สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 131
บทที่ 131 ปีนขึ้นไป!
หลีเช่าเทียนไม่มีทางเชื่อ ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่เชื่อไม่ได้! เพราะว่าเขารู้ เฉินเป่ยต้องไม่ทำแบบนั้นแน่นอน!
หลีเช่าเทียนกัดฟันกรอด เขาอยากจะขัดขืน ทว่าเขาไม่มีความกล้าแบบนี้!
เขาเกือบถูกเฉินเป่ยทำให้ตกใจจนสติแตก!
เครื่องยนต์ของเครื่องบินลำส่วนตัวแล่นขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้บนขึ้นมาบนขอบฟ้าที่แสนไกล……
เฉินเป่ยยืนอยู่บนตรงที่ราบที่เป็นพื้นที่ลงจอดของเครื่องบิน จากนั้นก็มองเครื่องบินลำส่วนตัวที่กำลังหายลับจากท้องฟ้า นัยน์ตาดูลุ่มลึกและลุ่มลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด
เขาไม่ได้ล้อเล่น คำพูดเมื่อกี้นี้คือคำสาบาน! คนที่ข่มเหงเขา เขาทนได้ ทว่าคนที่ข่มเหงหลีชิงเยียนที่เป็นผู้หญิงของเขา เขาไม่สามารถปล่อยให้หลีชิงเยียนถูกข่มเหงแม้แต่นิดเดียว!
รอบทิศของสนามบิน มีแขกเห็นฉากฉากนั้นจากที่ไกลๆ สีหน้าดูตกตะลึง ใครก็นึกไม่ถึง ในสนามบินจะเกิดเรื่องที่อาบเลือดแบบนี้
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้น เรือนร่างเหมือนดั่งหุ่นแกะสลัก และกำลังเข้าไปฝังในสมองของพวกเขา ทำให้พวกเขายากที่จะลืมเลือน
นี่คือเหนือมนุษย์! แขกพวกนี้ที่กำลังจะขึ้นเครื่องในตอนแรกต่างก็ลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไป จากนั้นก็มองเฉินเป่ยอย่างเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น ภายในใจเหมือนกำลังขึ้นๆ ลงๆ สีหน้าดูซับซ้อน!
ผู้เหนือมนุษย์นี้…..นี่ไม่ใช่เอฟเฟกต์พิเศษในหนังดังฮอลลีวูด แต่มันคือความจริง!
สามารถทำให้นึกถึง ถ้าเมื่อกี้นี้มีคนถ่ายคลิปไว้ มันต้องกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งที่ดังที่สุดของเมืองหู้ไห่แน่นอน และทำให้เมืองหู้ไห่เกิดแผ่นดินไหวขั้นร้ายแรง!
ทว่าเมื่อกี้ไม่มีใครถ่ายคลิปไว้ เพราะว่าพวกเขาต่างก็ถูกทำให้ตกตะลึง และไม่มีใครนึกได้ว่าต้องถ่ายคลิปเก็บไว้
ในเครื่องบินลำส่วนตัว หลีเช่าเทียนนั่งอยู่ตรงที่นั่งที่ทำจากหนังแท้ แล้วหายใจหอบ ความเจ็บปวดตรงแขนซ้ายของเขายังทำให้เขารู้สึกสั่นเทาไปทั้งตัว ยิ่งทำให้เขารู้สึกเกลียดเฉินเป่ย!
ตอนนี้เขาอยากจะจับเฉินเป่ยโดยทันที จากนั้นก็ใช้มีดพันเล่มสับเขาให้ละเอียด จึงจะสามารถทำให้ระบายความเกลียดที่อยู่ภายในใจ
และข้างๆ ก็มีลูกน้องของตระกูลหลีคนหนึ่งกำลังเอากล่องปฐมพยาบาลมาอย่างกระวนกระวาย เพื่อที่จะทำแผลให้กับหลีเช่าเทียนโดยเร็ว
หลังจากที่ทำการทำแผลเสร็จ ลูกน้องของตระกูลหลีจึงจับมือถือดาวเทียมลง แล้วยื่นให้กับหลีเช่าเทียน จากนั้นก็พูดด้วยความเคารพ “คุณชายรอง คุณชายใหญ่จะคุยกับคุณครับ”
หลีเช่าเทียนกัดฟันแล้วพยายามกลั้นความเจ็บ จากนั้นก็รับสาย ในสายจึงมีเสียงของหลีเช่าหงส่งมาอย่างร้อนใจ “ขึ้นเครื่องหรือยัง”
“ขึ้นเครื่องแล้ว” หลีเช่าเทียนกัดฟันเปล่งคำพูดออกมา
ทางฝั่งหลีเช่าหงที่อยู่ในสายจึงพยักหน้า “ขึ้นเครื่องแล้วก็ดี ฉันให้ส่งยอดฝีมือของตระกูลหลีมากมายไป แล้วยังมีผู้อาวุโสของตระกูลหลีคนหนึ่งไปจัดการกับเฉินเป่ยนั่น…..ความสามารถของท่านผู้อาวุโสคนนั้นแกร่งมาก จะทำลายเขาก็คงไม่มีปัญหา”
หลีเช่าเทียนแสยะยิ้ม “ท่านผู้อาวุโส? ตายไปแล้ว! ”
“ตายไปแล้ว? ” ทางฝั่งหลีเช่าหงจึงส่งเสียงที่คิดไม่ถึงดังขึ้น ทำให้รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย “แกแน่ใจหรอ? ”
หลีเช่าเทียนทำสีหน้าที่ขาวซีด สีหน้าของเขาดูไม่มีเลือดเลย สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างโมโห “กูยังโดนมันหักแขนหนึ่งข้าง แล้วมึงว่า! กูต้องรอดชีวิตออกมาเหมือนหมด พี่ส่งท่านผู้อาวุโสขี้หมาอะไรมาแล้วยังถูกมันฆ่าอย่างง่ายดายอีก! ”
หลีเช่าเทียนรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นเขาที่ถูกเลี้ยงอย่างราชา ตอนนี้กลับรู้สึกเครียดจนจะเป็นบ้า
เสียงในสายจึงนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็มีเสียงอันเย็นชาและยืนหยัดของหลีเช่าหงดังขึ้น “นึกไม่ถึงว่าทำลายยากขนาดนี้ ไม่น่าล่ะแกถึงพลาดได้……ฉันจะรีบไปหู้ไห่ แล้วแก้แค้นให้กับแขนที่ขาดไปหนึ่งข้างของแก! ”
จากนั้นก็วางสายไป ดวงตาทั้งสองข้างของหลีเช่าเทียนมองไปยังก้อนเมฆนอกหน้าต่าง จากนั้นก็เปล่งความเลือดเย็นออกมา เหมือนดั่งคมดาบเป็นเล่มๆ
มือขวาของเขากำหมัดแน่นๆ แค้นของแขนข้างนี้ เขาจะไม่มีวันลืมตลอดไป!
…….
ทันใดนั้น ในองค์กรแห่งหนึ่งของเยี่ยนจิง ออฟฟิศที่กว้างขวางแห่งหนึ่งที่ตกแต่งอย่างหรูหรา แค่ภาพวาดตัวหนังสือที่แขวนไว้หนึ่งรูป ก็นับเป็นภาพราคาสูงเท่าฟ้าของอาจารย์โด่งดังแล้ว
ผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายหลีเช่าเทียนวางสายลง แล้วกระตุกมุมปากขึ้น สีหน้าดูลับลึกมาก
เวลานี้ ประตูออฟฟิศถูกผลักออก จากนั้นก็มีเลขาหน้าตาสวยงามที่มีรูปร่างอันอรชรอ้อนแอ้น อก เอว สะโพก มันช่างได้สัดส่วนจริงๆ ผมยาวสลวยทาบลงแผ่นหลังกำลังเดินเข้ามาในออฟฟิศ
“รองหัวหน้าการกระทรวง เครื่องบินและโรงแรมของเมืองหู้ไห่ได้จัดการเสร็จทั้งหมดแล้วค่ะ” เลขาหญิงพูดขึ้น
“ออกเดินทาง พากลุ่มคำชั้นสูงมาด้วยหนึ่งกลุ่ม” ผู้ชายลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูลุ่มลึก ทั้งตัวเหมือนกำลังถูกบางอย่างห่อหุ้มอย่างไร้รูปธรรม ทำให้คนอื่นยากที่จะมองเขาออก
คนคนนี้ ก็คือพี่ชายของหลีเช่าเทียน หลีเช่าหง!
หลีเช่าหงและหลีเช่าเทียนถูกคนนอกเรียกว่าเป็นลูกชายของและมังกรและเสือที่น่าเกรงขามของตระกูลหลี ทว่าภายในตระกูลหลี มีแค่คนของตระกูลหลีรู้ดี ในตระกูลหลี ฐานะของหลีเช่าหงนั้นสูงกว่าหลีเช่าเทียน
เพราะว่าหลีเช่าหงมีฐานะในวงการทางราชการ จึงแกร่งกว่าหลีเช่าเทียน!
นี่เป็นรองหัวหน้าการกระทรวงในองค์กรทางราชการที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ของเยี่ยนจิง และถูกบุคคลใหญ่โตให้ความสำคัญและคอยสนับสนุน
หลีเช่าหงจะหนักแน่นและโหดเหี้ยมกว่าหลีเช่าเทียน เป็นคนที่ลึกลับยากที่จะคาดเดา……ในแวดวงราชการ ก็ถูกคนนับไม่ถ้วนหวาดกลัวและต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
หลีเช่าหงเผยสีหน้าที่ดูมีศักยภาพ และดูเหมือนจะเป็นใหญ่เป็นโตกว่าหลีเช่าเทียน อีกทั้งยังได้รับการให้ความสำคัญของตระกูล
และรวมไปถึงหลีเช่าเทียนก็ได้ทำพลาดตอนอยู่ในเมืองหู้ไห่ในครั้งนี้ หลีเช่าเทียนจึงล่มจมในการได้รับแรงสนับสนุนของตระกูล ตอนนี้หลีเช่าหงก็กดอยู่บนหัวของหลีเช่าเทียน ทำให้ตนมีตำแหน่งที่มั่นคงกว่าเดิม
“ค่ะ” เลขาหญิงที่ดูหน้าตาสวยงามพยักหน้า หลีเช่าหงครุ่นคิดไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ให้คนในองค์กรที่เป็นคนเก่าคนแก่พวกนั้นสืบหาประวัติของลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีหน่อย”
เลขาสาวจึงนิ่งงันไป สีหน้าดูแปลกของเธอทำให้เธอดูคาดคิดไม่ถึง หลีเช่าหงกลับให้คนใหญ่คนโตขององค์กรสืบหาเฉินเป่ย
งั้นก็แค่บุคคลธรรมดาเท่านั้น ตอนแรกก็สืบมาแล้ว เขาก็คือสวะที่แต่งเข้าตระกูล กลับทำให้หลีเช่าหงให้ความสำคัญขนาดนี้เลยหรอ!
“ดูดีๆ ครั้งนี้ที่ออกไปทำงานต่างพื้นที่ คุณต้องติดตามผมไปหู้ไห่ โรงแรม……ก็ห้องที่เป็นเตียงคู่ก็พอ” หลีเช่าหงตบไหล่ของเลขาสาว จากนั้นก็ทิ้งท้ายคำพูดที่ลุ่มลึก จากนั้นก็หายตัวจากระเบียงทันที
เลขาสาวคนนั้นทำสีหน้าที่ยากที่จะคาดเดา จากนั้นก็เปลี่ยนอาการที่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที……เธออุตส่าห์แต่งตัวสวยเหมือนดอกไม้ในนิทรรศการไปทุกวัน แล้วยังเขาฟิตเนสเพื่อทำให้ได้หุ้นที่เซ็กซี่ไม่เหมือนใคร ก็เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจของหลีเช่าหง
ความพยายามของเธอไม่ได้เปล่าประโยชน์จริงๆ สุดท้ายก็สามารถดึงดูดหลีเช่าหง!
เมื่อเปรียบเทียบกับความเจ้าเล่ห์ของหลีเช่าเทียน หลีเช่าหงดูไม่ได้กะล่อนขนาดนั้น สายตาของเขาดูเป็นคนที่เลือกเยอะ ทว่าผู้หญิงที่สามารถเข้าใกล้หลีเช่าหงก็ได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อย
ทว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายของเลขาสาวสวย เป้าหมายของเธอคือได้เข้าไปในตระกูลหลี ต่อให้ต้องสูญเสียทุกอย่างก็ตาม
ตอนนี้ ก้าวแรกของเธอสำเร็จสักที!
ช่วงนั้นที่ไปเมืองหู้ไห่ เป็นโอกาสที่ฟ้าประทาน เธอต้องคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้
…….
“แม่เจ้า ไอ้สารเลวนี้ด่าฉันอีกแล้ว”
ในบาร์แห่งหนึ่งของเมืองหู้ไห่ ในออฟฟิศแห่งหนึ่ง เฉินเป่ยจามไปหลายที แล้วกำลังขยี้จมูกอยู่
ข้างๆ จึงมีเสียงดีดลิ้นของชิงเหนียน “ลูกพี่ ลูกพี่ก็เก่งกว่าไปหรือเปล่า ไม่กลัวเลยสักนิดว่าตัวเองจะถูกเปิดโปงเลยเชียว นี่ยังตามฆ่าถึงสนามบิน……”
ชิงเหนียนได้ยินเฉินเป่ยไล่ฆ่าคนถึงสนามบินก็รู้สึกตกตะลึง เขารู้ดีว่าถ้าฐานะของเฉินเป่ยถูกเปิดโปงให้หัวเซี่ย ก็คงจะทำให้เจอกับภัยพิบัติใหญ่หลงขนาดไหน!
เฉินเป่ยทำสีหน้าที่นิ่งสงบ “ฉันหักแขนของเขาไปหนึ่งข้าง ยังไงก็ต้องไล่ฆ่าเขาถึงเยี่ยนจิงอยู่แล้ว”
“ลูกพี่ยังอยากจะไปอีกหรอ? “” ชิงเหนียนพูดด้วยความตกใจ
“ทำไมไม่ไปล่ะ? ” เฉินเป่ยจึงทำสีหน้าที่สงสัย จากนั้นถามกลับ
“ห้ามไปไหนทั้งนั้น…..” เหงื่อผุดออกมาใบหน้าของชิงเหนียน ภายในใจของเขากำลังแอบพึมพำขึ้น ให้ตายเถอะ ฐานะของเขายังสามารถปิดบังในเมืองหู้ไห่ ทว่าพออยู่เยี่ยนจิง ดินแดนหัวเซี่ยมีเป็นดินแดนที่ท้องฟ้าปริแตกแผ่นดิน ได้ซ่อนเสือและมังกรนับไม่ถ้วนไว้มากมาย……คงจะไม่สามารถปิดบังไว้ได้นาน!
ยิ่งไปกว่านั้น ชิงเหนียนรู้ดีว่าเฉินเป่ยเคยมีอนาคตบางอย่าง และเฉินเป่ยและเยี่ยนจิงมีเหตุมีผลบางครั้งที่ลึกซึ้งเกินไป จึงไม่เหมาะแก่การไปเยี่ยนจิงตามลำพัง!
“ใครที่กล้าประสงค์ร้ายของภรรยาของฉัน ต่อให้ต้องขึ้นฟ้าหรือลงสู้ดิน ฉันก็จะไปฆ่ามัน! ” เฉินเป่ยลุกขึ้นแล้วพูดขึ้น
“โอ๊ย เสียดายพี่สะใภ้ที่ไม่รู้จริงๆ ที่ไม่รู้ว่าพี่ทุ่มเทเพื่อเธอมากขนาดนี้” ชิงเหนียนคลายยิ้ม ถ้าหลีชิงเยียนรู้ว่าบุคคลที่มีฐานะลึกลับคนนั้น ใบหน้าและใบหูและสีหน้าคงจะดูน่าตื่นเต้นมาก
……
ในคฤหาสน์ มือถือของหลีชิงเยียนดังขึ้น หลีชิงเยียนรับสาย แล้วก็มีเสียงของซูเหลยส่งมา “ท่านประธานหลี ฉันตามหาเฉินเป่ยเจอแล้วค่ะ”
“เขาอยู่ไหน? ” หลีชิงเยียนถามอย่างเร่งรีบ แม้แต่เธอเองยังไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเธอ ดูใจร้อนมาก
“เขา……” ซูเหลยหยุดชะงักไป เหมือนไม่กล้าพูด
“เขาอยู่ในบาร์ทั้งคืน ไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ” ซูเหลยพูดขึ้น ทำให้หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เกร็งไปทันที
“เธอแน่ใจหรอ? ” หลีชิงเยียนถามด้วยความเย็นชา น้ำเสียงเลือดเย็นขึ้นมาทันที เหมือนเคล้าด้วยความตำหนิที่แสนอาฆาต
“ฉันหาเพื่อนตำรวจมาช่วยตรวจดูกล้องวงจรปิดเลยหาเขาเจอรับ” ซูเหลยพูดขึ้น
“ฉันรู้แล้ว” หลีชิงเยียนตอบกลับอย่างเย็นชา จากนั้นก็วางสายลง แล้วใบหน้าที่สวยงามนี้ดูประณีตมาก สีหน้ากลับดูแย่มาก!
“เป็นยังไงไป? ” ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น “ได้ข่าวอะไรหรือยัง? ”
หลีชิงเยียนพยักหน้า “ตามหาเขาเจอแล้ว”
“งั้นเขาไปอยู่ไหนมา? ” ซูเสี่ยวหยุนเปล่งประกายนัยน์ตาคู่สวยขึ้น
“อยู่ในร้านบาร์ทั้งคืน จนตอนนี้ยังไม่ออกมา” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เลือดเย็น ทั้งตัวเคล้าด้วยความเลือดเย็นที่อาฆาต
ถ้าเฉินเป่ยอยู่ที่นี่ ก็คงจะสั่นเทาไปทั้งตัว เขาไม่เคยเห็นความอาฆาตและอันน่ากลัวของเทพธิดาท่านประธานเลย!
“ตายได้ตาย พวกเราสองคนเป็นห่วงเขามาทั้งคืน เขากลับไปหาความสุขที่บาร์งั้นหรอ?! ” ซูเสี่ยวหยุนทำนัยน์ตาเปล่งประกายความเลือดเย็น แล้วสีหน้าดูโมโหมาก!
“ไม่ต้องให้สีหน้าที่ดีกับเขา เห็นพวกเราเป็นอะไร? ” ซูเสี่ยวหยุนที่ปกติก็เสน่ห์อยู่แล้ว ตอนนี้ก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความโมโห!
ต่อให้เป็นเฉินเป่ยก็ไม่เคยเห็นมาก่อน สาวสวยสองคนนี้เคล้าด้วยท่าทางที่โมโหสุดขีด…..นัยน์ตาดูน่ากลัวกว่านัยน์ตาที่ฆ่าคนอีก!
……
รอให้เฉินเป่ยออกจากบาร์ หลังจากที่ไปถึงตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป และเพิ่งจะเดินเข้าประตูไป กลับถูกรปภ.ขวางทางไว้
“คุณเฉิน ท่านประธานสั่งมาแล้ว คุณห้ามเข้าไป” รปภ.ทั้งสองคนจึงยิ้มอย่างร่าเริง
“ฉันเข้าไปไม่ได้? ” เฉินเป่ยนิ่งงันไป จากนั้นก็ทำสีหน้าที่ไร้ซึ่งคำบรรยาย…..ให้ตายเถอะ……หลีชิงเยียนเป็นอะไรไป ตั้งใจจะหาเรื่องเขาหรอ!
เขากำลังแก้แค้นแทนหลีชิงเยียนอยู่ และไล่ฆ่าหลีเช่าเทียนไปทั่วเมืองหู้ไห่ สุดท้ายกลับมากลับถูกหลีชิงเยียนลอบทำลายแบบนี้!
“งั้นฉันจะเข้าไปคุยกับท่านประธานหลีของพวกนายได้ยังไง? ” เฉินเป่ยถามขึ้นอย่างคิ้วขมวด สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“คุณสามารถปีนขึ้นไป” ข้างๆ จึงมีบอร์ดี้การ์ดกำลังหัวเราะอยู่หนึ่งคน จากนั้นชี้ไปยังตึกสูงๆ ที่เป็นตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปและทำท่าทางที่แปลกพิลึก
เฉินเป่ยกวาดสายตามองไป ก็เห็นพนักงานที่เดินผ่านหนึ่งคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเสียง
ตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสร้างด้วยกระจกทั้งหมด จะให้ปีนยังไง? ต่อให้เป็นสไปเดอร์แมนยังปีนขึ้นไปยาก!
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมพูด นี่เป็นคำพูดที่ท่านประธานฝากผมบอกคุณ เธอบอกว่าถ้าคุณปีนขึ้นไปไม่ได้ ก็อย่าคิดเจอเธอ” รปภ. พูดเสริมขึ้น
“แม่ง!” เฉินเป่ยทนไม่ไหว จึงพูดคำหยาบขึ้น
หลีชิงเยียนกำลังคิดจะทำให้เขาลำบากใจ!
“ปีนก็ปีนสิ ใครกลัวใคร! ” เฉินเป่ยพึมพำขึ้นด้วยเสียงเย็นชา แล้วเอ่ยพูด
รปภ. ทั้งสองได้ยินจึงรู้สึกขบขัน พวกเขามองหน้ากัน นัยน์ตาเปล่งประกายความดูถูกออกมา
“งั้นคุณก็ปีนสิ” รปภ. หนึ่งคนจึงพูดขึ้นด้วยท่าทางที่กำลังอดกลั้นความอยากหัวเราะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ตึกสูงแม้แต่จิ้งจกยังปีนไม่ได้ พวกเขาไม่เชื่อว่าคำพูดที่เฉินเป่ยโม้อยู่แล้ว
โม้อะไรไม่โม้ มาโม้เรื่องนี้ นี่ไม่ใช่ว่าตัวเองกำลังยื่นหน้ามาให้คนตบหรือไง?