคุยงานเคสเซิ่งซื่อหุ้ย ในห้องน้ำที่โรงแรม
เวลานั้นเสิ่นอีเวยรู้สึกงง ๆ เพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนละเอียดรอบคอบ จำได้ว่าแต่ก่อนเขาจะป้องกันทุกครั้ง แต่เมื่อตอนเย็นวันนั้น เสิ่นอีเวยจำได้ว่าเขาไม่ป้องกัน แท้จริงแล้วเขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่ เสิ่นอีเวยคิดไม่ออกจริง ๆ
แต่ว่าแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ทำไมมันท้องง่ายขนาดนี้
เสิ่นอีเวยนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นห้องน้ำแล้วเอามือจับไปที่หน้าท้องของตัวเอง ในท้องกำลังมีชีวิตน้อย ๆ หนึ่งชีวิตกำลังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นลูกของเขากับเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าถ้าเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ว่าเขาตั้งท้องมันจะเป็นอย่างไร จะดีใจหรือว่าโมโห เพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงเกลียดเขา คุณปู่มั่วพูดไว้ว่าถ้าเซิ่งเจ๋อเฉิงมีลูก คุณปู่จะให้หุ้นของบริษัทกับเซิ่งเจ๋อเฉิงมากกว่าเดิม
เสิ่นอีเวยไม่ยอมให้ลูกของตัวเองต้องตกเป็นเครื่องมือต่อรองในการได้หุ้น เขาจะต้องถามเซิ่งเจ๋อเฉิงให้ชัดเจน
ประตูห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงถูกผลักออกไป เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ แม้แต่หน้าก็ไม่เงยขึ้นมามอง
เสิ่นอีเวยเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วถามไปตรง ๆ ว่า “ เซิ่งเจ๋อเฉิง เรามีลูกกันสักคนดีไหม ”
มือที่กำลังเปิดดูเอกสารก็หยุดชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองเสิ่นอีเวยเหมือนเขาเป็นปีศาจ “ เธอพูดเล่นกับฉันใช่ไหม ”
ที่หน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีผ้าปิดแผลแล้ว แผลก็ดีขึ้นแล้ว แต่หน้าเขาก็ไม่ได้ความรู้สึกอะไร
เสิ่นอีเวยจ้องไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง พยายามจะพูดเรื่องที่ตัวเองตั้งท้องแล้วบอกกับเซิ่งเจ๋อเฉิงไปตรง ๆ เพราะเสิ่นอีเวยไม่ต้องการเสี่ยง เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าคู่ของเขาไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไป เขาทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่แต่งเพราะความแค้น แต่งเพื่อที่จะแก้แค้น
ถ้าเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นดีใจ แต่สำหรับคู่เขาจะมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
“ ฉันไม่ได้พูดเล่น พวกเราแต่งงานกันมาสองปีแล้ว ถ้าเรายังไม่มีลูกก็ดูยังไง ๆ อยู่นะ ถ้าคุณมีลูก คุณปู่ถึงจะออกหน้าไปคุยกับพวกถือหุ้นรุ่นเก่า ๆ ให้จำนวนหุ้นที่มากขึ้นกับคุณ พอเป็นแบบนี้แล้วมันก็เป็นประโยชน์กับคุณไม่ใช่หรือ ”
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเสิ่นอีเวยมีความตั้งใจและจริงจัง เขาจำเป็นต้องพยายามเพื่อตัวเองเพราะเขาตั้งท้องแล้วและเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชามาก เขาสังเกตเสิ่นอีเวยอย่างละเอียด จากสายตาของเสิ่นอีเวยมองออกเลยว่าคำพูดที่พูดไปมีความจริงจัง
เดิมทีคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่เห็นด้วย และจะมีท่าทีที่ต่อต้านอย่างมากและก็คงหัวเราะเยาะเขาเท่านั้นเอง
แต่เขาเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินอย่างช้า ๆ มาหาเขา ในระหว่างนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงมองตรงมาที่เขาโดยไม่ละสายตา เซิ่งเจ๋อเฉิงเข้ามาใกล้เสิ่นอีเวย แล้วเสียงที่เหมือนกับปีศาจก็ดังอยู่ข้างหูเขา
“ เธอฟังให้ดีนะ ต่อให้ฉันต้องสละสิทธิ์ที่จะได้หุ้นส่วนมากของตระกูลเซิ่ง ฉันก็ไม่ยอมให้เธอท้องลูกของฉันหรอก ”
เพียงแค่วินาทีนั้น เสิ่นอีเวยก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่ถูกสั่งประหารชีวิต