สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 136
บทที่ 136 ช่วงชิงเกียรติยศให้กับประเทศ
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนก็พนันกัน เฉินเป่ยก็อยู่ออกออฟฟิศแล้ว และด้วยทักษะการฟังของเฉินเป่ย คำพูดที่ทั้งสองคนคุยกัน ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
เฉินเป่ยรวบรวมความกล้าแล้วพูดคำคำนี้ออกมา ทำให้สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศเคล้าด้วยความอาฆาตและความเลือดเย็น ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนกลายเป็นความเลือดเย็นทันที และแผ่รังสีความอาฆาตออกมา
“อ่อ……” ภายในใจของเฉินเป่ยรู้สึกแย่ขึ้นมา ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็นึกเรื่องนี้ได้ขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยิ้มเหมือนเอาน้ำมันมาราดบนไฟ “เสี่ยวเยียน เธอห้ามไม่รักษาคำพูดนะ”
หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชาในลำคอ ดวงตาคู่สวยเคล้าด้วยความเย็นชา จากนั้นก็จับจ้องมองเฉินเป่ยแล้วถามขึ้น “นายจะให้ฉันทำอะไร? ”
เฉินเป่ยไอแห้งๆ แล้วพึมพำด้วยเสียงเบา “คุณไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำแล้ว”
“ไสหัวออกไป! ” หลีชิงเยียนระเบิดความโมโหออกมา ความโมโหเป็นฟืนเป็นไฟของท่านประธานเทพธิดานั้นถูกระบายออกมาทันที!
เฉินเป่ยไม่ได้รู้สึกลังเลเลยสักนิด จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีออกมาออฟฟิศ เหมือนวินาทีต่อไป ที่นี่ก็จะกลายเป็นขุมนรก
ถ้าตอนนี้ ผู้นำของกองกำลังทหารของต่างประเทศที่มีอำนาจเหนือคนอื่นได้เห็นฉากนี้ ก็ต้องรู้สึกตกตะลึงแน่นอน…..ใครจะไปนึกถึง ตอนแรกราชาหลงที่เดินเตร่อยู่ท่ามกลางห่ากระสุนเหมือนเดินเล่นอยู่กลางลานบ้าน ตอนนี้กลับดูน่าสงสาร เมื่อต้องเผชิญกับความโมโหที่ระเบิดออกมาของผู้หญิงคนหนึ่ง!
พวกเขาจะรู้ได้ยังไง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นั่นคือเสือตัวเมีย! ที่เป็นเสือตัวเมียที่โหดเหี้ยมจนไม่มีใครเทียบได้!
“ให้ตายเถอะ คนที่อยากจะตักน้ำมาล้างเท้าให้ฉันมีเยอะแยะไป แม้แต่จะให้มาอยู่รวมกันทั้งเมืองหู้ไห่ยังไม่พออยู่…..ไม่ตักก็ไม่ตักสิ ทำไมถึงต้องโมโหขนาดนั้น……” เฉินเป่ยพึมพำ ทว่ามุมปากกลับกระตุกขึ้น
ภายในออฟฟิศ ก็มีเสียงหัวเราะอันเสนาะหูดังขึ้นอย่างชัดเจน ซูเสี่ยวหยุนที่นั่งอยู่ตรงโซฟากำลังจับท้องแล้วหัวเราะอย่างรุนแรง และหัวเราะจนเจ็บท้อง
ใบหน้าที่งดงามและขาวผ่องของหลีชิงเยียนแดงระเรื่อขึ้นมา นั่นเป็นเพราะเธอรู้สึกโมโหจนหน้าแดง
ท่านประธานเทพธิดาในตอนนี้กำลังโมโหจนปอดแทบจะระเบิด เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ไอ้หมอนั่นที่หน้าไม่อาย กลับกล้าร้องขออย่างหน้าไม่อายแบบนี้!
นี่ไม่ใช่ว่ากำลังข่มเหงแล้วกลั่นแกล้งเธออยู่หรอ!
ท่านประธานเทพธิดาที่มีทรวงอันงดงามถึงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที ฟันอันขาวและเรียงสวยทั้งปากของเธอแทบจะกัดจนหลุดออกมาหมด
ไอ้สารเลว!
“เสี่ยวเยียน ทำใจเย็นๆ ก่อน ไม่ตักก็ไม่ตักสิ ไม่ต้องโกรธขนาดนี้ก็ได้” ซูเสี่ยวหยุนหยุดชะงักไปแล้วพูดขึ้นต่อ “แต่ถ้าพูดตามความจริง คนที่พนันแพ้ก็ต้องยอมรับถึงจะถูก……”
“ซูเสี่ยวหยุน เธอก็ให้ฉันไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! ” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ดูเกร็ง ดวงตาคู่สวยแทบจะลุกเป็นไฟ
อุณหภูมิในออฟฟิศลดลงไปหลายองศา จากนั้นก็เคล้าด้วยความอาฆาตที่เลือดเย็นของท่านประธานเทพธิดา
…….
จนถึงตอนกลางคืน เฉินเป่ยกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง กลับสังเกตเห็นว่าโม่ถีซือหายตัวไปในห้องที่เหมาไว้
เฉินเป่ยกวาดสายตามองไปทั้งสองทิศ ก็สังเกตเห็นนอกจากเตียงที่ดูยุ่ง ข้างบนยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ และผ้าปูที่นอนที่ยังคงเปียกอยู่ จากนั้นก็ยังทิ้งกระดาษไว้หนึ่งใบ
“หลง ยืมขีปนาวุธ ใช้เสร็จก็จะคืนในสภาพเดิม เรื่องเมื่อคืนฉันจำไว้แล้ว…..ชีวิตของคุณ เป็นของฉัน”
ลายมือในกระดาษบันทึกนั้นสวยงามมาก เป็นตัวหนังสือหัวเซี่ยหนึ่งบรรทัพที่ดูสวยมากจริงๆ ทำให้เฉินเป่ยทำสีหน้าตะลึง มีรอยยิ้มแบบทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
จากนั้นก็มีตราประทับผีเสื้อสีม่วงอยู่ในมุมของกระดาษบันทึก พอถูกแสงแดดสอดส่องก็ทำให้มันดูเงางามกว่าเดิม
เฉินเป่ยถอนหายใจด้วยเสียงเบา สีหน้าดูซับซ้อน สำหรับโม่ถีซือ เขายากที่จะอธิบายว่าจะตัดสินใจยังไง
ความฉลาดของโม่ถีซือ นิสัยใจคอเธอเป็นหนึ่งในหมื่นที่โดดเด่นมาก เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ทว่ากลับพ่ายแพ้ให้กับเขาไปสองครั้ง และถูกเขาเอาชนะ!
เฉินเป่ยเข้าใจในโม่ถีซือน้อยมากๆ ต่อให้เป็นโลกชั่วร้ายในทิศตะวันตก แต่กลับมีข่าวคราวเกี่ยวกับโม่ถีซือไม่มาก การปรากฏตัวของเธอจึงเป็นเรื่องที่แปลกพิลึกมาก เหมือนเธอบังเกิดอย่างกะทันหัน
ในโลกชั่วร้ายตะวันตก สำหรับตำนานของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญานั้นมีมากจนนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งสาวกของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา และผู้ที่ศรัทธาต่างก็กระตือรือร้นกับเรื่องนี้มาก
ถ้าผู้ศรัทธาเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขาไม่เคยเจอแม้แต่หน้าตาจริงๆ ของเทพธิดา เมื่อคืนตอนเธอร้องไห้ร้องขอผู้ชายคนหนึ่งด้วยความน่าเวทนา……เกรงว่า คงจะทำสีหน้าที่ผิดปกติไปแน่นอน
แม้แต่ตามที่เฉินเป่ยรู้ ตอนนั้นในความทรงจำของเขา โลกชั่วร้ายยังมีคนใหญ่คนโตอยู่หลายคนที่โปรดปรานในโม่ถีซือ สุดท้ายเมื่อคืน เฉินเป่ยกลับช่วงชิงเกียรติให้กับประเทศ และสามารถช่วงชิงอย่างบ้าคลั่ง!
และยังโชคดีที่เรื่องนี้ยังไม่ถึงหูของโลกชั่วร้าย ถึงเวลา ไม่รู้ว่าจะทำให้คนที่โปรดปรานเธอเท่าไหร่ถึงกับกระอักเลือด!
…….
และตอนนี้ โม่ถีซืออยู่เหนือพื้นดินไป 3,000 ฟุตแล้วในห้องโดยสารชั้นหนึ่งของเครื่องบิน และตอนนี้เธอสวมหมวกแก๊ปและหน้ากากปิดปากไว้ เพื่อบังผมยาวสลวยของเธอและใบหน้าที่บอบบางและสวยงาม แล้วกำลังหลับใหลไปอย่างเงียบๆ
เธอรู้สึกเหนื่อยเกินไป เมื่อคืนสงครามที่ใหญ่หลวงนั่น ทำให้เธอต้องสูญเสียพลังงานทั้งหมดที่มี แม้แต่เสียงของเธอยังแหบแล้วสามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมา
จู่ๆ โม่ถีซือสะดุ้งตกใจทันที พอเห็นก้อนเมฆก้อนใหญ่ที่เป็นลูกๆ และมองไปยังท้องฟ้าอันกว้างขวางที่ไร้สุดสิ้นตรงนอกหน้าต่างของเครื่องบิน ทำให้ดวงตาคู่นั้นของเธอเปล่งประกายซึ่งความพร่ามัวและความรู้สึกอับอายพลางโมโห
เมื่อกี้เธอฝันร้อย เธอฝันว่าเธอถูกไอ้หมอนั้นกดตัวลงบนเตียงอีก……
เธอที่อยู่ในฝัน ไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ ทว่ากลับยัง……
“รอให้ฉันจัดการกับธุระทั้งหมดในมือเสร็จ ครั้งหน้าตอนมาหัวเซี่ย ฉันจะมาเอาชีวิตของคุณ! ” โม่ถีซือพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงเบา เหมือนตรงข้ามมีใครอยู่
ไม่นานเธอก็หลับตาคู่สวยลง แล้วหายใจอย่างคงที่ จากนั้นก็หลับอย่างลึก ดวงตาคู่สวยและเรียวยาวนั้นเซ็กซี่มาก และขนตาที่สั่นเท่านั้น ทำให้สัมผัสได้ว่า เธอหลับฝันหวานมาก
……
เวลานี้มีข่าวที่ร้ายแรงคล้ายกับระเบิดแพร่ออกมา และกำลังแพร่กระจายไปทั่วเมืองหู้ไห่อย่างบ้าคลั่ง
คุณชายรองของตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง เมื่อวานเหมือนจะถูกไล่ฆ่า และแขนหักไปหนึ่งข้าง
ข่าวนี้ก็กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของเมืองหู้ไห่ในพริบตา และมีสื่อมวลชนนับไม่ถ้วนกำลังรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแต่ละสำนักข่าวก็ได้เปิดรูปที่มีที่มาไม่ชัดเจนในสื่อโซเชียล
คุณชายรองของตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง ต่อให้อยู่ในเมืองหู้ไห่ก็ยังถือว่ามีชื่อเสียงไปทั่วทุกที่ มีสักกี่คนที่ไม่รู้? โลกของธุรกิจนั้นอัศจรรย์ ตอนเขาอยู่เยี่ยนจิง ก็มีผลกระทบต่อโลกธุรกิจ และหลายๆ คนก็ให้ความสำคัญกับเขา
“โอ้พระเจ้า นั่นเป็นตั้งคุณชายรองตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง เป็นบุคคลที่มีความสามารถอันอัศจรรย์ในโลกธุรกิจ แม้แต่ประธานองค์กรการค้าของเยี่ยนจิงยังชื่นชมเขาต่อหน้าสื่อจนนับไม่ถ้วน บอกว่าเขามีอนาคตที่ไปได้ไกล ต้องมีสักวันที่จะทำให้ต่างประเทศรู้จักชื่อของเขา”
“เบื้องหลังของเขายังได้ยินมาว่าไม่ได้ธรรมดา และตระกูลหลีมีรากฐานที่มั่นคงในเยี่ยนจิง ทำให้เขาได้ข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร บุคคลประเภทนี้พอมาถึงหู้ไห่ ก็ยังสามารถทำให้ทั้งเมืองนั้นรุ่งเรือง! ”
“บุคคลยิ่งใหญ่คนไหน ต่อให้มาเยือนในเมืองหู้ไห่ยังได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เขากลับถูกไล่ฆ่าในเมืองหู้ไห่! ”
ในออฟฟิศของท่านประธาน ในมือของหลีชิงเยียนจับหนังสือพิมพ์ที่รายงานข่าวเป็นชุดๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดคิดไม่ถึง
“แน่ใจว่านี่มันคือความจริง? หลีเช่าเทียนกลายเป็นคนที่พิการแขนไปหนึ่งข้าง? ” หลีชิงเยียนถามขึ้น
หลินเฉว่พยักหน้า “นี่เป็นข่าวที่รับจากเยี่ยนจิง เมื่อคืนหลีเช่าเทียนถูกไล่ฆ่าจริงๆ สนามบินนานาชาติของเจ้านั้นในเมืองหู้ไห่ ตอนนี้ยังทิ้งร่องรอยของการต่อสู้กัน ทางตำรวจกำลังสืบค้นอยู่”
“ในเมืองหู้ไห่ ยังมีคนกล้าฆ่าเขาอีกหรอ? แล้วยังสามารถตัดแขนเขาให้ขาดหนึ่งข้าง ไม่น่าเชื่อจริงๆ ” ซูเสี่ยวหยุนอุทานขึ้น
หลีชิงเยียนจับสื่อที่รายงานข่าว ขมวดคิ้วเป็นปม เธอรู้จักเมืองหู้ไห่มากกว่าคนมากมาย……เบื้องหลังของหลีเช่าเทียนมีตระกูลหลีเป็นสัตว์ที่ดุร้ายอยู่ คนที่กล้าฆ่าหลีเช่าเทียน ต้องไม่หวาดกลัวเบื้องหลังของเขาที่เป็นตระกูลหลีแน่นอน
ทว่าเมืองหู้ไห่ แล้วจะมีคนแบบนี้ได้ยังไง?
“ตัดแขนของเขาหนึ่งข้าง สำหรับเราแล้วถือเป็นเรื่องดี คนแบบนี้ ควรฆ่า” ซูเสี่ยวหยุนพูดขึ้น
“เมืองหู้ไห่ซ่อนมังกรซ่อนเสือไว้ ต้องระวังแล้ว” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่จริงจัง แล้วพูดแบบนี้ออกมา
คนที่สามารถไล่ฆ่าหลีเช่าเทียน ต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุด เธอใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหู้ไห่มาหลายปี กลับยังไม่รู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ด้วย
ดูๆ แล้ว เมืองหู้ไห่ที่ดูเหมือนเงียบสงบ ยังมีความลับมากมายที่หลายคนไม่รู้ซ่อนอยู่ ต่อให้เป็นหลีชิงเยียน ก็อาจจะสังเกตเห็นแค่ความลับบางส่วนเท่านั้น
…….
สนามบินนานาชาติหู้ไห่
ในลานจอดเครื่องบินอันกว้างขวาง ก็ได้มีเทปวงล้อมความปลอดภัยล้อมรอบไว้แล้ว จากนั้นก็มีรถตำรวจก็คันๆ กำลังเกิดเสียงเตือนแล้วขับเคลื่อนไป จากนั้นก็มีตำรวจหลายๆ คนว่างเข้าไปในสนามบิน! บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมมาก และยังอบอวลไปด้วยความดุเดือดเลือดพล่าน!
มีนักท่องเที่ยวมากมายรู้สึกสั่นสะเทือนในใจ สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่สงบสุข!
“รีบกั้นช่องทางเข้าออก ห้ามทุกคนเข้าออก! ” จากนั้นก็มีชายเรือนร่างที่องอาจและสง่าคนหนึ่งเดินเข้าไปในสนามบิน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา
“มีสิทธิ์อะไร! กูเพิ่งจะลงเครื่อง! มีสิทธิ์อะไรไม่ให้กูออกจากที่นี่! ” จากนั้นก็มีชายร่างกำยำที่ถือสัมภาระไว้ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม
“เบื้องหลังสั่งมา! การสอบสวนอย่างเร่งเร้าครั้งนี้เป็นการสืบคดีลอบสังหารหลีเช่าเทียนในเมื่อวานนี้ ถ้าใครก็ตามที่ขัดขวางการสืบสวนคดีนี้ จะถูกจัดการในฐานะผู้ต้องสงสัย! ” เย่ชวงพูดด้วยเสียงเย็นชา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่น้อยทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากในทันที จากนั้นก็เงียบกริบ ไม่พูดไม่จา!
“คนที่ขัดขวางการสืบสวนเป็นผู้ต้องสงสัย! ” เย่ชวงพูดด้วยเสียงเข้มและเย็นชา ทันใดนั้นเสียงเสียงนี้ก็กระทบไปทั่วทุกที่!
ตรงลานจอดเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ขาวซีดเหมือนตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
เย่ชวงเดินเข้าไปในสนามบิน แล้วตอนที่เข้าไปในลานจอดเครื่องบิน ก็หยุดชะงักฝีเท้าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด!
“เป็นไปได้ยังไง……” เย่ชวงพึมพำ เย่ชวงที่เคยทำคดีใหญ่ พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้ายังรู้สึกคาดคิดไม่ถึง!
สิ่งที่เข้าในสายของเธอ…..เต็มไปด้วยความพังพินาศ!
และทุกที่ก็ทิ้งไว้แต่เพียงการร่องรอยของการจู่โจม มันยังน่ากลัวกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นในตลอดทางที่เดินทางมาที่นี่!
“หัวหน้าเย่ นี่เป็นคดีใหญ่ เขารับไว้ไม่ได้” จากนั้นก็มีตำรวจที่เพิ่งรับตำแหน่งที่ยังหนุ่มกำลังทำสีหน้าที่ขาวซีด เขายังไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์อะไรแบบนี้…… จึงใกล้จะอ้วกออกมา
จู่ๆ! เย่ชวงก็ทำนัยน์ตาที่สงสัย เธอมองเห็นหลุมลึกๆ ขนาดใหญ่อันหนึ่ง! เหมือนเป็นร่องรอยของสัตว์ดุร้ายขนาดใหญ่ทิ้งไว้!
เย่ชวงกวาดสายตามองไปยังหลุมใหญ่และลึกนั่น แล้วนิ่งงันไป! เหมือนเธอถูกฟ้าผ่าอันร้ายแรงถล่ม! ทำให้เรือนร่างผอมบางสั่นเทาขึ้นมา!
เธอมองรอยเท้าคู่นั้น! เป็นร่องเท้าที่เป็นหลุมลึก!
เย่ชวงรู้สึกขนหัวลุก……นี่เป็นไปได้ยังไง?!