สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 185
บทที่185 ตระกูลทอง!
ซานปิ่ญที่ติดอยู่บนผนังห้อง ลักษณะในเวลานี้ย่ำแย่แค่ไหนก็ย่ำแย่แค่นั้น ไม่มีลักษณะท่าทางน่าเกรงขามแบบก่อนหน้าสักนิด
ใบหน้างดงามของถังโหรวไร้ชีวิต เธอได้ยินเพียงเสียงกระหึ่มที่สนั่นแก้วหูทีหนึ่ง ทำไมซานปิ่ญถึงถูกฝังเข้าในผนังแล้ว
ถังโหรวมึนงงอย่างมาก บนหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ไม่เป็นไรแล้ว” ในเวลานี้เสียงซื่อๆ ที่คุ้นเคยลอยมาจากด้านข้าง ถังโหรวได้ยินเสียงนี้เข้า ทำให้ใจสงบอย่างน่าประหลาด
ถังโหรวหันหน้า มองเห็นหน้าที่คุ้นเคยใบหนึ่งสะท้อนเข้าม่านตา เวลานี้กำลังมองเธอด้วยความรู้สึกผิด
“นายมาได้ยังไงกัน?” ถังโหรวหน้าตามึนงง ส่วนเฉินเป่ยโค้งตัวกล่าวขอโทษแบบเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “มาไม่ทันช่วยเธอเป็นความผิดของฉัน……ถังโหรว ครั้งต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเด็ดขาด”
ถังโหรวมองเฉินเป่ยขอโทษแบบแข็งค้าง ชั่วขณะนั้นความโกรธภายในใจหายไปครึ่งใหญ่
“ไม่เป็นไร นี่ไม่โทษนาย เป็นฉันเองที่เอาแต่ใจไป” ถังโหรวส่ายหน้า บังร่างกายอ่อนช้อยของตนเองไว้ เวลานี้เธอเกือบไม่ได้ใส่อะไรสักนิด ร่างกายงดงามทุกที่สมบูรณ์แบบเซ็กซี่
ขอเพียงสายตาของเฉินเป่ยลดลงกว่านี้อีก ก็สามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นบางอย่าง
ชั่วแวบเดียวเฉินเป่ยเข้าใจขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ถอดเสื้อคลุมของตนเองออก คลุมบนร่างงดงามของถังโหรวไปเบาๆ ปิดบังรูปร่างที่สมบูรณ์แบบน่าดึงดูดนั้นของถังโหรวไว้
และท่านโจวที่ยืนหน้าประตูห้อง หมุนตัวไปอย่างรู้ดี เดินออกจากห้องแล้ว
เสียงที่เบาพลิ้วแต่กลับลุ่มลึกอย่างยิ่งสะท้อนในหูของชายชุดดำเหล่านี้ “ใครมองอีก ฉันจะควักลูกตาคนนั้นทิ้ง!”
ภายในใจชายชุดดำมากมายสั่นสะเทือน รีบหดสายตากลับมาทันที ตามท่านโจวไป ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องแล้ว
“ไอ้โง่เง่า!”
ซานปิ่ญที่ติดอยู่บนผนังห้องตะคอกเสียงดุ ทันใดนั้นหลุดออกจากผนังห้อง ล้มลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม
“ขี้โรคแห่งเอเชีย……หาที่ตายซะแล้ว!” ซานปิ่ญใช้ร่างกายที่สั่นเทาปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองทางเฉินเป่ยและถังโหรว ซึ่งมีแรงอาฆาตหนาวเย็นที่เปิดโล่ง
ซานปิ่ญหงุดหงิดอับอาย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันหนึ่งที่ถูกคนหัวเซี่ยคนหนึ่งมาตีจนพ่าย
นี่คือความอัปยศอดสูยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เป็นจุดด่างพร้อยในประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง
ผลปรากฏว่าแม้แต่มองเฉินเป่ยยังไม่มองเขาสักนิด ราวกับไม่สนใจเขาคนนี้เลย
ซานปิ่ญค่อยๆ ก้าวไปทางเฉินเป่ย……พื้นสั่นสะเทือนแตกร้าว……ร่างกายซานปิ่ญสั่นเทา ท่วงท่าทั้งตัวปีนขึ้นไม่หยุด เสียงเย็นชาไร้ที่เปรียบพ่นออกมาจากร่องฟันของเขาทีละคำทีละประโยค สะท้อนภายในห้อง
“เมื่อก่อน……บรรพบุรุษของฉันยกทัพปราบปรามที่ป่าเถื่อนแห่งนี้ได้ก่อน……หัวเซี่ยถูกพวกฉันฆ่าจนตับปอดแตกกระจาย……ปัจจุบันนี้ หลายร้อยปีผ่านไป พวกแกต้องมีจุดจบเดียวกัน!” ซานปิ่ญค่อยๆ เอ่ยปาก แต่ละคำแต่ละประโยคแฝงไปด้วยแรงอาฆาตน่าหวาดหวั่น อารมณ์เร่าร้อนขึ้น
“ตายซะ……” ซานปิ่ญก้าวขาทั้งคู่ กลายร่างเหี้ยมโหดจู่โจมไปทางเฉินเป่ย ระดับความเร็วใกล้ถึงจุดสูงสุด ส่วนเฉินเป่ยยังอยู่ที่เดิม ได้แต่มองเห็นภาพเหี้ยมโหดของเขา!
“ไม่!” ถังโหรวส่งเสียงตกใจ ใบหน้าซีดเซียว เธอเคยเห็นฝีมือของซานปิ่ญ นั่นเป็นผู้สืบทอดคาราเต้สายตรงของประเทศตี้กั๋ว ความสามารถแข็งแกร่งจนน่ากลัว เดิมทีเฉินเป่ยไม่สามารถสู้ได้
เฉินเป่ยยังไม่หลบออกอีก นี่เท่ากับว่ารนหาที่ตายน่ะสิ
ส่วนเฉินเป่ยยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ยืนอยู่ที่เดิม มองทางซานปิ่ญด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ตอนที่ซานปิ่ญเข้ามาใกล้เฉินเป่ย ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยก็เปลี่ยนไป ยิงแรงอาฆาตที่สยดสยองเย็นเฉียบแบบหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา
เฉินเป่ยเอามือไพล่หลังขึ้นมา ชั่วขณะนั้นระเบิดแรงอาฆาตน่ากลัวมากพอที่จะทำให้บาดเจ็บปางตายได้ ทำให้ระดับความเร็วของซานปิ่ญอืดอาดฉับพลัน
ดวงตาซานปิ่ญหดตัว เผยท่าทางที่ยากจะเชื่อถือ เขาไม่อยากเชื่อว่ายังมีแรงอาฆาตที่น่าสยองขวัญขนาดนี้จากบนตัวของเฉินเป่ยได้!
“นั่นเป็นเมื่อก่อน!” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาราวฟ้าแลบ
ร่างกายของซานปิ่ญชะงักทันใด สีหน้าตื่นตะลึง ถอยหลังไปหลายสิบเมตร
คาดไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะรับหมัดนี้ของซานปิ่ญได้อย่างง่ายดายด้วยมือเดียว ต้องรู้ว่าหมัดนี้ของซานปิ่ญ พอที่จะทำให้รถยนต์บุบเปลี่ยนรูปได้เลย
ดวงตาของเฉินเป่ยเผยความเย็นยะเยือก……หลังจากจับหมัดของซานปิ่ญไว้ ดึงขาข้างหนึ่งมาอย่างดุเดือด โจมตีที่ท้องน้อยของซานปิ่ญแล้ว
“ตึง!”
เสียงดังสนั่นที่หดหู่ดังก้อง ซานปิ่ญกระแทกไปจนหน้าต่างแตก ก่อนจะตกลงฉับพลัน
พลังขาที่เฉินเป่ยส่งออกไปช่างสยองขวัญเหลือเกิน ซานปิ่ญราวกับระเบิดรูปคนลูกหนึ่ง ลอยออกไปด้วยความเร็วที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ซานปิ่ญกระแทกเข้าในกองขยะด้านล่างตึก ทันใดนั้นทั่วทั้งตัวหนาวจนขนลุกซู่!
เขาได้กลิ่นเหม็นลอยมาจากข้างกาย ทำให้หนังศีรษะชา เขาเป็นคนรักความสะอาดคนหนึ่ง แต่ในกองขยะนี้……เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้เขาใกล้จะอาเจียนของที่กินไปทั้งปีออกมาแล้ว
สำหรับผู้ที่รักความสะอาดนั้น นี่ยากจะรับได้ยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียอีก!
“ไอ้งั่ง!” ซานปิ่ญสั่นเทาไปทั้งตัว หนังศีรษะชา ในดวงตาทั้งคู่เผยความเดือดดาลที่ดุเดือดออกมา
ซานปิ่ญโมโหจนสั่นไปทั้งตัว ความเกลียดชังเต็มเปี่ยม
“เขาคงไม่ตายแล้วมั้ง?” ถังโหรวมองทางหน้าต่างอย่างตะลึง ถามด้วยความระมัดระวัง
“ยังไม่หรอก แต่ว่าใกล้แล้ว” เฉินเป่ยเอ่ยปากบอก
ใบหน้าถังโหรวแข็ง……ใกล้แล้ว หมายความว่าอะไร?
ภายใต้การควบคุมของถานกง ไม่นานพนักงานที่ตัวสั่นระริกคนหนึ่งส่งชุดสุภาพสตรีชุดหนึ่งเข้ามา ยื่นให้ถังโหรวนำไปเปลี่ยน
ถังโหรวเดินตามเฉินเป่ยออกมาจากห้อง มองเห็นทั้งผับเงียบสงัด ทุกที่ล้วนเป็นชายชุดดำที่ลาดตระเวนกลับไปกลับมา แขกแต่ละคนกำลังกอดศีรษะนั่งยองลงที่พื้นอย่างสั่นกลัว
พวกเขาเป็นเพียงแขกธรรมดาของผับ……ใครจะไปนึกว่าวันนี้จะเกิดเหตุกะทันหันแบบนี้ขึ้น หัวหน้าของถานกงมาด้วยตนเอง
เฉินเป่ยและถังโหรวเดินมาได้ไม่กี่ก้าว มองเห็นวัยรุ่นสองคนตรงหน้ายังอยู่ที่เดิม ท่าทางก้าวร้าว ส่วนท่านโจวขมวดคิ้วมองวัยรุ่นสองคน เห็นได้ชัดว่าไม่กล้าจะทำอะไรเต็มที่
“เป็นอะไรไป?” เฉินเป่ยถามก่อน ท่านโจวพูดด้วยความเคารพ “พวกเขา……ยุ่งยากนิดหน่อย……”
“ยุ่งยาก?” เฉินเป่ยกวาดสายตามองวัยรุ่นสองคนทีหนึ่ง และถังโหรวมองเห็นวัยรุ่นสองคนนั้นเข้า ชั่วพริบตาเดียวใบหน้างดงามเผยความขุ่นเคืองที่หนาวเย็นออกมา ก้าวเท้าใหญ่ๆ เข้าไป ตบบนหน้าวัยรุ่นสองคนนั้นอย่างแรงไปคนละที
วัยรุ่นสองคนนี้ทำให้ถังโหรวเกิดความเดือดดาลในใจ เป็นเพราะพวกเขา……ถังโหรวถึงได้ตกมาอยู่ในสภาพขั้นนี้ได้
หลังโดนถังโหรวตบหน้าไปทีหนึ่ง วัยรุ่นสองคนมึนงงไปก่อน แต่หลังมีการตอบสนองเข้ามา ชั่วขณะนั้นก็หัวเราะเยาะพลางพูดว่า “โอ้ นี่ใครกันนะ? ท่านซานปิ่ญปรนนิบัติเธอเสร็จไวขนาดนี้เลยเหรอ?”
วัยรุ่นสองคนจ้องมองถังโหรวอยู่ เดิมทีไม่ได้เห็นผู้คนอยู่ในสายตา ไม่สนใจเลย เย้ยหยันแบบกำเริบเสิบสาน
“พวกนาย……” ถังโหรวโมโหแทบแย่ ภูเขาที่สูงตระหง่านขึ้นลงอย่างแรง ดวงตางดงามถลึงใส่วัยรุ่นสองคน เต็มไปด้วยความหมายที่แค้นเคือง
พอเธอได้ยินคำหยอกล้อของวัยรุ่นสองคนนี้เข้า ยิ่งเกลียดจนมันเขี้ยว!
และในเวลานี้ มีภาพคนก้าวออกมาราวกับฟ้าแลบจากด้านข้างถังโหรว โบกฝ่ามือออกมาทีหนึ่ง ความเร็วไวราวกับฟ้าแลบ ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนไม่มีการตอบสนองเข้ามา
“ปัง!”
เสียงตบหน้าสองทีที่กังวานดังขึ้น วัยรุ่นสองคนโดนตบจนหมุนวนอย่างบ้าคลั่งกลางอากาศไปสามร้อยหกสิบองศา สุดท้ายภายใต้การจ้องมองอย่างตกตะลึงของผู้คน ล้มลงบนพื้นเสียงสนั่น พ่นฟันหลายซี่ที่เปื้อนเลือดออกมาด้วย
“แม่งเอ๊ย แกคิดว่าเก่งมาจากไหน กล้ามาตบพวกฉัน! ตาหมาของแกบอดรึไง!” วัยรุ่นตัวสั่นเทา ปีนขึ้นอย่างลำบาก มองทางเฉินเป่ยก่อนจะตวาดด้วยความโมโห
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบเฉย “ตีจนตายให้ฉันด้วย”
“ครับ” ท่านโจวตอบรับจากด้านข้าง ชั่วพริบตาเดียวชายชุดดำกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลก็พุ่งขึ้นมา ล้อมวัยรุ่นสองคนไว้
“หยุดเลย……พวกแกรู้มั้ยว่าพวกฉันเป็นใคร! กล้าตีพวกฉันเหรอ!” วัยรุ่นคนหนึ่งในนั้นกัดฟันตะโกน “พวกฉันเป็นคนของตระกูลทอง!”
ซ่า!
ถังโหรวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย และท่านโจวขมวดคิ้วแน่นแบบลึกล้ำยิ่งขึ้น
“เหมือนว่าพวกเราจะเตะโดนเข้าแผ่นเหล็กซะแล้ว” ถังโหรวกดเสียงต่ำลง พูดไปเบาๆ
เฉินเป่ยขยับสีหน้า “สี่ตระกูลทองของเมืองหู้ไห่……ร้อยปีก่อน ร่วมควบคุมเมืองหู้ไห่ด้วยกัน ถึงแม้ตอนนี้จะดำเนินการธรรมดาลง แต่ตระกูลมากมายที่เมืองหู้ไห่ล้วนควบคุมอยู่ในมือของพวกเขา……เป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นที่ชื่อเสียงสมจริง!”
ถังโหรวพูดเสียงต่ำ “ปู่ฉันบอกฉันว่าผู้ยิ่งใหญ่กดผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นไม่อยู่ ถึงแม้จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีระดับสูงที่เยี่ยนจิง แต่ที่เมืองหู้ไห่ก็ยังไม่กล้าผิดใจกับตระกูลทองของหู้ไห่เอาง่ายๆ!”
“เพราะยุคที่มีสี่ตระกูลทองอยู่ เป็นยุคที่สถานการณ์เปลี่ยนผัน เคยรุ่งเรืองถึงขั้นสุด จนถึงตอนนี้ก็เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่คนปกติไม่มีทางจินตนาการได้!”
“คาดไม่ถึงว่าลูกผู้ดีมีเงินสองคนนี้จะเป็นคนของตระกูลหวง?” ใบหน้างดงามของถังโหรวซีดขาว บ่นกับตนเอง
วัยรุ่นหนึ่งในนั้นยิ้มเยาะบอก “ดีที่เธอยังรู้จัก ฉันคือหวงหรุงหลานชายของหวงเส้ากง……ตอนที่บรรพบุรุษของฉันหวงจินหรุงอยู่เมืองหู้ไห่มีอำนาจใหญ่เกินใคร พวกแกแม้แต่ลูกอ๊อดตัวเล็กๆก็ไม่ใช!”
วัยรุ่นสองคนจ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา พูดด้วยความยิ่งยโส “ตีฉันเหรอ? แกถือว่าเป็นตัวอะไรกัน แกคู่ควร?”
เวลานี้วัยรุ่นสองคนเดือดดาลขั้นสุดจนกำเริบเหิมเกริม แม้แต่ท่านโจวแห่งถานกงก็เลี่ยงที่จะแสดงตัวออกมา……เพราะตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาทำให้คนหวาดกลัวหมื่นเท่า
“ตอนนี้แกไสหัวเข้ามาเอง ตบหน้าตัวเองไป เรื่องนี้จะถือว่าผ่านไปแบบนี้ได้” วัยรุ่นสองคนยิ้มบอกอย่างแอบกลัว
“ไสหัวเข้ามา?” เฉินเป่ยหัวเราะหึๆ “พวกนายกลิ้งเข้ามาสิ ฉันสามารถทำให้พวกนายตายแบบดูดีสักหน่อยได้”
หลังจากนั้นเสียงของเฉินเป่ยเย็นลง “ตระกูลหวงแล้วยังไง ตอนนั้นหวงจินหรุงเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ของเมืองหู้ไห่ ดังเกริกก้องรุ่งโรจน์มาถึงปัจจุบัน……แต่พวกนายถือว่าเป็นอะไรกัน แม้แต่คน พวกนายยังเป็นไม่ได้ มากที่สุดก็เป็นได้แค่พังพอนเหลืองตัวหนึ่ง”
เสียงของเฉินเป่ยสั่นสะท้าน ทำให้ท่านโจวที่อยู่ด้านข้างตะลึงค้างไปด้วย มองทางเฉินเป่ย แววตาเผยแสงที่แปลกประหลาด
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบนิ่งไร้กังวล ทำให้ผู้คนโดยรอบนึกตำหนิอยู่ในใจ นี่คือการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลหวง!
“หาที่ตาย!” หวงหรุงสีหน้าดูแย่ พ่นเสียงหนึ่งออกไป
“ฉันว่าคนที่หาที่ตายน่าจะเป็นนายนะ จัดการให้ฉัน ใครลงมือเบาก็ไสหัวออกไปซะ!” เฉินเป่ยเอ่ยปากเย็นเฉียบ ราวกับดาบแหลมที่สั่นสะเทือนในที่ว่างเปล่า ชายชุดดำเหล่านั้นลงมือเต็มกำลังทันใด ชั่วขณะนั้นในผับ สะท้อนเสียงร้องโหยหวนของสองคนก้องไปทุกที่
พวกเขาทุกคนต่างคิดได้ ตนเองป่าวร้องชื่อของตระกูลหวงออกไปล้วนไม่มีประโยชน์!
เจ้าบ้านนอกคนนี้ไม่เข้าใจตระกูลหวงล่ะมั้ง!
วัยรุ่นสองคนโดนกระหน่ำตีอย่างคลุ้มคลั่ง ร้องโหยหวนไม่หยุด ทำให้ภายในใจผู้คนนับไม่ถ้วนที่ฟังอยู่ด้านข้างหนาวเย็น ได้ยินเสียงร้องย่ำแย่ อดไม่ไหวเกิดความเห็นใจ
“นี่……โหดเหี้ยมไปมั้ง?” ถังโหรวทนไม่ไหวหันหน้าหนีไปอีกทาง ภาพนี้……ทนดูไม่ได้
“พวกเขาคือคนเลวในหมู่คนเลว คู่ควรที่จะพูดถึงชื่อของหวงจินหรุงผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองหู้ไห่คนนี้เหรอ” เฉินเป่ยล้วงบุหรี่มามวนหนึ่ง พูดนิ่งๆ “ตีให้ฉันจนกว่าพวกเขาจะคุกเข่าก้มหัวขอโทษ”