สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 13
บทที่ 13 แฟนคนแรก
เฉินเป่ยที่มีประสาทสัมผัสยังหลักแหลม ตื่นตัวสุดขีด ในวินาทีนั้น ก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่า หลีชิงเยียนจะลงมืออย่างกะทันหัน! ยังได้ลงมือร้ายกาจเช่นนี้ ไร้ความปราณี!
ถ้าหากให้พวกผู้นำและนายพลของแต่ละประเทศ ในต่างแดนไม่เห็นเข้า ต้องตกตะลึงนิ่งอึ้งอย่างแน่นอน ราชาหลงที่มีชื่อเสียงโหดเหี้ยมโด่งดัง แต่ถึงกับโดนผู้หญิงคนหนึ่งทำให้สภาพน่ากระอักกระอ่วนใจเช่นนี้!
นี่ยังเป็น เฉินเป่ยอยู่หรือ! สภาพของเขาในตอนนี้ ดูแย่สิ้นดี!
เฉินเป่ย ล้มลงกับพื้น ส่วน หลีชิงเยียน จ้องเขม็งเขาอย่างเย็นชา ดวงตาที่งดงาม เต็มไปด้วยไฟโกรธ ความสงบในปกติที่ต่อสู้ในวงการธุรกิจ พังทลายไม่เหลือซาก
“เฉินเป่ย ทำไมนายถึงได้หน้าด้านขนาดนี้? ขี้ขลาดตาขาวก็ช่างเถอะ กลัวความตาย แต่ยังกล้าพูดความชอบธรรมอย่างเต็มปาก!” แววตาที่งดงามของ หลีชิงเยียนจ้องเขม็ง เฉินเป่ย อย่างดุดัน เห็นได้ชัดว่ามีความผิดหวัง กับกระทำของเฉินเป่ยในเมื่อครู่ เธอพึงพอใจมาก แต่เมื่อนึกถึงเรื่อง ตอนที่ เฉินเป่ย ตกอยู่ในอันตราย ทิ้งตัวเองแล้วหนีไปก่อนเป็นลำดับแรก ก็โกรธมากจนแทบจะขาดใจ
“ประธานหลี ค้าของฉันกำลังจะหักแล้ว นี่คุณลงมือโหดร้ายเกินไปแล้ว……” เฉินเป่ยร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช แต่ดวงตาที่สวยงามของ หลีชิงเยียน ฉายรังสีแห่งความเยือกเย็น “นายยังไม่ไสหัวไปอีกเหรอ?”
เฉินเป่ย จะกล้าลังเลได้อย่างไร รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินกะเผลกออกจากห้องนอน
หลังจากที่กลับไปในห้องนั่งเล่น หลีหยางเห็น เฉินเป่ยที่เดินกะเผลกอย่างน่าเวทนา บนตัวอย่างมีฝุ่นเกาะอยู่ไม่น้อย ถามขึ้นอย่างสงสัย “ เจ้าเฉิน นายพึ่งจากไปไม่นานเอง ขาเป็นอะไรไป?”
“ถูกหมากัด” เฉินเป่ยพูดอย่างอารมณ์เสีย
“หมา? บ้านเราไม่ได้เลี้ยงหมานี่”หลีเซียงหานยังตอบสนองไม่ทัน เฉินเป่ยเลยต้องอธิบายว่า เพราะบนพื้นมีน้ำ ตัวเองเลยได้ลื่นล้มโดยไม่ทันระวัง……
ขณะที่เฉินเป่ย อธิบายไปด้วย ก็นึกถึง ท่าทางของหลีชิงเยียน ที่ไม่ปรานีเลย ก็อดไม่ได้ที่จะแอบพูดในใจ ได้เป็นภรรยาของเขา มาตั้งหลายเดือนแล้ว ช่างลงมือโหดร้ายเหลือเกิน……
ผ่านไปเนิ่นนาน หลีชิงเยียนถึงได้ค่อยๆลงจากชั้นบน เมื่อเห็นเฉินเป่ย สายตาจ้องมองอย่างดุร้าย
“พ่อ ฉันเตรียมจะจ้างบอดี้การ์ดหน่อย” หลีชิงเยียน พูดขึ้น
“บอดี้การ์ด? ฉันเห็นว่า เจ้าเฉิน ก็เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดของเธอมาก” หลีหยาง พูดอย่างติดตลก
“ ฝีมือสมัครเล่นสุดแย่แบบเขา เหมาะที่จะปกป้องฉัน? เดาว่าแม้แต่ฉัน ก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะได้” หลีชิงเยียน ชำเลืองมองเฉินเป่ยพูดอย่างเย็นเฉียบ
ในขณะที่ หลีชิงเยียนกำลังพูดอยู่ ร่างที่ลึกลับก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเธอ ซึ่งก็คือบุคคลลึกลับ ตรงทางเข้า อาคารอาคารตระกูลหลี ในเช้าวันนี้ แม้แต่เงาด้านหลังของเขา หลีชิงเยียนก็มองไม่ชัด ในเวลานั้น ภายในใจของหลีชิงเยียน มีเพียงสองคำ……ซุปเปอร์แมน!
หากมีเขาปกป้อง ต่อไปตัวเองจะไม่ได้พบกับความอันตราย อย่างเช่นวันนี้อีกแน่นอน ไม่เหมือนกับสามีที่รักตัวกลัวตายของตัวเอง ทันทีที่ได้เจออันตราย ก็หนีไปใจสุดขอบฟ้า!
เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มแต่ไม่พูด มือสมัครเล่น? ถ้าหากพูดว่า เฉินเป่ยก็เป็นแค่มือสมัครเล่น นั่นในโลกนี้ ก็หาไม่เจอคนที่เป็นมือสมัครเล่นมากกว่า เฉินเป่ยอีกแล้ว…… อยู่ที่ต่างประเทศ ที่รู้จักตัวตนของเขา ใครจะกล้าว่าเขาเป็นมือสมัครเล่น?
ทหารหน่วยซีลของหัวเซี่ย ยังใช้ภารกิจของเขาเป็นตำราเรียน……บอดี้การ์ดส่วนตัวของประเทศหมู่เกาะ ได้ดูวิดีโอที่เขาปฏิบัติภารกิจปกป้องนับครั้งไม่ถ้วน
ผู้ที่มีสิทธิ์ให้ เฉินเป่ยปกป้องด้วยตัวเอง ยังเป็นเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย เชิญเขาให้ไปปกป้องเจ้าชายแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเป็นเวลาสองสัปดาห์ ด้วยค่าตอบแทนในพื้นที่น้ำมันหลายผืน บวกกับน้ำใจของเพื่อนเก่า……
“ฉันจ้างบอดี้การ์ดที่มีชื่อเสียงที่สุดในหัวเซี่ย เก่งกว่านายน่ารังเกียจนี่ ไม่รู้กี่เท่า” หลีชิงเยียนเหลือบมอง เฉินเป่ยอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้น
“ได้ๆๆ ตามใจเธอหมด หลีหยางยิ้มด้วยความเอ็นดู
จนกระทั่งถึงเที่ยงคืน เฉินเป่ย ถึงถูกหลีชิงเยียน ไล่ไปที่โรงรถเพื่อสตาร์ทรถกลับบ้าน
หลังจากที่ได้เห็น เฉินเป่ย ออกไป หลีชิงเยียน ถึงได้ระบายความคับอกคับใจให้ หลีหยางฟัง “พ่อ ให้เขาอย่าอยู่ในบ้านของฉันได้ไหม ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“ไม่ได้ นี่คือที่คุณปู่เธอกำหนด ฉันก็ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลง” ในเรื่องนี้ หลีหยางมี ท่าทีและจุดยืนที่หนักแน่น ไม่หวั่นไหวเลยสักนิด
“พ่อ แค่เขา จะคู่ควรกับฉันหรือ?” หลีชิงเยียน พูดอย่างเย็นชา หลีหยางยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาลึกล้ำ ค่อยๆพูดขึ้น “ชิงเยียน เธอก็รู้จักปู่ของเธอ ทุกอย่างที่เขาทำ ต้องมีความหมายลึกๆของเขา นี่คือเรื่องสำคัญชั่วชีวิตของเธอ คุณปู่ของเธอ ไม่มีทางถือเป็นเรื่องตลกได้”
“ไม่มีแต่ว่าอะไรทั้งนั้น ไม่เช้าแล้ว ควรกลับแล้ว”
หลีหยาง มองไปที่ หลีชิงเยียนด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและสงบ หลีชิงเยียนเห็นว่าหหลีหยางพูดไม่เข้า จึงได้แค่ทำหน้ามุ่ย เหยียบรองเท้าส้นสูงไว้ ก้าวออกจากคฤหาสน์ด้วยความโกรธ
รถMaybachจอดอยู่ข้างทาง หลีชิงเยียน ดึงประตูรถออก มุดเข้าไป
“ กลับบ้าน” หลีชิงเยียน นั่งอยู่เบาะหลัง ขายาวสวยไร้ที่ติไขว้หาเข้ากัน มองไปที่ เฉินเป่ย ออกคำสั่งอย่างเย็นชา ราวกับว่าเฉินเป่ยเป็นคนขับรถส่วนตัวของเธอ
รถMaybach ที่สีดำสนิท เคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบๆ กลายเป็นเงาภูตดำสนิท ขับออกไปที่ไกล……
คืนที่มืดมิด …
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เฉินเป่ย ทำอาหารเช้าเสร็จ เตรียมที่จะปลุกหลีชิงเยียนอย่างตรงเวลา
หลีชิงเยียนขยี้ดวงตาที่สวยงามงัวเงีย หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินลงไปชั้นล่างอย่างสง่างาม
หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย หลีชิงเยียนก็ขับรถ รถMaybach ไปที่บริษัท ตามปกติ วันนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะต้อนรับลูกค้ารายใหญ่ที่มาจากต่างประเทศ หาก บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสามารถร่วมมือกับลูกค้ารายนี้ได้ ก็จะสามารถได้กำไรจากตลาดต่างประเทศจำนวนมหาศาล เกินจินตนาการ!
หลังจากดู รถMaybach ของ หลีชิงเยียนหายไปจากสายตา เฉินเป่ย ก็โทรไป ถามด้วยเสียงต่ำ “เป็นยังไงบ้าง?”
“พี่ใหญ่เชว่เริ่นช่วงนี้ดูหยิ่งไปกำเริบเสิบสานไปหน่อย ฉันเตือนพวกเขา พวกเขาไม่ฟัง ถึงกับได้พูดประกาศว่า ราชาหลงรามือแล้ว ยุคของราชาหลงได้ผ่านไปแล้ว” ชายหนุ่มทางปลายสาย น้ำเสียงเยือกเย็นทุ้มลึก เห็นได้ชัดว่า โกรธเพราะเชว่เริ่นไม่น้อย
“งั้นก็ให้พวกเขาหายสาบสูญไป” เฉินเป่ย ค่อยๆพูดขึ้น ดวงตาที่สงบนิ่ง วาบผ่านแสงเย็นเฉียบ!
“ครับ พี่ใหญ่ ฉันจะแจ้งให้พวกพี่น้องในฐานตอนนี้เลย ให้พวกเขาออกเดินทาง……”
“นี่เป็นคำเตือนครั้งหนึ่ง แค่ยังมีใครที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ก็สามารถมาลองดูได้เลย!” เฉินเป่ย น้ำเสียงเยือกเย็น เต็มไปด้วยไอสังหาร ทุกคำพูดหนักแน่นทรงพลัง!
“นอกจากนี้ ไปหาบอดี้การ์ดให้กับภรรยาของฉันคนหนึ่ง จะต้องสะอาด อย่าพูดถึงตัวตนของฉัน” เฉินเป่ยพูดกำชับ
“พี่ใหญ่ มีพี่อยู่ข้างกายพี่สะใภ้ ยังจะต้องการบอดี้การ์ดทำไม บอดี้การ์ดทั้งโลกอยู่ต่อหน้าพี่ ก็ต้องละอายที่เทียบเท่าไม่ได้ บอดี้การ์ดคนนั้นเป็นของตกแต่งเหรอ?” ชายหนุ่มนิ่งชะงัก แล้วก็หัวเราะเสียงดัง
“คำพูดของฉัน ตอนนี้นายกล้าที่จะมีคำถามแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าช่วงนี้นายคันเนื้อคันตัวแล้ว หรือไม่นายมาบ้านฉัน เราไปหาที่โล่งเพื่อประลองกันหน่อย?” เฉินเป่ยท้าทายเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ ฉันจะไปหาให้พี่ตอนนี้เลย วันนี้ฉันก็สามารถให้ประวัติส่วนตัวของบอดี้การ์ด ปรากฏที่โต๊ะของพี่สะใภ้” ทางปลายสาย ชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน ได้ยินคำท้าทายของเฉินเป่ย ตัวสั่นสะดุ้ง ทุกวันนี้เหตุการณ์ในอดีตยังคงเด่นชัดในความทรงจำเขา ครั้งหนึ่งตัวเองเคยถูกเฉินเป่ยทารุณไร้เรี่ยวแรงในการสู้กับ
หลังจากที่ เฉินเป่ยวางสายไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง เฉินเป่ยก้มมอง ครั้งนี้คือ หลีชิงเยียน ที่โทรมา
เฉินเป่ย รับโทรศัพท์ ทางปลายสายส่งเสียงที่ไพเราะและเย็นชาของ หลีชิงเยียนดังมา “ไปซื้อกับข้าวดีๆหน่อย กลางคืนฉันจะจัดเลี้ยงที่บ้าน”
“งานเลี้ยง จัดงานเลี้ยงให้ใคร?” เฉินเป่ยไม่เข้าใจ หลีชิงเยียนไม่เคยรับเชิญใครที่บ้านเลย วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
“เลี้ยงรับรองเพื่อนเก่าที่กลับมาจากต่างประเทศ ตอนนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติของ บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป” หลีชิงเยียนอธิบายด้วยเสียงที่ไพเราะ เธอก็เพิ่งรู้ตอนอยู่ระหว่างทาง ตัวตนของแขกผู้มีเกียรติ บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป กลับเป็นเพื่อนเรียนสมัยมัธยมของตัวเอง
“งั้นไปที่โรงแรมก็ได้แล้วไง ทำไมจะต้องจัดเลี้ยงที่บ้าน” เฉินเป่ย ยังคงซักถามต่อเนื่องอย่างไร้ยางอาย
“เขายังเป็นแฟนคนแรกของฉัน พอใจหรือยัง?” หลีชิงเยียน ยิ้มเย้ยหยัน แล้วพูดออกมา