สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 172
บทที่ 172 ผู้ตายของราชาหลง
บนโต๊ะกลม จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบงัน แม้แต่เสียงเข็มตกพื้นยังได้ยิน
ผ่านไปสักพัก เสียงมือถือของชิงเหนียนที่อยู่บนตัวเขาดังขึ้น ทำให้ทำลายบรรยากาศอันเงียบกริบทันที
ชิงเหนียนรับสาย ทางสายมีเสียงของเฉินเป่ยดังขึ้น “บริษัทดำเนินไปถึงไหนแล้ว? ”
ชิงเหนียนนิ่งงันไป หยางเหวินห้าวถูกเขาทำให้ตกตะลึง ถึงแม้ยังคงกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ทว่าเขาที่ไม่มีที่ไปได้กลายเป็นท่านประธานบริษัทแล้ว
“ลูกพี่ คนคนนี้มีอะไรดี ทำไมถึงต้องเอาเขา” ชิงเหนียนเบะปาก “ฉันเชิญCEOของธุรกิจห้าร้อยธุรกิจที่เก่งกาจมาจากต่างประเทศอย่างเรื่อยเปื่อยหนึ่งคน มีใครบ้างที่ไม่แกร่งไปกว่าเขา? ”
“เขาคือคนท้องถิ่นของหู้ไห่ สิ่งที่ไม่ง่ายที่สุดก็คือการทำให้เกิดความสงสัย อีกทั้งบริษัทมีนายอยู่ ก็คงไม่แย่ไปถึงไหนหรอก ถ้าเกิดให้บุคคลที่ถูกเชิญมาจากที่แดนไกลมาถึงหู้ไห่ แล้วได้เป็นแค่ท่านประธานบริษัทเล็กๆ แบบนี้ก็ต้องทำให้ผู้ที่อยู่ในสายงานเดียวกันต้องรู้สึกสงสัย……” ทางฝั่งโน่นของมือถือ เฉินเป่ยวิเคราะห์แยกแยะได้อย่างดี น้ำเสียงลุ่มลึก
เขาไม่ได้พูดประโยคหลัง เขาคาดหวังมาก ต้องมีวันหนึ่ง ตอนที่หยางเหวินห้าวรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริงคือเขา สีหน้าต้องดูน่าสนใจน่าตื่นเต้นมากขนาดไหน
“งั้นก็ได้” ชิงเหนียนวางสายลงทันที แล้วพึมพำขึ้น “ทุกอย่างก็เพราะดื้อรั้นหัวแข็ง กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ลุ่มหลงจนแทบเป็นแทบตาย……”
ชิงเหนียนเก็บมือถือกลับไป ร่างไม่กี่ร่างที่อยู่ตรงโต๊ะกลม ต่างก็ทำนัยน์ตาที่รุ่มร้อน แล้วจับจ้องเขาไว้ไม่ปล่อย จากนั้นก็ถามด้วยเสียงสั่นที่ตื่นเต้น “คือ…..ท่านๆ นั้นหรอ? ”
“เขาหายตัวไปหลายเดือนแล้ว คือเขาหรอ? ”
ร่างของคนคนหนึ่งทำนัยน์ตาที่รุ่มร้อน แล้วจับจ้องชิงเหนียนไว้ไม่ปล่อย
ชิงเหนียนถูกจับจ้องจนรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกเล็กน้อย ผู้ที่นั่งอยู่ที่นี่ต่างก็มีฐานะที่สูงส่ง ไม่ใช่บุคคลธรรมดา ตอนที่ได้ยินชิงเหนียนพูดคุยกับคนที่สาย ทันใดนั้นก็เดาออกว่าฐานะของคนที่โทรมาต้องไม่ธรรมดา
สามารถพูดคุยกับชิงเหนียนในระดับที่เท่าเทียมกัน ต่างประเทศจะมีสักกี่คน?!
“เขาเกษียณไปแล้ว” ชิงเหนียนเก็บมือถือ แล้วทำสีหน้าที่นิ่งเฉย
“ทุกท่าน มีบุคคลสำคัญคนหนึ่งนัดผมไปเจอ ผมขอตัวก่อน” ชิงเหนียนพูดด้วยเสียงเรียบ น้ำเสียงกลับไม่น่าสงสัย จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องใต้ดินที่ป้องกันการจู่โจมของกระสุน!
หลังจากเดินออกจากห้องใต้ดิน ชิงเหนียนก็โทรศัพท์ สายดังกล่าวเป็นการโทรทางไกลระหว่างประเทศ ชิงเหนียนเอ่ยปากพูดขึ้น “นำขวดยานั้นของประเทศอังกฤษ หลังจากทำให้เจือจางแล้วให้แบ่งเป็นช่องทางต่างๆ แล้วส่งมาที่นี่”
“ยาขวดนั้น? ให้ทำการเจือจางเป็นสัดส่วนเท่าไหร่? ” เสียงที่ส่งมาจากสายนั้นหยาบคายมาก และเคล้าด้วยความป่าเถื่อน
“จนถึงขั้นคนปกติจะสามารถรับยานี้ได้”
“ครับ”
ชิงเหนียนวางสายลง แล้วกระตุกมุมปากเพื่อคลายยิ้มออกมา
หยางเหวินห้าวโวยวายมาตลอด มีข่าวลือว่าจะย้ายออกจากบริษัท ถ้าไม่ได้ถูกความสามารถในการต่อสู้ของชิงเหนียนข่มหู่ หยางเหวินห้าวไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีหรือวินาทีเดียว
บริษัททั้งสองนั้นถูกทำให้มีเวลาว่างมานาน เท่ากับว่ามันไร้ประโยชน์ไปกว่าครึ่งแล้ว ตอนนี้ความหมายของเฉินเป่ยคืออยากจะฟื้นฟูบริษัทขึ้นใหม่ เสียหายทรุดโทรมอย่างยิ่งรอการฟื้นฟู นี่เป็นเรื่องที่เปลืองแรง แถมไม่ได้ทำให้เรื่องดีขึ้น หยางเหวินห้าวไม่ยอมทำแน่นอน
หยางเหวินห้าวไม่เข้าใจแน่นอน ว่าแผนการของชิงเหนียนและเฉินเป่ยคืออะไร
ถ้าหยางเหวินห้าวรู้แผนการของเฉินเป่ย เกรงว่าเขาคงจะขึงตาโต ต่อให้ตายไปก็ไม่เชื่อว่าแผนการนี้จะเป็นจริง
ทว่าตามความคาดคะเนของชิงเหนียน ไม่นานต่อให้ไล่หยางเหวินห้าว เขาก็คงไม่ยอมออกจากบริษัทแน่นอน
……
ตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ณ ออฟฟิศของท่านประธาน
หลีชิงเยียนเดินเท้าเปล่าที่สวยเหมือนหยก ไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างบานใหญ่อย่างเงียบๆ พอได้ยินการรายงานการทำงานของหลินเฉว่ จู่ๆ ก็ถามขึ้น “ประธานเฉินล่ะ? ตามเขามาหน่อย”
หลินเฉว่ทำหน้าเกร็ง “ท่านประธานเฉิน……หนึ่งชั่วโมงที่แล้วออกไปแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าไปไหน ยังไม่ได้กลับมาค่ะ”
หลีชิงเยียนกอดอก นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องไปนอกหน้าต่างตึกอาคารสูง ทำให้ภายในใจของเธอไม่พอใจมาก
ไอ้หมอนี่ จะหลบไปที่ไหนอีก
หลีชิงเยียนครุ่นคิด แล้วเปิดข้อความสั้นที่ส่งมาจากไอ้คนหน้าด้านคนนั้น
หลีชิงเยียนนึกไม่ถึงแน่นอน ไอ้หมอนี่ กลับไปอยู่ในตลาดที่จำหน่ายดอกไม้และนก…….
เฉินเป่ยในตอนนี้ กำลังกัดหญ้าหนึ่งก้านไว้ แล้วมองจิ้งหรีดในขวดจิ้งหรีด ตาทั้งสองข้างเปล่งประกายแสง
ข้างๆ เขา มีแต่ขวดที่ใส่จิ้งหรีดไว้
เมื่อมือถือดังขึ้น เฉินเป่ยควักออกมา แล้วกวาดสายตาไปเพียงชั่วพริบตา ก่อนอื่นเขาตะลึงงันเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ
ให้ตายเถอะ……นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านประธานเทพธิดาตามตัวเองกลับไป……นี่ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังคิดถึงตัวเองอยู่!
เฉินเป่ยไม่ได้ลังเล เขาจึงดึงธนบัตรที่เป็นแบงก์ร้อยไม่กี่ใบออกจากกระเป๋าตางค์ จากนั้นก็หิ้วถุงพลาสติกที่มีขวดจิ้งหรีด แล้วเดินเร็วเหมือนบินไปตรงจักรยาน!
หลังจากกลับถึงตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เฉินเป่ยก็เรียงขวดจิ้งหรีดแล้ววางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้างฝาผนัง
“เฉินเป่ย ท่านประธานหลีหาคุณ” หลินเฉว่ผลักประตูเข้ามา ก็เห็นขวดจิ้งหรีดที่เฉินเป่ยเพิ่งจะจัดวางเสร็จ
“เฉินเป่ย นี่คุณทำอะไร? ” หลินเฉว่ทำสีหน้าที่สงสัยและแปลกใจ หรือว่าพวกขวดเล็กๆ เหล่านี้จะเป็นเหตุผลที่เฉินเป่ยออกไปเมื่อครู่นี้?
“ขวดจิ้งหรีดไง” เฉินเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขวดจิ้งหรีด? ” หลินเฉว่ทำสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ “เอาขวดจิ้งหรีดมาทำอะไร? ”
“เอาจิ้งหรีดมาต่อสู้กันน่ะสิ” เฉินเป่ยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่อมยิ้ม ทำให้หลินเฉว่รู้สึกซับซ้อนวุ่นวาย และเกือบจะเดินเส จนเอกสารในมือตกลงบนพื้น!
“จิ้งหรีดต่อสู้?! ” หลินเฉว่ตะลึงงัน ตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เป็นตึกออฟฟิศที่มีสภาพแวดล้อมที่เพอร์เฟคและมีระดับที่สุดในเมืองหู้ไห่ ออฟฟิศของเฉินเป่ยสูงสง่า……เป็นสถานที่ที่คนนับไม่ถ้วนต่างก็ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง
สุดท้ายไอ้หมอนี่…….กลับเอามาเป็นสถานที่จัดการต่อสู้จิ้งหรีด…….เล่นเกมอะไรที่คู่ควรกับสภาพแวดล้อมเลย!
หลินเฉว่ขึงตาดวงสวยให้โต แล้วเคล้าด้วยความตกตะลึง
“เลขาหลิน จะเล่นจิ้งหรีดต่อสู้กันไหม? ” เฉินเป่ยยิ้มพลางพูด
“อืม…..ไม่ ไม่ต้องแล้ว ท่านประธานหลีให้ฉันไปพบ ฉันยังมีธุระ” หลินเฉว่จึงได้สติกลับมาทันที แล้วปฏิเสธไปโดยตรง และก็หาข้ออ้าง แล้วรีบวิ่งออกจากบริษัท
หลินเฉว่กลับไปถึงออฟฟิศของท่านประธาน ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวจนต้องตบหน้าอก
“เขาไปทำอะไร? ” หลีชิงเยียนรีบถาม
“เขา……ไปซื้อจิ้งหรีด” หลินเฉว่ทำสีหน้าที่แปลกพิลึก
“จิ้งหรีด?! ” ใบหน้าที่สวยไร้ที่ติของหลีชิงเยียนตะลึงงันทันที ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้สติกลับมา
……
ตอนกลางคืน ในคฤหาสน์ของตระกูลหลี เฉินเป่ยกำลังดูจิ้งหรีดต่อสู้ในห้องนอนของตัวเอง ส่วนหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนกำลังดูทีวีตรงโซฟา พวกเธอกำลังแสดงความเหนื่อยล้า และเริ่มหาว
เวลาไม่เช้าแล้ว และใกล้จะถึงเวลาก่อนเข้านอน ผ่านไปไม่นาน หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนก็ลุกขึ้นจากโซฟา แล้วกลับห้องนอนตัวเอง และกำลังจะนอน
และในเวลานี้ ก็มีรถเก๋งสีดำสนิทคันหนึ่งกำลังขับเคลื่อนมาจากถนนที่อยู่ไกลๆ มาขับมาตรงคฤหาสน์ตระกูลหลีที่อยู่ไม่ไกล
ในรถของรถเก๋งคันนี้ ไอรีนและหัวหน้ากลุ่มนั่งอยู่ข้างใน ไอรีนทำสีหน้าที่จริงจัง แล้วหัวหน้ากลุ่มค่อยๆ พูดขึ้น “ถ้าเขาเป็นคนๆ นั้นในตอนั้นจริงๆ ภายใต้การโจมตีจากพวกเรา เขาไม่มีทางแกล้งทำแน่นอน”
“ฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดา” ไอรีนกัดฟัน นัยน์ตาดูแน่วแน่
“แน่วแน่หรือไม่แน่วแน่ แล้วทดลองถึงจะรู้” หัวหน้ากลุ่มพูด “ชนชั้นนำทั้งหมดกลับอยู่ที่นี่ ก็ต้องดูศึกครั้งนี้”
“ถ้าครั้งนี้ล้มเหลว ครั้งหน้าก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร”
รถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับด้วยความเร็วโดยเร็ว ในค่ำคืนที่มืดมัวสามารถขับด้วยความเร็วสูง ทันใดนั้นก็เข้าใกล้คฤหาสน์ตระกูลหลี
แต่ละคนที่สวมใส่สูทจงซานออกจากในรถ พวกเขาทุกคนมีทักษะที่ไม่ธรรมดา ทุกคนคือหน่วยสืบราชการลับ!
ส่วนไอรีนและหัวหน้ากลุ่มต่างก็คลุมผ้าสีดำไว้ แค่เผยให้เห็นดวงตาอันเลือดเย็น และเคล้าด้วยความอาฆาต
“ดูเวลา” หัวหน้ากลุ่มกดเสียงต่ำ
“ลงมือ! ”
จู่ๆ หัวหน้ากลุ่มก็เหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้าง เขาวิ่งพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลีอย่างฉับไวเหมือนดั่งฟ้าแลบ!
“ซู่ๆๆ! ”
ร่างต่อร่างกำลังพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลหลี! ตอนที่บอร์ดี้การ์ดรู้ตัว ก็สายเกินไปแล้ว!
“พู่วๆๆ! ”
ยาชาเป็นแท่งๆ พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนสีดำ จนทำให้บอร์ดี้การ์ดแต่ละคนล้มลงกับพื้น แค่ได้ยินเสียงที่ร้องออกมาอย่างแผ่วเบาและแทบจะท่วมจมอยู่กลางอากาศ
หน่วยสืบราชการลับเหล่านี้แกร่งกว่านักฆ่าพวกนั้นไปเยอะมาก พวกเขาจัดการทุกรายละเอียดเป็นอย่างดี ทั้งชั้นบนและชั้นล่างของคฤหาสน์ แทบจะไม่มีอะไรที่ทำให้ผู้อื่นสังเกตเห็นถึงผิดปกติ
ทว่า นอกจากห้องนอนของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยในเวลานี้กำลังให้จิ้งหรีดต่อสู้กัน ตอนที่บอร์ดี้การ์ดคนแรกล้มลง สองมือของเขาก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่ทันได้สังเกตเห็น
จากนั้น เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังพระจันทร์ดวงสว่างที่อยู่นอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่โปร่งใส กับนัยน์ตาที่ลุ่มลึก
หน่วยสืบราชการลับแต่ละคนต่างก็ค่อยๆ จัดการกับบอร์ดี้การ์ดที่ล้อมอยู่ด้านนอก แล้วรีบเข้ามาข้างใน
ไอรีนและหัวหน้ากลุ่มสีหน้าที่นิ่งเฉย คนพวกนี้สำหรับพวกเขานั้นง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ จู่โจมง่ายเกินไป คนพวกนี้ เป็นแค่วิชาการต่อสู้พื้นฐานเท่านั้น
ต่อให้บอร์ดี้การณ์ของบริษัทนี้ในหัวเซี่ยจะมีชื่อเสียง……ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว สามารถทำลายพังพินาศอย่างย่อยยับอย่างง่ายดาย และตลอดทั้งทางก็จัดการพวกเขาอย่างสิ้นซาก!
บอร์ดี้การ์ดพวกนี้ พวกเขาแทบจะไม่เอามาอยู่ในสายตา และไม่มีทางกลายเป็นอุปสรรคแน่นอน
หัวหน้ากลุ่มปิดผ้าสีดำไว้ แล้วเอามือพาดหลังพลางเดินมาจากที่ไกล ภายในดวงตาอันเย็นชา เปล่งประกายความโหดเหี้ยมและอาฆาตออกมา!
วันนี้เขา มาเพื่อเฉินเป่ย!
ก่อนที่ยังไม่ได้เจอเฉินเป่ย เขาไม่มีทางแสดงฝีมือแน่นอน!
“รายงานหัวหน้า ข้างนอกได้จัดการหมดแล้ว! ”
“รายงานหัวหน้า หน่วยรักษาการณ์ลับได้จัดการหมดแล้ว! ”
หัวหน้าพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่ง บอร์ดี้การ์ดเหล่านี้ ไม่สามารถขัดขวางฝีเท้าของพวกเขาได้!
“รายงานหัวหน้า……” จู่ๆ! การรายงานของเครื่องวิทยุสื่อสารก็หยุดลงทันที!
หัวหน้าทำสีหน้าที่ดูซึมเซา ทั้งเรือนร่างเคล้าด้วยเย็นชาและความหวาดกลัวจนแทบจะระเบิดออกมา!
นัยน์ตาของเขาเลือดเย็น และปรากฏอาการที่ดูน่าแปลก!
“เกิดอะไรขึ้น? ” ไอรีนขมวดคิ้ว คนเหล่านี้เป็นหน่วยสืบราชการลับที่เก่งกาจที่สุด…… ตอนที่จัดการกับบุคคลไร้ความสามารถเหล่านี้ ไม่มีทางเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด
“เขามาแล้ว” หัวหน้ากลุ่มพูดถึงร่างๆ หนึ่ง ชั้นสองของคฤหาสน์ มีร่างของคนหนึ่งหนึ่ง กระโดดออกมาจากหน้าต่าง!
ม่านตาของไอรีนหดเล็กลง……ร่างๆ นี้ ช่างคุ้นเคยมาก!
“ปึง! ”
จู่ๆ บนพื้นที่สั่นสะเทือนจะทำให้เกิดรอยแตก บนพื้นหญ้าที่เขียวสด จึงมีหลุมขนาดใหญ่อันหนึ่งปรากฏ!
เรือนร่างของคนๆ นั้นยืนอยู่บนพื้นหญ้า แล้วมองไปยังหัวหน้ากลุ่มและไอรีนที่อยู่ไกลๆ สีหน้าดูเลือดเย็นชาขึ้นมาทันที เหมือนเป็นสายตาของสัตว์ดุร้าย!
“แก เป็นใครกันแน่! ” หัวหน้าเดินไปหาร่างๆ นั้นด้วยก้าวแรงๆ ……ทุกๆ ก้าว ทำให้พื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย เหมือนกำลังแผ่นดินไหว!
และร่างๆ นั้นกลับเงียบไม่พูดไม่จา ไม่เพียงแต่มองหัวหน้ากลุ่มอย่างเลือดเย็น เหมือนสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งที่นอนหลับเป็นเวลานาน! และเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเวลา!
หน่วยสืบราชการลับแต่ละคนก็ได้ล้อมรอบร่างๆ นั้นไว้อย่างไม่รู้ตัว และกำลังเริ่มแผนสังหาร
“ไม่ต้องปิดบังอะไรหรอก แกเป็นใคร พวกเราต่างก็รู้แล้ว” หัวหน้ากลุ่มพูดด้วยเสียงเย็นชา
“งั้นทำไมพวกแกถึงต้องปิดบังอีก ให้ฉันร่วมมือกับพวกแก? ” ร่างๆ นั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เหมือนส่งมาจากนรก
ไอรีนทำสีหน้าที่เย็นชา นี่……จะเอาชนะกลับหรอ?
“ฉันดูแก…..เหมือนจะคุ้นๆ หน่อย” ดวงตาคู่นั้นมองตากัน หัวหน้ากลุ่มจึงค่อยๆ พูดถึงร่างๆ นั้น
“แก……เหมือนคนคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก”
ร่างๆ นั้นมองหัวหน้ากลุ่ม แล้วเอ่ยพูด น้ำเสียงแหบพร่า “แกก็เหมือนคนคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก เป็นไอ้ขี้แพ้”
หัวหน้ากลุ่มทำนัยน์ตาที่เลือดเย็น เท้าข้างหนึ่งก้าวไวเหมือนฟ้าแลบ แล้วเขวี้ยงหมัดๆ เดียวออกไป!