สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 135
บทที่ 135 ให้เทพธิดายกน้ำล้างเท้า
คนนับไม่ถ้วนต่างก็หายใจอย่างหอบหืด แล้วมองไปยังเฉินเป่ย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง และเคล้าด้วยความไม่น่าเชื่อ!
และพนักงานชายที่หัวเราะเยาะก่อนหน้านี้ต่างก็เหมือนใบ้ที่พูดอะไรไม่ออก สีหน้าดูแย่ ใบหน้ารู้สึกร้อนระอุขึ้นมา และอยากจะหารูมุดเข้าไปจนใจจะขาด
ใครจะไปนึกถึงว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันแบบนั้น!
แค่เพียงสายๆ เดียว ก็ทำให้ผู้บัญชาการโค้งลำตัวแปดสิบองศา กลับน้อมคำนับขอโทษเฉินเป่ยแบบนี้
ต้องรู้ว่า ในสายตาของคนมากมาย เฉินเป่ยก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลี เป็นสวะที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง!
แต่ตอนนี้ ผู้บัญชาการกลับขอโทษเฉินเป่ย!! ไม่มีใครสามารถยอมรับได้หรอก คนใหญ่คนโตของหัวเซี่ยคนหนึ่ง กลับต้องวางศักดิ์ศรีของตัวเองลง จากนั้นกลับมาขอโทษผู้ชายคนมีครอบครัวและไม่มีอยู่ในสายตาของคนนับไม่ถ้วนแบบนี้
ใครจะไปนึกถึง นี่มันตรงกันข้ามเกินไปหรือเปล่า ข้อสรุปของเรื่องมันเกินความคาดหมายของคนนับไม่ถ้วนจริงๆ!
แทบจะทุกคนที่นึกว่าเฉินเป่ยกำลังรนหาที่ตาย ต่อให้เป็นหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน ก็ยังไม่ยกเว้น
แต่ตอนนี้ เฉินเป่ยกลับตอบกลับผู้บัญชาการอย่างแข็งแกร่ง เขาไม่รับคำขอโทษของผู้บัญชาการ!
หลีชิงเยียนหายใจอย่างหอบหืดขึ้นมา หน้าอกทรงสวยของเธอกำลังเต้นขึ้นอย่างแรง นัยน์ตาคู่สวยนั้นมองเฉินเป่ยอย่างไม่เข้าใจ ภายในใจยากที่จะสงบสุข
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเธอยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมเฉินเป่ยไม่ยอมรับคำขอโทษ แล้วยังได้คืบจะเอาศอกอีก?
นั่นเป็นตั้งผู้บัญชาการในกลาโหมโซนหู้ไห่เชียวนะ ทั้งเมืองหู้ไห่ จะมีอีกสักกี่คนที่มีฐานะที่สูงส่งและมีอำนาจกว่าเขา?
ผู้บัญชาการครอบครองอำนาจที่สำคัญในมือ เขาเป็นคนไม่ธรรมดา และไม่เหมือนข้าราชการมากมายที่นั่งอยู่ตำแหน่งเพื่อเป็นหน้าเป็นตาเท่านั้น
และตอนนี้ เฉินเป่ยไม่ให้เกียรติแม้แต่ผู้บัญชาการ?
เรือนร่างที่เซ็กซี่ของหลีชิงเยียนสั่นเทาเล็กน้อย ภายในใจยากที่จะสงบสุข
และซูเสี่ยวหยุน ทั้งสองแขนของเธอกอดอกไว้ เธอมองฉากฉากนี้อย่างตื่นเต้น จากนั้นมุมปากกระตุกขึ้น ทำให้ดูเหมือนเธอรู้สึกสนุก……สถานการณ์วุ่นวายแบบนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่าสนใจ
“ได้คืบจะเอาศอกอีก เขาทำตัวเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว! ” มีคนพูดขึ้นอย่างเย็นชา ผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียงของกลาโหมโซนหู้ไห่ได้ขอโทษด้วยตัวเองต่อหน้าสาธารณชน เขาถือว่าให้เกียรติเฉินเป่ยมากพอแล้ว และก็ยังปล่อยให้เขาได้โอ้อวดแบบนี้ แต่ทว่าไอ้หมอนี่กลับยังไม่พอ!
“ดูๆ แล้ว เขาก็คงจะถูกกรรมตามสนองไม่ช้าก็เร็ว สายๆ หนึ่ง ยังไม่ถึงกับทำให้ผู้บัญชาการถึงกับต่ำต้อยกว่ากลายเป็นมดตัวหนึ่งหรอก” จากนั้นก็มีคำคำหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ทว่าวินาทีต่อไป การตอบสนองของผู้บัญชาการ ตบหน้าพวกเขาสองคนที่เป็นแบบนี้ออกมาทันที
ผู้บัญชาการมองเฉินเป่ย แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทว่าก็ยังถามขึ้น “คุณจะเอายังไง”
“ขอโทษภรรยาผม เร็ว” เฉินเป่ยพูดไป ก็ทำให้หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ ทำสีหน้าที่คาดคิดไม่ถึง
ขอโทษเธอ? เธอไม่มีเกียรติถึงขนาดนั้น!
เธอสามารถเดาออกมาได้ว่าฐานะของผู้บัญชาการต้องไม่ธรรมดา ตอนนั้นแม้กระทั่งสถานีตำรวจหู้ไห่ เขายังไม่เห็นในสายตา คนที่มีฐานะแบบนี้ ต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมของเมืองหู้ไห่อยู่แล้ว!
ทว่า ต่อให้หลีชิงเยียนไม่เข้าใจ เฉินเป่ยไอ้หมอนี่มันเก่งกาจมาจากไหน กลับสามารถทำให้ผู้บัญชาการถึงกับพูดจาใจเย็นลงแบบนี้!
ภายในใจของหลีชิงเยียนว้าวุ่นขึ้นมาทันที เธอเป็นคนที่ชาญฉลาด ทว่าพอเจอเรื่องแบบนี้เธอกลับนิ่งงันไป!
“ให้เธอ? ” ผู้บัญชาการกวาดสายตามองหลีชิงเยียน นัยน์ตาเคล้าด้วยความโกรธ
ยังไงเขาก็คือทหารผู้บัญชาการ สุดท้ายตอนนี้……กลับต้องขอโทษผู้หญิงคนหนึ่ง?
มีสิทธิ์อะไร?
ภายในใจของผู้บัญชาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าเพิ่งจะถูกผู้นำสูงสุดด่า เขาแค่กล้าโมโหแต่ไม่กล้าพูด
เขาไม่รู้ว่าสายๆ นี้ของผู้นำสูงสุดจะเกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยหรือไม่ เฉินเป่ยในสายตาเขา ก็เหมือนลำตัวของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยความสับสน เขาช่างลึกลับมาก
จนวันนี้เขายังมองเฉินเป่ยไม่ออก ในตัวของเฉินเป่ย มีอะไรน่าประหลาดใจ ทว่าตอนที่เขาต้องเผชิญกับเขา กลับไม่ได้รู้สึกกระวนกระวาย และสงบเหมือนดั่งก้อนหิน
อีกอย่างน้ำเสียงของเฉินเป่ยเผยความเย่อหยิ่งออกมา…..เหมือนไม่ได้เห็นเขาในสายตา
ผู้บัญชาการไม่ได้เห็นเฉินเป่ยในสายตา ทว่าสายๆ นั้นทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว จากนั้นก็ได้จริงจังกับเฉินเป่ยขึ้นมา
ผู้บัญชาการกัดฟัน แล้วหมุนตัว จากนั้นก็พูดกับหลีชิงเยียนด้วยความเคารพ “คุณหลี ผมมารบกวนพวกคุณแล้ว ต้องขอโทษจริงๆ ”
“อ่อ…..” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ตะลึง แล้วเหมือนตัวเองกำลังมองผิดไป การขอโทษจากผู้บัญชาการ ทำให้ทั้งสถานการณ์เต็มไปด้วยเสียงที่น่าตกใจ!
ผู้บัญชาการกลาโหมโซนหู้ไห่ กลับต้องขอโทษให้กับท่านประธานตัวเล็กๆ คนหนึ่ง?! นี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากอยู่แล้ว!
หลีชิงเยียนกะพริบตาคู่สวยของตนเบาๆ เธอมองเฉินเป่ย แล้วทำสีหน้าที่แปลกใจและสงสัย เธอไม่เข้าใจ เฉินเป่ยจะได้ยังไง?
เฉินเป่ยใช้สองมือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วทำสีหน้าที่นิ่งเฉย หลังจากที่สังเกตเห็นว่าหลีชิงเยียนกำลังมองตัวเอง จึงกระตุกมุมปากเผยยิ้มออกมา
“ฉันไม่ได้ตาลาย ผู้ชายคนนั้นขอโทษขึ้นอีกครั้ง! ”
“เขาใส่ชุดทหาร แล้วยังขอโทษคนอื่นไม่หยุด กลายเป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีเลยสักนิด! ”
“เมื่อกี้มองจากท่าทางนั้นแล้วเหมือนเฉินเป่ยกำลังสั่งการให้เขาขอโทษ…..ฉันไม่เชื่อ ไอ้ลูกเขยกระจอกๆ คนนี้จะมีปัญญามากขนาดนี้! ”
ตรงลานกว้าง มีคนมากมายกำลังมุมกันดูอยากรู้อยากเห็น และตอนนี้เริ่มสงบลงแล้ว ทว่าสีหน้าของทุกคนยังคงคาดไม่ถึง
วันนี้เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ ยังไงก็ต้องกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทาของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปให้อนาคตอยู่แล้ว
เฉินเป่ย ได้กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ ทำให้เขามีหน้ามีตาเป็นอย่างมาก
ลูกเขยแต่งเข้าตระกูลหลีสามารถเอ่ยพูดอย่างทรงอำนาจ ทำให้คนใหญ่คนโตท่านหนึ่งที่มีฐานะอันลึกลับ ต้องก้มหน้าขอโทษหลายครั้งติดต่อกัน!
ใครจะไปนึกถึง บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ต่อให้หลีชิงเยียนเป็นคนออกหน้าออกตาจัดการปัญหาเรื่องนี้ ยังไม่สามารถจัดการได้ เฉินเป่ยออกหน้ากลับสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
มีพนักงานมากมายที่เคยเยาะเย้ยดูถูกเฉินเป่ย ทุกคนต่างก็รู้สึกแก้มเริ่มร้อน และต่างก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อที่นี่
ช่างน่าตกตะลึงมาก! ถ้าตอนนี้มีสื่อที่กำลังถ่ายทำข่าวอยู่ที่นี่ ข่าวหน้าหนึ่งของพรุ่งนี้ เฉินเป่ยและหลีชิงเยียนต้องถูกลือกันแน่นอน
“พอหรือยัง? ” ผู้บัญชาการลุกขึ้น แล้วมองเฉินเป่ยอย่างด้วยความเย็นชา
สีหน้าของเขาหม่นหมอง เขาขอโทษครั้งนี้ วันข้างหน้าตอนที่กลาโหมโซนแต่ละที่มารวมตัวกัน ก็คงจะทำให้ผู้บัญชาการคนอื่นหัวเราะเยาะ!
ทุกอย่างก็เพราะว่าไอ้คู่หนุ่มสาวสารเลวนี่!
ผู้บัญชาการทำนัยน์ตาที่เคล้าด้วยความเลือดเย็น และอาฆาตที่ไร้ขีดสิ้นสุด!
เขาไม่มีทางปล่อยเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนไป แล้วจะฆ่าปิดปาก……เขาต้องทำให้เฉินเป่ยต้องตาย เพื่อที่จะทำให้ความเกลียดชังในใจหายไป!
“นิสัยดีหน่อย ถ้าเอาแต่ทำหน้าบูดหน้าบึ้งทั้งวัน เหมือนว่าใครติดหนี้แกงั้นหรอ” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบ จากนั้นก็ส่งยิ้มอันเบิกบานให้กับหลีชิงเยียน “ท่านประธานหลี เรากลับกันเถอะ”
หลีชิงเยียนจึงจะได้สติกลับมา ดวงตาคู่สวยขึงโต แล้วจ้องเฉินเป่ยไว้ไม่ปล่อย จากนั้นก็หันหลัง แล้วเหยียบรองเท้าสุดหรูของเธอ จากนั้นเรือนร่างอันเซ็กซี่ก็ขยับเดินเข้าไปใจตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
ซูเสี่ยวหยุนจึงเหลือบตามองผู้บัญชาการ จากนั้นเดินตามเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนกลับเข้าไปในตึกของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ทุกคนจึงทยอยกันแยกย้ายไป เหลือแต่เพียงผู้บัญชาการที่ยังอยู่ในลานกว้าง สีหน้าเขียวคล้ำ สีหน้าดูแย่เหมือนมีน้ำแข็งเคลือบไว้หนึ่งชั้น
เขาเคยโดนข่มเหงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้ เป็นวันที่เขาถูกข่มเหงมากที่สุด
“ผู้บัญชาการ จะกลับกลาโหมโซนไหมครับ? ” ข้างๆ จึงมีลูกน้องของเขาถามขึ้น
ผู้บัญชาการจับจ้องไปยังตึกสูงที่แตะถึงก้อนเมฆนี้ สีหน้าดูไม่นิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังหม่นหมองหรือมีความสุขอยู่
ผ่านไปสักพัก เขาจึงจะคลายกำปั้น แล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นก็จับจ้องไปยังตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปอีกครั้ง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและลุ่มลึก “ไปเถอะ กลับกลาโหมโซน”
ในออฟฟิศของท่านประธาน หลีชิงเยียนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แล้วขมวดคิ้วทรงสวยเป็นปม จนกว่ารถคนนั้นออกจากลานกว้างของบริษัท เธอจึงจะถอนหายใจยาวๆ แล้วผ่อนคลายลง
หลินเฉว่นั่งอยู่ตรงโซฟาอย่างเงียบๆ เมื่อกี้ตอนเธออยู่ในตึก ก็เห็นสถานการณ์ทุกขั้นตอนอย่างชัดเจน
ภายในใจของเธอยากที่นิ่งสงบ ทำไมเธอถึงนึกไม่ได้ คนที่จะสามารถจัดการกับปัญหาแบนนี้ได้ กลับเป็นเฉินเป่ย กลับสามารถจัดการปัญหาอย่างง่ายดาย
“ชิงเยียน เธอมองเรื่องนี้ยังไง? ” ซูเสี่ยวหยุนพูดขึ้นด้วยเสียงแข็ง
หลังเฉินเป่ยเดินเข้ามา หลีชิงเยียนก็โบกมือเรียวยาวดั่งยก แล้วให้หลินเฉว่ออกไป จากนั้นก็คุยกับเฉินเป่ย “นั่งสิ”
เฉินเป่ยนั่งลง หลีชิงเยียนใช้สายตาคู่สวยสังเกตมองเฉินเป่ย น้ำเสียงเคร่งขรึม แล้วเต็มไปด้วยความสงสัย “วันนี้ทำไมผู้บัญชาการคนนั้นถึงมาหาคุณ? ”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง เขาจะมาหาผมหรอ? ” เฉินเป่ยนิ่งงัน แล้วทำสีหน้าที่แปลกพิลึก
หลีชิงเยียนใช้นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องเฉินเป่ย แล้วสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากใบหน้าที่น่าแปลกของเขา
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ ผู้บัญชาการคนนั้น ถ้าคุณไม่รู้จัก ทำไมถึงมาหาคุณได้? ” ซูเสี่ยวหยุนแสยะยิ้มและนั่งอยู่ตรงโซฟา แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อคำพูดนี้ของเฉินเป่ย
“พวกคุณรู้สึกว่าฉันจะรู้จักเขาหรอ? ” เฉินเป่ยพยักไหล่ แล้วพูดอย่างประหม่า
“ไม่รู้จักจริงหรอ? ” หลีชิงเยียนทำหน้าเย็นชา แล้วสีหน้าดูไม่พอใจขึ้นมา
เธอไม่ได้รับคำตอบจากเฉินเป่ย เลยค่อนข้างรู้สึกผิดหวัง
“ผมจะไปสนใจว่าเขาเป็นใครไปทำไม ยังไงถ้ารังแกคุณ ผมไม่ยอม” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบเฉย
หลีชิงเยียนทำเสียงในลำคอด้วยเสียงเย็นชา ถึงแม้ใบหน้าจะเย่อหยิ่ง ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ถ้าคุณไม่ออกไปเที่ยวกลางคืน ฉันก็คงเชื่อคุณอยู่” หลีชิงเยียนหัวเราะเหอะๆ ริมฝีปากแดงก่ำกระตุกขึ้น แล้วพูดอย่างเยาะเย้ย
“ท่านประธานหลี ผมไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืน ผมไปทำธุระสำคัญมาก” เฉินเป่ยเบะปากแล้วพูดขึ้น
“เหอะ ธุรกิจสำคัญ? กู้โลกหรอ? ” หลีชิงเยียนทำหน้าเกร็ง รอยยิ้มยิ่งอยู่ยิ่งดูถูก
“ถึงเวลาคุณจะรู้เอง” เฉินเป่ยทำสีหน้าที่ลึกลับ ถึงเวลาหลีชิงเยียนรู้ข่าวของหลีเช่าเทียน สีหน้าต้องดูตื่นเต้นแน่ๆ
“หวังว่าคุณจะเซอร์ไพรส์ฉัน แต่ไม่ทำเรื่องที่น่าตกใจละกัน” หลีชิงเยียนกลอกตามองบนใส่เฉินเป่ย
“คุณรู้ไหมว่าทำไมสายๆ เดียวถึงทำให้คนคนนั้นมาขอโทษ? ” จู่ๆ เฉินเป่ยก็เอ่ยขึ้น ทันใดนั้นก็ทำให้หลีชิงเยียนรู้สึกสนใจ
“ทำไม? ” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ดูสงสัย และซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็เงี่ยหูตั้งใจฟัง
พวกเธอคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมก่อนหน้านี้สายๆ เดียวนั้นกลับทำให้ผู้บัญชาการที่เย่อหยิ่งกลายเป็นคนละคนไปได้
ผู้บัญชาคนนั้นเป็นอำนาจล้นหลามไปทั่วเมืองหู้ไห่ และคนใหญ่คนโตคนไหนสามารถทำให้เขาทำท่าทีที่ถ่อมตนแบบนี้!
หรือว่าสายๆ นั้นจะเป็นบุคคลสำคัญที่น่ากลัวกว่าเขาโทรมา?
แต่ว่าแล้วมันคือใครกันแน่ คนที่เป็นใหญ่กว่าผู้บัญชาการ? ต่อให้เป็นบุคคลลึกลับ เกรงว่าคงไม่ใช่แค่นี้
หลีชิงเยียนรู้สึกว่าบุคคลลึกลับที่คอยช่วยเหลือเธออยู่ในที่มืด ต่อให้ลึกลับแค่ไหน ก็ไม่สามารถคู่กรณีของผู้บัญชาการ!
ผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการกลับยอมขอโทษเธอกับไอ้หมอนี่เพียงสายๆ เดียว ทำให้คนคิดไม่ออกเลยจริงๆ
สายๆ นั้น ใครที่โทรมากันแน่ แล้วพูดอะไรออกมา?
“ท่านประธานหลี อยากรู้น่ะได้ แต่ก่อนหน้านี้ผมได้ยินคุณกับพี่ซูพนันกัน ถ้าผมปีนขึ้นมาได้ คุณจะยกน้ำล้างเท้าให้ผม? ” เฉินเป่ยยิ้มขึ้นทันที ทันใดนั้นบรรยากาศจึงเคล้าด้วยความเย็นชาและความอาฆาตทันที!