สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 156
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 156 ไม่ธรรมดาเลย!
แต่วินาทีต่อมานั้น หญิงสาวที่สวยหยดย้อยคนนี้นั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
หญิงสาวที่สวยหยดย้อย ในมือเรียวนุ่มนิ่มนั้น นุ่มดั่งหยกที่เจียระไนแล้ว แถมยังขาวเกลี้ยงเกลา
แต่สิ่งที่คนทั่วไปยากแก่การมองเห็นก็คือ นิ้วหัวแม่โป้งของเธอนั้นกับคีบหัวเข็มหมุดเอาไว้แน่น มันแหลมกว่าเข็มทั่วไป!
ดวงตาหญิงสาวที่สวยหยดย้อยจ้องมองแต่เฉินเป่ยไว้ รอยยิ้มที่ยิ้มแย้มให้มันช่างมีเสน่ห์อย่างแรงกล้า เรื่องนี้เกรงว่าบรรดาผู้ชายไม่น้อย ต่างพ่ายแพ้กับเรื่องนี้แน่!
มุมปากของหญิงสาวที่สวยหยดย้อยฉีกยิ้มให้ พร้อมทั้งทำท่าหยอกล้อ เพราะเธอมั่นใจมาก ว่าสามารถจัดการเฉินเป่ยได้อยู่หมัด เพราะสำหรับเธอแล้วมันเป็นวิธีการที่ง่ายมาก!
ตอนที่เธอถูกฝึกด้วยวิธีการต่างๆ มามากมายนั้น วิธีการจะให้ผู้ชายหลงใหลได้นั้น เป็นวิธีการพื้นฐานที่สุดในการฝึก
เฉินเป่ยก้มหน้าก้มตา แล้วมองเห็นมืองามดังหยกนุ่มนิ่มข้างนั้นของหญิงสาว มุมปากกระตุกยิ้ม แล้วยิ้มหน้าบาน แล้วเอาฝ่ามือทั้งหนาแล้วด้านยื่นออกไปจับมืองามดังหยกนั่น
มือที่ทั้งหยาบกร้านและหนาสัมผัสเข้ากับมืองามดังหยก แววตาของเฉินเป่ยร้อนผ่าว จนคิดเรื่องเตลิดไปไกล มืองามดังหยกของหญิงสาวทั้งเนียนทั้งนุ่มนิ่ม เหมือนกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้วแบบนั้น มันไม่ได้แค่มือหยาบกร้านของเฉินเป่ยไม่ยอมปล่อยมือ แต่พยายามเขยิบขึ้นเรื่อยๆ อย่างหน้าด้าน
สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอพบว่า หัวเข็มหมุดที่ตนเองเอาไว้ตรงกลางระหว่างนิ้วนั้น ถูกมือหยาบกร้านขวางเอาไว้ ขนาดผิวยังไม่สามารถทิ่มได้เลยเหรอ!
แววตาลึกๆ ของหญิงสาวนั้นปรากฏความหมายลึกๆ เอาไว้ เธอมองไปที่เฉินเป่ย พร้อมทั้งอาการตกใจเล็กน้อย… มือต้องหยาบกร้านขนาดไหนกันนะ ที่ทำให้หัวเข็มหมุดนั่นทิ่มไม่เข้า?!
เฉินเป่ยหัวเราะหน้าบาน แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ผมทำงานหนัก มือเลยหยาบกร้าน คุณคนสวยก็อย่าใส่ใจเรื่องนี้เลยนะ”
“ไม่หรอก” หญิงสาวพยายามดึงมืองามดังหยกกลับมา พร้อมทั้งส่ายศีรษะไปมา
เธอเหล่ตามองมือเจ้าชู้ของเฉินเป่ย แววตาในดวงตางดงามนั้นฉายความเย็นชาออกมา ถ้าเมื่อครู่เฉินเป่ยยังเขยิบขึ้นเรื่อยๆ มือของเขา ก็จะไม่เหลือซากอะไรอีกแล้ว!
“ขึ้นรถเถอะ” เฉินเป่ยพูดด้วยความหวังดี พร้อมทั้งลากกระเป๋าเดินทางที่หนักอึ้งของหญิงสาว เอาไปไว้ที่เก็บของด้านหลังรถไมบัค
พอนั่งในตัวรถแล้ว เฉินเป่ยยังใจดีช่วยเธอคาดเข็มขัดซะงั้น ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายก็ถูกเฉินเป่ยดันลงมาอีก จนส่วนนูนมันเปลี่ยนรูปทรง จนทำให้คิ้วโก่งของเธอขมวดเข้าหากัน
อีตานี่ กำลังแต๊ะอั๋งเธออยู่งั้นเหรอ?
นัยน์ตาหญิงสาวฉายรังสีความเย็นชาออกมา การกระทำเมื่อครู่ของเฉินเป่ยก็จงใจที่จะจับมือ มันเป็นไปได้ยากที่จะไม่คิดเรื่องเลยเถิด
แต่เธอเองก็หาเหตุผลอะไรมาด่าทอเฉินเป่ยไม่ได้เลย เพราะอีตานี่ทำได้อย่างแนบเนียน จนไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้เลย
สีหน้าของหญิงสาวเริ่มเย็นชา หลังจากคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เฉินเป่ยก็หันศีรษะไป แล้วพิจารณาความสวยที่หญิงสาวมีครบทุกอย่าง ผมดำขลับที่ปล่อยสยายไปทางด้านหลัง นิสัยอ่อนโยน ถุงน่องสีดำรัดแน่นน่องขาคู่นั้นเอาไว้ มันทำให้เฉินเป่ยรู้สึกว่าเอามาเล่นสนุกสัก10ปีก็ไม่มีทางเบื่อหน่าย!
ยามเมื่อถุงน่องสีดำนั่นกระทบกับแสงแดด จนมันสะท้อนให้เห็น เห็นความขาวเกลี้ยงเกลาชัดเจนที่อยู่ภายใต้ถุงน่องสีดำนั้น สีดำกับขาวตัดกัน มันช่างมีเสน่ห์อย่างเหลือทน
ผู้ชายที่เห็นภาพที่สมบูรณ์แบบนี้คงทนไม่ไหวไปแล้ว นี่มันเป็นอ่อยให้ท่าเต็มๆ!
ส่วนเฉินเป่ยเองก็เลือดพลุ่งพล่านไปทั่ว เขาได้แต่พูดเรื่องนี้อยู่ในใจอยู่ตลอด ขาเรียวงามคู่นี้…. ลดชีวิตไปสัก 10 ปีมันก็คุ้มอยู่!
ภายในตัวรถนั้น มีกลิ่นอ่อนๆ หอมฟุ้ง มันเป็นกลิ่นที่มาจากหญิงสาวที่สวยหยดย้อยคนนั้น มันทำให้คนหลงใหลอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นภาพนั้น เฉินเป่ยเหมือนว่าเลือดกำลังพลุ่งพล่านแล้ว เขาคิดเลยเถิดไปไกลจนถึงขนาดที่ ต้องการแนบชิดกับน่องขาคู่นี้….
“สวยไหม?” หญิงสาวเห็นเฉินเป่ยเอาแต่จ้องมองขาที่งดงามเอาไว้จนตาไม่กะพริบ เลยหัวเราะเสียงดัง แล้วตวัดขางามขึ้นมา
เฉินเป่ยรีบดึงสติกลับมา พร้อมทั้งยิ้มให้อย่างเขินอาย จากนั้นก็หันศีรษะกลับมา
แล้วก็เหยียบคันเร่งรถไมบัค ล้อรถเพิ่มความเร็วมากขึ้น ทะยานไปยังสถานที่ที่อยู่ไกลออกไป
“คุณคนสวยเพิ่งมาถึงที่เมืองหู้ไห่เหรอ?” เวลาในการเดินทาง เฉินเป่ยเริ่มหาเรื่องคุย
หญิงสาวพยักหน้าให้ เฉินเป่ยยิ้มให้พร้อมทั้งหรี่ตามองหญิงสาวไปด้วย พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “ไม่ทราบว่าคุณมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรครับ?”
หญิงสาวมองเฉินเป่ยด้วยสายตาดูถูก แล้วเอ่ยปากถาม “ฉันชื่อไอรีน”
“ไอรีน” เฉินเป่ยหลุดปากพูดชื่อขึ้นมา แถมยิ้มให้อย่างมีความหมายเป็นอื่น “เอ่อ ชื่อนี้คุ้นหู เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน?”
ไอรีนทำตัวปกติ พร้อมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “คุณเฉินไปได้ยินมาจากที่ไหนหรือคะ?”
“จำไม่ได้แล้ว” เฉินเป่ยยิ้มให้ “ไม่ใช่แค่ชื่อคุ้นหูนะ ผมยังรู้สึกว่าเคยรู้จักคุณมาก่อนเลย เหมือนว่าเคยเจอกันในความฝัน”
มุมปากไอรีนกระตุกเล็กน้อย “ฉันเพิ่งมาที่เมืองหู้ไห่ ต้องการจะดูลู่ทางในการทำธุรกิจ ท่านประธานหลีเลยออกหน้าแทนฉัน”
“คุณเฉิน ท่านประธานหลีเคยแนะนำมา ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่า คุณเป็นถึงสามีของท่านประธานหลีเลยนะ แต่กลับมาทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถเนี่ยนะ เพื่อบริการให้กับท่านประธานหลี” ไอรีนเริ่มเอ่ยปากพูด
เฉินเป่ยได้แต่ก่นด่าในใจ แม่ง ตนเองก็แค่พนักงานขับรถเท่านั้น! หลีชิงเยียนเคยมองเขาดีๆ บางไหมเนี่ย?
ใบหน้าของเฉินเป่ยยังยิ้มหน้าบาน “ทำเพื่อภรรยานี่ เป็นเรื่องที่คู่ควรแล้ว”
ไอรีนพูดคุยกับเฉินเป่ยอย่างสนุกสนาน ไม่ทันตั้งตัว ก็หยิบแว่นออกมาจากกระเป๋า เฉินเป่ยตกใจ เมื่อเห็นไอรีนใส่แว่นตา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณไอรีน คุณใส่แว่นแล้วยิ่งดูดีขึ้นกว่าเดิมอีก”
ไอรีนยิ้มให้ มือสวยข้างหนึ่งของเธอกำลังเปิดกล้องที่อยู่ที่ขาแว่นดูเหมือนกำลังวิเคราะห์เฉินเป่ยอยู่ แต่อยู่ที่ขาแว่นนั้น มันซ่อนกล้องตัวเล็กๆ เอาไว้
ความหมายที่อยู่ในดวงตางดงามลึกๆ ของไอรีนนั้น นี่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของหัวเซี่ยที่เป็นตัวใหม่ที่สุด! แว่นตาอันนี้ที่ดูเหมือนแว่นตาธรรมดา แต่ราคานั้นสูงลิบลิ่วล้านหยวนเลยทีเดียว!
ตัวแว่นนั้น กลับปรากฏอักษรมากมายเป็นแถว ไอรีนที่ยิ้มให้อยู่ตลอด แต่ว่าในใจนั้นกลับเย็นชา! เธอกำลังความหาข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีการรู้จำม่านตา (Iris recognition)กับเฉินเป่ยอยู่
กล้องที่อยู่ที่ขากับกล้องที่อยู่ที่แว่น มันกำลังสแกนนัยน์ตาของเฉินเป่ยเอาไว้ ส่วนเฉินเป่ยนั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะว่ากำลังใส่ใจกับการขับรถอยู่
มุมปากไอรีนฉีกยิ้มเล็กน้อย เพราะว่านี่เป็นเทคโนโลยีที่มาใหม่ที่สุดของหัวเซี่ย ขอแค่เป็นคนหัวเซี่ย ก็ต้องมีหลักฐานปรากฏออกมาให้เห็นในการสแกนรูม่านตา!
ในเวลานั้นเอง รอยยิ้มของไอรีนหยุดค้างเติ่งทันที!
ในแว่นนั้น กลับมีอักษรเป็นหางยาวปรากฏขึ้นมาว่า… เป็นบุคคลที่ไม่มีตัวตน!
ดวงตางดงามของไอรีนกะพริบทันที ภายในดวงตางดงามที่ลึกล้ำนั้น เกิดความตกใจและประหลาดใจขึ้นมา!
ไอรีนไม่คิดมาเลยว่า ทำเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมาได้!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ดวงตาอันลึกซึ้งของไอรีนนั้นมึนงง นี่เป็นคลังหลักฐานของทางการของหัวเซี่ย… ถ้าเป็นคนหัวเซี่ยที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็ต้องจัดเก็บข้อมูลเทคโนโลยีการรู้จำม่านตา (Iris recognition)ไว้บ้าง… แต่เธอ กลับหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยไม่เจอ!
หรือว่า เฉินเป่ยไม่ใช่คนในประเทศหัวเซี่ย?!
ไอรีนจ้องมองอย่างสงสัยไปหาเฉินเป่ย สีหน้าดูปกติ แต่ว่าในใจนั้น แค่เวลาในพริบตาเดียวมันก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดได้ตั้งมากมาย
ที่แท้ ก็เหมือนที่ซูเหลยพูดไว้ไม่มีผิด เฉินเป่ยคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ด้วย
“คุณไอรีน ผมหล่อมากเลยเหรอ?” ทันใดนั้น เฉินเป่ยก็หันมาหา พร้อมทั้งจ้องมองความงามของไอรีน แถมยิ้มให้อย่างดูถูก
“หืม? หมายความว่าไง?” ไอรีนไม่ทันตั้งตัวทัน เฉินเป่ยพูดอธิบาย “เมื่อครู่ คุณเอาแต่จ้องมองผมอยู่นานเลย….”
“เหรอ?” ไอรีนใจสั่น จากนั้นก็ยิ้มให้และพูดอธิบายออกมา “ฉันว่าเหมือนคุณเป็นคนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน เลยต้องมองเอาไว้หลายครั้ง”
พูดไป รถไมบัคสีดำก็เข้าสู่ถนนด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด ทะยานเข้าสู่ตึกที่หรูหราที่อยู่ในเมืองด้วยความเร็วปานสายฟ้าพาด จนเขยิบเข้าอาคารตระกูลหลี
รถไมบัคจอดอยู่ด้านหน้าตัวอาคารตระกูลหลี เฉินเป่ยเปิดประตูรถ ไอรีนก้าวขาเรียวยาวลงจากรถ รองเท้าส้นสูงสีดำสัมผัสกับพื้น แบบเหมือนกับถุงน่องสีดำแบบนั้น
ไอรีนเดินเข้าตัวอาคารตระกูลหลีตามหลังเฉินเป่ย ในที่สุดก็ผลักประตูเข้าไป แล้วเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน
ไอรีนกวาดตามองโดยรอบ พร้อมทั้งกวาดตามองซูเหลยกับหลีชิงเยียน จนสุดท้ายแล้วสายตาก็เพ่งเล็งมาที่ตัวหลีชิงเทียน
“ชิงเทียน ไม่เจอกันนานเลย” ไอรีนยิ้มทักทายให้ พร้อมทั้งเดินมาทางหลีชิงเทียน พร้อมทั้งอ้าแขนให้
หลีชิงเทียนลุกขึ้น เมื่อเห็นอาการดีใจที่เห็นเธอของไอรีนแล้ว เธอตกใจก่อน จากนั้นก็โดนไอรีนกอดเอาไว้
“ชิงเยียน แกนี่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ยอมกอดคนอื่นก่อนเลยจริงๆ” ไอรีนยิ้มไปด้วยตอนที่พูดออกมา พร้อมทั้งทำให้บรรยากาศที่เก้อเขินเมื่อครู่มลายหายไป
ด้านข้าง เฉินเป่ยที่อยู่ใกล้กับโซฟานั้น เห็นทั้งสองคนแล้ว เลยเตรียมชงชาเพื่อให้คนทั้งสองคนดื่ม
ซูเหลยที่นั่งอยู่บนโซฟาที่ทำมาจากตัวหนังจริงๆ กำลังอ่านนิตยสารอยู่ข้างๆ แต่สายตานั้นเอาแต่กวาดตามองหลีชิงเยียนและไอรีนทั้งสองคนเอาไว้ แถมในใจอาการตื่นเต้นเล็กน้อย
ไอรีนกับหลีชิงเทียนนั้น ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนเลย ความรู้สึกที่ทำเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่เคยเจอกันมานานนั้น ความสนิทสนมนั้น มันสามารถถูกจับได้ง่ายมาก
แต่ว่าเธอก็สามารถวางใจได้เลย เพราะว่าไอรีนที่เป็นถึงสายลับมือหนึ่ง ในสถานการณ์นี้ก็สามารถสร้างเรื่องขึ้นมาต่อกรได้ ส่วนหลีชิงเยียนนั้นฉลาดหลักแหลมเป็นกรด ขอแค่รักษาอาการความหยิ่งเอาไว้เท่านั้น ถึงแม้ว่าเฉินเป่ยผู้ลึกลับจะอยู่ที่นี่ด้วย แต่ก็ยากที่จะจับผิดคำพูดระหว่างพวกเธอได้
พอใกล้เที่ยง หลีชิงเยียนก็ยิ้มเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “ไอรีน ฉันเตรียมเลี้ยงต้อนรับแกไว้ เป็นอาหารต้นตำรับที่แกชอบ”
ไอรีนได้ยินคำพูดของหลีชิงเยียน น้ำเสียงดีอกดีใจมาก “ชิงเยียนแกยังเข้าใจฉันเหมือนเดิม ฉันอยากกินอาหารต้นตำรับของเมืองหู้ไห่มานานแล้ว”
“ไปกัน เราไปกินข้าวกัน” หลีชิงเยียนมองไปทางเฉินเป่ย เฉินเป่ยรู้ตัว เลยพูดทันที “ผมไปรถที่จอดอยู่ในโรงรถออกมาก่อน”
พูดจบ เฉินเป่ยก็รีบออกจากห้องทำงาน
รอเวลาที่เฉินเป่ยเดินออกไปจากห้องทำงานแล้ว ซูเหลยถึงได้วางนิตยสารลง แล้วลุกขึ้นมองไปทางไอรีน แล้วเอ่ยปากถาม “เป็นไงบ้าง?”
“เขาไม่ธรรมดาจริงๆ … ฉันหาข้อมูลในคลังเก็บข้อมูลของทางการ กลับไม่เจอตัวตนของเขาเลย มีความเป็นไปว่าเขาไม่ใช่คนหัวเซี่ย” ไอรีนขมวดคิ้วตอนที่พูด
หลีชิงเยียนใจเต้นโครมคราม ใบหน้าซีดเผือด ในใจเริ่มไม่สามารถสงบได้… เธอไม่สามารถรับได้ ลูกเขยที่เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเธออย่างต่ำต้อยนั้น ตัวตน ที่แท้จะเป็นคนต่างชาติ?
เป็นไปได้ยังไง?
ความสับสนฉายออกมาจากแววตาหลีชิงเยียน ผู้ชายที่วันๆ เอาแต่ขลุกตัวก้มหน้าก้มตารับคำสั่งจากตนเอง แต่กลับมีฐานะนอกเหนือจากนี้ หรือว่า เขาก็คือที่ลึกลับคนนั้น?
สีหน้าซูเหลยคมกริบขึ้นมาทันที อยู่ดีๆ ก็เปิดปากพูดออกมาพรวดพราด “เพื่อท่านประธานหลีและบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ต้องตรวจสอบความจริงเรื่องตัวตนของเขานี้ให้ปรากฏออกมาให้ได้…ฉันรู้ว่า เขาไม่ใช่คนปกติธรรมดาเลย!”
ซูเหลยกอดอก เธอมั่นอกมั่นใจมากในเวลานี้ ว่าเธอต้องเปิดเผยตัวตนของไอ้คนหลอกลวงคนนี้ได้! เพื่อเปิดเผยหน้ากากจริงๆ ของเขา!
“อีกเดี๋ยวตอนไปทานข้าวกัน ฉันมีวิธีให้เขาเปิดปากพูด” ไอรีนยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ
“วิธีอะไร?” หลีชิงเยียนตกใจ
“เวอริตาเซรัมที่เพิ่งเป็นงานวิจัยตัวใหม่ของประเทศอังกฤษนะสิ” ไอรีนหลุดปากพูดออกมา จนทำให้นัยน์ตางดงามของหลีชิงเยียนฉายแววตา ที่เธอไม่อยากจะเชื่อ ว่าของพรรค์นี้ไอรีนก็ยังไปหามาได้? ความสามารถของไอรีนช่างเก่งกล้ามากจริงๆ!