สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 169
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 169 ไม่ให้อภัย
สีหน้าของซูเหลยแสดงความคัดค้าน ทว่าสุดท้ายเธอก็ทำได้แค่ถอนหายใจในใจ แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
ทางด้านเฉินเป่ย กำลังนั่งเท่ๆอยู่ในห้องทำงาน กวาดตามองดูรอบๆห้องทำงาน มองดูห้องทำงานขนาดใหญ่ที่หลีชิงเยียนยกให้ตน ภายในใจของเขารู้สึกมีความสุขมากเท่าไหร่ไม่ต้องพูดถึง
ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น หญิงสาวหน้าตาดีในชุดสูงเดินเข้ามาจากด้านนอก
“ประธานเฉิน ฉันคือเจี่ยนเวยจากแผนกเครื่องแต่งกายค่ะ เลขาหลินสั่งให้ฉันมาวัดตัวคุณ เพื่อตัดสูทค่ะ” เจี่ยนเวยพูด
เฉินเป่ยตกตะลึง ชุดสูท……ทำไมถึงมีเรื่องบ้าๆแบบนี้!
“ชุดสูท……ไม่จำเป็นหรอกครับ……” เฉินเป่ยกระแอมไอพูดด้วยความประหม่า
“ไม่ได้นะคะ” เจี่ยนเวยส่ายหน้า “นี่เป็นกฎที่ประธานหลีตั้งเอาไว้ด้วยตนเอง ประธานแจ้งให้ทางแผนกตัดชุดสูทให้กับคุณ คุณได้โปรดเข้าใจด้วยนะคะ”
เฉินเป่ยนิ่งค้าง ไม่รู้จะพูดอะไร ภายในใจของเขากำลังต่อว่าหลีชิงเยียน เต็มไปด้วยความดื้อดึง!
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลีชิงเยียนไม่ชอบการแต่งกายของเขา ตอนนี้ในที่สุดก็มีอำนาจในการสั่งให้เขาใส่ชุดสูท
เฉินเป่ยก้มหน้าลง เขายังคงเสียดายเสื้อเชิ้ตลายดอกและเสื้อกั๊กเก่าๆของตนเอง บนเสื้อกั๊กมีรูต่างๆมากมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นร่องรอยของกระสุนที่เขาเคยพบเจอ!
เสื้อกั๊กตัวนี้ เป็นเพื่อนยากเพียงคนเดียวที่ร่วมผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิตของเขา ถึงแม้จะเสียมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เฉินเป่ยยังคงเย็บซ่อมแซมด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด ไม่ยอมทิ้งมันไป
“ประธานเฉินคะ เสื้อกั๊กตัวนี้ทิ้งไปเถอะค่ะ ถึงเวลาเดี๋ยวฉันสั่งให้คนไปตัดมาให้คุณ” เจี่ยนเวยพูดเสียงเบา
“ได้สิ” เฉินเป่ยยิ้มแล้วพยักหน้า เขาลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าเจี่ยนเวย เจี่ยนเวยหยิบที่วัดตัวออกมา แล้วเริ่มวัดตัวให้เฉินเป่ย
เฉินเป่ยก้มหน้าลง มองดูเจี่ยนเวยที่ตั้งใจวัดตัวให้ตนเอง รมหายใจอุ่นๆของเขารดอยู่ตรงผมของเจี่ยนเวย ทำให้ผมของเธอปลิวขึ้นมา
เฉินเป่ยถึงขั้นได้กลิ่นหอมของแชมพูบนผมเจี่ยนเวย ทำให้ภายในใจของเขาเต้นแรง
“วัดเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ หลังจากที่ชุดทำเสร็จ ฉันจะส่งชุดสูทมาให้นะคะ” เจี่ยนเวยพูดเสียงเบา เธอไม่เงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้แก้มของเธอ แดงระเรื่อแล้ว
“คุณเจี่ยนครับ” เจี่ยนเวยพูดจบก็หมุนตัวเดินไปทางประตูห้องทำงาน ทว่าคิดไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะเรียกเธอเอาไว้
“คะ?” เจี่ยนเวยหันหน้ากลับมา มองไปทางเฉินเป่ยด้วยความสงสัย เฉินเป่ยอมยิ้มแล้วพูดขึ้น “หลังเลิกงานคุณพอจะมีว่างไหมครับ?”
“เอ่อ……ไม่มีค่ะ” ใบหน้าสวยๆของเจี่ยนเวยตะลึง เธอดึงสติกลับมาทันและรู้ว่าเฉินเป่ยอยากจะพูดอะไร จึงรีบพูดขึ้นก่อนเพื่อไม่ให้เฉินเป่ยพูดออกมา
เธอไม่เหมือนกับหลินเฉว่ เธอได้รับการจีบจากผู้ชายหลากหลายแบบ เธอรู้ว่าควรจะปฏิเสธยังไง
ทว่าเจี่ยนเวยเองก็คิดไม่ถึง เฉินเป่ยจะพูดต่อด้วยความไร้ยางอาย “อย่าสิครับ คุณเจี่ยน เราสามารถแบ่งเวลาออกมาได้ แบ่งมาสักหน่อย ก็มีเวลาแล้วครับ……”
ใบหน้าสวยๆของเจี่ยนเวยตะลึงงัน เธอนิ่งค้างกับคำพูดของเฉินเป่ย เธอคิดไม่ถึง เฉินเป่ยจะไร้ยางอายมากขนาดนี้……ไร้ยางอายที่สุด!
อีกทั้งรอยยิ้มแบบนี้ที่น่าสมเพชของเฉินเป่ย บวกกับคำพูดของเขา……ยากที่จะให้คุณหยุดคิดไปในทางไม่ดี!
“ประธานเฉินคะ หลังเลิกงานฉันมีธุระจริงๆค่ะ” เจี่ยนเวยอดกลั้นกับความรังเกียจในใจ เธอฝืนยิ้มออกมา
“ครับ” เฉินเป่ยไม่ได้บีบบังคับอีก เขาพยักหน้า มองดูเจี่ยนเวยเดินใส่รองเท้าส้นสูงออกไป เธอเดินตรงไปที่ลิฟต์
สายตาของเขามองไปยังสะโพกของเจี่ยนเวย ไม่ขยับแม้แต่น้อย
…………
ตอนเย็น เวลาเลิกงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เจี่ยนเวยสะพายกระเป๋า เดินออกไปจากอาคารตระกูลหลี ยืนอยู่ตรงประตูขนาดใหญ่ หลังจากมองไปรอบๆแล้วนั้น จู่ๆเธอก็เดินเข้าไปใกล้รถยนต์คันหนึ่ง เปิดประตูรถ เข้าไปนั่งด้านใน
รถสีดำเคลื่อนตัวออกไป อย่างเงียบเชียบไร้เสียง
บนอาคารตระกูลหลี เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ภาพที่เห็นเมื่อครู่ ทำให้มุมปากของเขาเผยยิ้มเจ้าเล่ห์
เขาหันไปมองยังที่ไกลๆบนท้องถนน นัยน์ตาของเขาหยั่งลึกไม่มีที่สิ้นสุด
“ยังไม่ไปขับรถ?หรอคะ?”
ในเวลานี้เอง เดินหลังของเฉินเป่ย มีเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น สีหน้าของเฉินเป่ยนิ่งงัน เขาหันกลับไป เห็นหลีชิงเยียนกำลังยืนกอดอก แล้วมองดูตนเองด้วยสายตานิ่งๆ
“ชิงเยียน คุณมาได้ยังไงครับ……” เฉินเป่ยคลายยิ้ม เห็นหลีชิงเยียนสะพายกระเป๋าราคาแพงเอาไว้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาที่เขา ริมฝีปากของเธอคลายยิ้มเล็กน้อย “ให้คุณเป็นรองประธานบริษัทไม่ได้จริงๆเลย พอได้นั่งในตำแหน่งรองประธาน คุณก็เริ่มได้ใจ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่ชื่อนามสกุลของตนเองก็คงจะลืมไปแล้วมั้งคะ?”
น้ำเสียงของหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความประชดประชัน ทว่าเฉินเป่ยกลับไม่ได้โมโห เขาเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ “ต่อให้ผมจะลืมยังไง ก็ไม่มีวันลืมสิ่งดีๆที่ประธานหลีทำให้ผมหรอกครับ”
ได้ฟังคำพูดประจบของเฉินเป่ย สีหน้าของหลีชิงเยียนดีขึ้นมาก เธอพูดด้วยความหยิ่งทระนง หมุนตัว เดินออกไปจากห้องทำงาน
เฉินเป่ยรีบเดินตามหลังไป จากนั้นลงไปขับรถจากชั้นใต้ดินออกมา
หลังจากจอดรถเอาไว้ตรงหน้าประตูอาคารตระกูลหลี รออยู่ครู่หนึ่ง ซูเหลยเดินออกมาจากด้านใน สีหน้าของเธอดูไม่ดีเท่าไหร่ ตอนที่เห็นหลีชิงเยียน นัยน์ตาของซูเหลย อดไม่ได้ที่จะมีความเศร้าหมองฉายออกมา
“ฉันได้ยินว่าคุณอยากจะนัดเจอกับเจี่ยนเวย?” จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง ภายในรถยนต์ ไม่รู้ว่าบรรยากาศเย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยแรงอาฆาตตั้งแต่เมื่อไหร่
เฉินเป่ยสั่นเทาไปทั้งตัว เขารีบปฏิเสธทันที “เป็นไปได้ยังไงครับ……ประธานหลี ผมเหมือนคนประเภทนั้นหรอครับ!หัวใจของผมมีแค่คุณ นอกจากคุณแล้ว ไม่มีช่องว่างให้ใครแล้วครับ”
ปากของเฉินเป่ยเอาแต่พูดถึงความซื่อสัตย์ไม่หยุด แต่ภายในใจของเขากำลังกระวนกระวาย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ เจี่ยนเวยจะไปรายงานเรื่องนี้กับหลีชิงเยียน!
หลีชิงเยียนปรายตามองเฉินเป่ยจากกระจกมองหลัง ถ่มน้ำลาย ตาบ้านี่……พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อนจริงๆ ตนเองเริ่มรู้สึกเสียใจทำไมต้องให้เขานั่งในตำแหน่งรองประธานด้วย
ในสถานการณ์ที่มีตนเองคอยจับตาดู เขายังกล้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น ถ้าหากว่าตนเองไม่ได้จับตาดู ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้
ทางด้านซูเหลยที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าของเธอนิ่งงัน เธอมองดูเฉินเป่ยด้วยความเย็นชา รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของหลีชิงเยียน คนแบบนี้อยู่ในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
“วันนี้ไปที่บ้านคุณพ่อ”
รถไมบัคขับเคลื่อนบนท้องถนน จู่ๆหลีชิงเยียนก็พูดขึ้น
เฉินเป่ยนิ่งงัน ตามด้วยพยักหน้า ยูเทิร์นรถ ขับไปทางบ้านที่หลีหยางอยู่
ไม่นาน รถไมบัคเทียบจอดตรงประตูบ้านหรู หลีชิงเยียนเปิดประตูรถ ถุงน่องเสียเนื้อห่อหุ้มเรียวขาเอาไว้ เดินเข้าไปยังบ้านหรู
เฉินเป่ยจ้องมองแผ่นหลังของหลีชิงเยียน มุมปากของเขาคลายยิ้ม
ภายในบ้านหรู หลีหยางได้เตรียมอาหารหรูมื้อใหญ่ไว้แล้ว
บนโต๊ะตัวยาว หลีหยางนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะด้านหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดขึ้น “เจ้าเฉิน ได้ยินว่าตอนนี้นายได้เป็นรองประธานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของพวกเราแล้ ยินดีด้วยๆ”
เฉินเป่ยคลายยิ้ม ท่าทีของเขาดูสุภาพมาก “คุณพูดเป็นเล่น ผมเป็นแค่ผู้ช่วยของชิงเยียนเท่านั้นครับ บางเวลาอาจจะช่วยอะไรชิงเยียนไม่ได้ด้วย เพราะถึงยังไงก็มียีนของพ่อกับแม่อยู่ เป็นเรื่องยากที่ชิงเยียนจะไม่เก่งครับ!”
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง ดื่มน้ำซุปคำเล็กๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเป่ยที่ประจบอย่างโจ่งแจ้ง ใบหน้าสวยๆตกตะลึง เท้าเรียวยาวของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะ เตะเฉินเป่ย
แม้แต่ซูเหลยที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ยังกระตุกมุมปาก เธอคิดไม่ถึงจริงๆ เฉินเป่ยจะประจบเก่งขนาดนี้
ใบหน้าของหลีหยางและหลี่เซียงหานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลีหยางหัวเราะเสียงดัง ชี้ไปที่เฉินเป่ย “เจ้าเด็กคนนี้ ประจบเก่งจริงๆ ไม่แปลกที่ชิงเยียนนิสัยแย่แบบนี้ ยังสามารถอยู่กับนายได้เป็นอย่างดี”
“พ่อคะ~”หลีชิงเยียนเบะปาก ได้ยินหลีหยางพูดข้อเสียของตนเอง ใบหน้าสวยๆฉายความไม่พอใจออกมา
“ผมประจบตรงไหนครับ ผมเป็นลูกเขยของท่าน สิ่งที่ผมพูดล้วนมาจากใจ ถ้าไม่มีท่านแล้วจะมีบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้ยังไง” เฉินเป่ยกินไปด้วย แล้วพูดประจบไปด้วย
“ขอให้อาหารติดคอคุณ!” หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆทนฟังไม่ได้แล้ว เฉินเป่ยรู้จุดอ่อนของหลีหยาง เขาพูดชมต่างๆนานา ทำให้หลีหยางรู้สึกสบายใจมาก
หลีชิงเยียนได้แต่จ้องมองไปยังดวงตาคู่สวยของเฉินเป่ย แล้วพูดกระซิบ
“อันที่จริง วันนี้ที่ฉันเรียกพวกเธอสองคนมา เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกเธอ” หลีหยางพูดขึ้น
“เรื่องอะไรคะ?” หลีชิงเยียนสงสัย
“ให้พวกเธอทำความรู้จักกับใครคนหนึ่ง เดี๋ยวพวกเธอก็รู้เอง” หลีหยางคลายยิ้ม ท่าทีมีเลศนัย
หลังจากทานอาหาร ภายในห้องรับแขกที่หรูหรา หลีหยางนั่งอยู่บนโซฟา พูดคุยกับเฉินเป่ยด้วยความครื้นเครง
หลี่เซียงหานลุกขึ้นแล้วไปชงน้ำชาให้ทั้งสอง และในเวลานี้เอง สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา ผิวของเธอขาวและสวยมาก ดวงตาสีฟ้ากลมโต จมูกเป็นสัน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนยุโรป
เธอแตกต่างจากสาวใช้ชาวฟิลิปปินส์ราคาถูกพวกนั้นมาก นี่เป็นสาวใช้ชาวยุโรป ค่าตัวของเธอสูงกว่าสาวใช้ชาวฟิลิปปินส์ร้อยเท่า
สาวใช้ชาวยุโรปพูดเสียงเบา พูดกระซิบอยู่ข้างหูหลีหยางไม่กี่ประโยค
หลีหยางพยักหน้า สาวใช้ชาวยุโรปเดินตามออกไปนอกบ้านหรู
“เมื่อกี้บอกว่าจะแนะนำคนๆหนึ่งให้พวกเธอรู้จัก ความเป็นจริงคนๆนี้พวกเธอต่างก็รู้จัก” หลีหยางคลายยิ้ม อย่างรวดเร็ว ร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกตัวบ้าน
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมตามองไปยังร่างนั้น แล้วหยุดนิ่งทันที
ตามด้วย หลีชิงเยียนเผยความเย็นยะเยือกออกมาจากดวงตาคู่นั้น สีหน้าของเธอดูไม่สบอารมณ์
“หึ คุณนั่นเอง” เมื่อเฉินเป่ยเห็นคนที่มา เขาก็หมดสนุกทันที
“ประธานหลี ประธานเฉิน” เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหยางเหวินห้าวคนเดียวกับเมื่อกลางวัน
“นายมาทำอะไรที่นี่?” หลีชิงเยียนพูดเสียงเย็นชา เธอไม่รู้สึกดีกับหยางเหวินห้าวเลยสักนิด
เธอรู้สึกเกินความคาดหมาย หยางเหวินห้าวมาหาถึงที่นี่
“ประธานหลี ประธานเฉิน ผมกลับไปคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้วครับ เรื่องเมื่อตอนกลางวันเป็นความผิดของผม ผมมาขอร้องให้พวกคุณยกโทษให้ผมด้วย” หยางเหวินห้าวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“นายรู้ด้วยหรอว่าตนเองทำผิด?” หลีชิงเยียนพูดประชดประชัน
“ประธานหลีครับ สิ่งที่ผมทำให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ถึงแม้จะไม่มีความดีความชอบ แต่อย่างน้อยก็มีความทุ่มเทนะครับ……ผมแค่อยากจะมาขอโทษพวกคุณสองคน แม่ของผมป่วยนัก ถ้าหากว่าผมถูกลดตำแหน่ง เงินแค่นั้น ไม่สามารถรักษาได้ครับ” หยางเหวินห้าวถอนหายใจ สีหน้าของเขาดูเศร้ามาก
ในเวลานี้เอง หลีหยางพูดขึ้น “ตอนที่เขามาหาพ่อเมื่อกลางวัน พ่อคิดดูแล้ว รู้สึกว่าไม่ควรทำเด็ดขาดจนเกินไป เขาแค่ถูกคนพวกนั้นหลอกใช้” หลีหยางมองไปทางหลีชิงเยียน “เสี่ยวเยียน ลูกมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้?”
หลีชิงเยียนหัวเราะในลำคอ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ถามหนูทำไมคะ พ่อตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่หรอคะ?”
หลีหยางหัวเราะ “พ่อตัดสินใจไปแล้ว แต่การตัดสินใจของพ่อไม่ใช่ใจความสำคัญของเรื่องนี้ ชิงเยียน เรื่องนี้ลูกต้องตัดสินใจ”
หลีชิงเยียนปรายตามองหยางเหวินห้าว สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของหยางเหวินห้าว น้ำเสียงของเธอหนักแน่น โดยไม่ต้องสงสัย “หนูไม่เคยเปลี่ยนการตัดสินใจของตนเองมาก่อน!”
“พรึ่บ!”สีหน้าของหยางเหวินห้าวซีดขาว คำพูดประโยคนี้ของหลีชิงเยียน ทำให้เขาแทบหมดหวัง!