สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 198
บทที่198 บุคคลลึกลับขององค์กรมังกร
“เป็นไปไม่ได้!”
หวงจ้านถลึงตามองเหรียญนี้อย่างตาไม่กะพริบ ชั่วขณะนั้นร้องตกใจ
ผู้กำกับปีนขึ้นมาอย่างซวนเซ หวงจ้านร่างกายสั่นเทา เขามองเหรียญนี้อยู่ ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปซับซ้อนแบบหาที่เปรียบไม่ได้
“เขายังบอกว่า……” ผู้กำกับพูดแบบสั่นไหว “ต่อไปให้ตระกูลหวงอยู่เฉยๆ หน่อย……”
หวงจ้านกัดฟัน แย่งเหรียญนี้เข้าไป เขาลูบไล้เหรียญนี้ ในใจผุดคลื่นยักษ์ขึ้น
“เขาจะมีอันนี้ได้ยังไง……” หวงจ้านอกสั่นขวัญหายไปหมด สับสนทำอะไรไม่ถูก เขาบีบเหรียญนี้เอาไว้ จิตใจสั่นระริก
สีหน้าของกำกับที่มองทางหวงจ้านเปลี่ยนแปลงรุนแรง ในใจสั่นสะเทือน ยากจะสงบใจ
ปฏิกิริยาของหวงจ้านเกินกว่าการคาดการณ์ของเขาไกลริบหรี่
หวงจ้านบีบเหรียญเอาไว้ ก้นกระแทกลงบนโซฟา หน้าหมดอาลัยตายอยาก หลังจากที่สีหน้าตกตะลึงค่อยๆ จางไปก็ถอนหายใจยาวๆ คล้ายในใจมีความกลัว สายตาเย็นชาลุ่มลึก “คิดเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เข้าใจมั้ย?”
“ครับ” ผู้กำกับสั่นไปทั้งตัว รีบพยักหน้าตอบรับ
หวงจ้านก้มหน้า จ้องเหรียญนี้ไว้แล้วลุกขึ้น หมุนตัวไม่นานก็หายไปจากหน้าประตูห้องทำงาน เหลือไว้เพียงคำพูดหนึ่งที่ดังก้องภายในห้องทำงาน ทำให้ผู้กำกับหัวใจเต้นแรง “ถ้าถูกใครคนไหนรู้เรื่องนี้เข้า ที่นี่จะกลายเป็นลานสุสาน”
ผ่านไปตั้งนาน หลังจากหวงจ้านออกไป ผู้กำกับถึงหายใจสะดวก หัวใจที่แขวนอยู่ที่ลำคอ เมื่อสักครู่เต้นสับสนบ้าคลั่ง เร็วถึงขั้นสุด
ผู้กำกับมองทางหน้าประตูห้องทำงานที่ว่างเปล่า ด้านหลังหนาวเย็นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ราวกับผ่านศึกใหญ่ที่อันตรายขั้นเป็นหรือตายเลย ทั้งตัวเสื่อมทรุดแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อสักครู่เขาเหมือนกำลังเต้นรำอยู่บนปลายมีดเหลือเกิน หากประมาทเลินเล่อสักนิด คงโดนหวงจ้านที่อารมณ์ที่ไม่แน่นอนและความคิดลึกล้ำฆ่าตายแน่
“ผู้กำกับ เฉินเป่ยหนีไปแล้ว”
ในเวลานี้ปรากฏร่างงดงามที่มีเสน่ห์มากอยู่หน้าประตูห้องทำงาน จากนั้นพุ่งเข้าห้องทำงานอย่างเร่งรีบ เอ่ยปากอย่างร้อนใจ
“พยุงฉันขึ้นไปก่อน” ผู้กำกับหายใจแรง พูดอย่างอ่อนแรง
เย่ชวงสีหน้าร้อนใจพุ่งเข้าห้องทำงาน พยุงผู้กำกับขึ้นมาแล้วนั่งลงบนโซฟา
“ผู้กำกับคะ ท่านถูกเฉินเป่ยทำร้ายเหรอ?” ท่าทางเย่ชวงเต็มไปด้วยความห่วงใย
ผู้กำกับส่ายหน้าอีกครั้ง เขาไม่มีแรงพูดอะไรแล้ว เหลือเพียงลมหายใจแรงๆ พยายามทำให้หัวใจที่เต้นคลุ้มคลั่งของตนเองสงบลง
ส่วนเย่ชวงเห็นผู้กำกับไม่ได้ปฏิเสธ สีหน้ายิ่งหนาวเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง ในใจมีไฟโกรธลุกไหม้โชติช่วง
เฉินเป่ยเจ้าคนเลวนี้ ชั่วขณะนั้นเย่ชวงตัดสินไปแล้วว่าเฉินเป่ยเป็นคนทำ เธอกัดริมฝีปากแดงไว้ ในดวงตางดงามยิงความแค้นเคืองเต็มเปี่ยมออกมา
หลังเฉินเป่ยหนีออกมาจากห้องขัง ก็พบท่าทางของผู้กำกับที่อ่อนแรงเข้า ลองเปลี่ยนเป็นใครต่างก็ผลักความรับผิดชอบทุกอย่างนี้ไปที่เฉินเป่ย
เย่ชวงแอบสาบานในใจว่าจะต้องจับเฉินเป่ยกลับมาดำเนินคดีแน่…..เธอไม่เคยเจอคนที่กำเริบเสิบสานเช่นนี้มาก่อน คาดไม่ถึงยังกล้าลงมือกับผู้กำกับ
“ผู้กำกับคะ คุณวางใจได้ ฉันจะจับเฉินเป่ยกลับมาดำเนินคดีให้ได้” เย่ชวงบอกไป
ผู้กำกับกลับส่ายหน้าไม่หยุด ถึงแม้เสียงยังเผยความอ่อนแออยู่ แต่น้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่อย่างยิ่ง “เรื่องนี้ ห้ามเธอยุ่งเกี่ยว”
เย่ชวงตะลึง แต่หลังรับรู้ถึงความหนักแน่นในน้ำเสียงผู้กำกับ จึงทำได้เพียงพยักหน้า “ค่ะ”
…………
หลังหวงจ้านเดินออกจากสถานีตำรวจก็เหมือนวิญญาณหายไป จากนั้นนั่งเข้ามาในรถยนต์
“ไปบ้านตระกูลหวง” เสียงของหวงจ้านแหบแห้ง ท่าทางที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ส่วนในบ้านตระกูลหวง หวงปิงและหวงหรุงมองสาวงามแต่ละคนที่ใส่ชุดกระโปรงยาวเต้นระบำพลิ้วไหว ผิวพรรณอมชมพูล่องลอยขึ้นลง ทำให้หวงหรุงแววตาเร่าร้อน จ้องสาวงามหนึ่งในนั้นอยู่ มุมปากมีความหมายหลงระเริงขึ้น
และในเวลานี้รถยนต์คันหนึ่งจอดที่หน้าประตูบ้านตระกูลหวง หวงจ้านรีบร้อนพุ่งเข้ามา
“อารอง” หวงหรุงมองเห็นหวงจ้าน สีหน้าดีใจ ไม่สนใจระบำของสาวงามชุดโบราณพวกนั้น กระตือรือร้นเข้าไปใกล้
“เป็นยังไงบ้าง เอาข่าวดีมาฝากพวกเราแล้วเหรอ?” หวงปิงยิ้มถามขึ้นก่อน
หวงจ้านไม่ได้เอ่ยปาก สีหน้าซีดขาว ในดวงตาประกายความซับซ้อนตื่นตระหนก
“มีอะไรเหรอ?” รอยยิ้มหวงปิงหดลง ท่าทางของหวงจ้านนี้ไม่เหมือนลักษณะที่มีข่าวดีสักนิดเดียว
หวงจ้านส่ายๆ หน้า ในใจขมขื่น “เขาโดนคนอื่นพาไปแล้ว”
ซู่!
ชั่วขณะนั้นหวงปิงและหวงหรุงสีหน้าเปลี่ยน หวงปิงสีหน้าเย็นชืด ขมวดคิ้วถามว่า “คนอื่น? ใคร?”
“ไม่รู้” หวงจ้านส่ายหน้า หวงหรุงตะลึง บอกว่า “อารอง ยังมีคนที่อาไม่รู้อีกเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่งหรอกเหรอ ทำไมถึงเกิดเรื่องเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้” หวงปิงสีหน้าเย็นยะเยือก เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ
“เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้าน……” หวงจ้านส่ายหน้า พูดเสียงค่อย
หวงจ้านล้วงเหรียญหนึ่งเหรียญออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้หวงปิง “พี่ดูว่าอันนี้คืออะไร?”
ตอนที่หวงปิงรับเหรียญมา ร่างกายสั่นทันใด กลายเป็นหิน นิ่งค้างอยู่ที่เดิม
หวงปิงส่งเสียงออกมาอย่างตกใจเกือบจะชั่วขณะนั้น “คือมัน”
หวงจ้านพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “เป็นคนนั้นที่พาเฉินเป่ยไปให้ผม……”
“นี่……” หวงปิงท่าทางตื่นตกใจ ในดวงตาเผยความยากจะเชื่อออกมา ลมหายใจของเขาไม่เป็นจังหวะขึ้นมา ในใจได้รับการโจมตีอันรุนแรง
“พ่อ แค่เหรียญหนึ่งเท่านั้นเอง พวกพ่อต้องมีปฏิกิริยามากขนาดนั้นกันด้วยเหรอ?” หวงหรุงทำหน้าเฉยชามองหวงจ้านกับหวงปิง บทสนทนาของพวกเขาสองคนเมื่อสักครู่นี้ ทำให้หวงหรุงเพิกเฉยมาก
“นี่ไม่ใช่แค่เหรียญเดียว……” หวงปิงค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงสั่นเครือ “นี่คือสัญลักษณ์ของท่านนั้นในองค์กรมังกรแห่งเยี่ยนจิงในตอนนั้น”
หวงจ้านพยักหน้า เอ่ยปากช้าๆ “ว่ากันว่าในองค์กรลับเฉพาะ มีกลุ่มเล็กลึกลับกลุ่มหนึ่ง รวบรวมบุคคลลับเฉพาะที่ดีเยี่ยมขั้นสุดในองค์กรลับเฉพาะไว้……ยิ่งมีผู้นำในตำนานท่านหนึ่ง ราบรื่นไปหมดทุกอย่าง แต่ละครั้งล้วนสามารถทำให้บุคคลที่ไม่อาจจัดการได้เหล่านั้น ถูกจัดการได้อย่างราบรื่น”
“บุคคลยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกฉันว่าองค์กรเล็กนั้นมีชื่อเรียกหนึ่งว่า—มังกร”
“นี่เป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา” หวงจ้านมองทางเหรียญนั้น สีหน้าหนักหน่วง
หวงหรุงรับเหรียญนั้นมา เห็นเพียงบนเหรียญแกะสลักสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งไว้ นั่นคือมังกรที่สุดแห่งยุค อยู่บนเหรียญ ราวกับมีชีวิต ราวกับจะกระโดดออกมาจากในเหรียญได้ทุกเวลา
“นั่นคือกลุ่มเล็กที่ดำเนินการอย่างบ้าระห่ำก้าวร้าว ทุกครั้งที่ทำเรื่องเสร็จ ต่างจะทิ้งเหรียญแบบนี้เอาไว้ในเหตุการณ์” หวงจ้านชะงัก “แต่ต่อมาหลายปีก่อนผู้ลึกลับท่านนั้นหายตัวไป ก็ไม่เคยได้เห็นเหรียญนี้ตั้งนานแล้ว……”
“นึกไม่ถึงว่าเขายังปรากฏตัวตรงหน้าพวกเรา” หวงปิงจ้องเหรียญตาไม่กะพริบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์
“เขาปรากฏตัวแล้ว……” หวงจ้านพึมพำ สีหน้าหนักหน่วง
ส่วนหวงปิงสีหน้าซีดเซียว เผยความยากจะเชื่อ……เดิมทีพวกเขานึกไม่ถึงว่าพวกเขาเพียงแค่อยากเอาลูกเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลหลีมาเชือด จะกระตุ้นการปรากฏตัวของบุคคลที่สุดแห่งยุคท่านนี้ได้
“ไปค้นหาให้ละเอียด รอบข้างเฉินเป่ย สรุปแล้วมีบุคคลไม่ธรรมดาบ้างหรือไม่” หวงปิงเรียกลูกน้องคนหนึ่งมา สั่งการเสียงดุ
“เขากับเฉินเป่ยก่อนหน้านี้……สรุปมีความเกี่ยวข้องอะไร” หวงจ้านพึมพำ ขมวดคิ้วแน่น
“รายงานกับท่านผู้อาวุโสก่อนเถอะ ถ้าเป็นการแจ้งเตือนของเขาจริง……ช่วงเวลานี้ตระกูลหวงต้องเคลื่อนไหวให้ธรรมดาลงจริงๆ ……” หวงจ้านพูดขึ้น
…………
ในห้องสูทของโรงแรม ไอรีนมองทางภาพด้านหลังของหลีเช่าหงยืนนิ่งสงบอยู่ตรงหน้า
“ตระกูลหวงลักพาตัวเขาไปแล้ว?” หลีเช่าหงถามขึ้น
“ว่าตามคำบอกเล่าของผู้คนโดยรอบ น่าจะเป็นตระกูลหวงค่ะ” ไอรีนตอบ “ฉันกลัวสถานะถูกเปิดเผย ดังนั้นเลยหลบขึ้นมาก่อน”
หลีเช่าหงพยักหน้า พูดชมเชย “ที่เธอทำก็ถูกแล้ว หลังจากที่หัวหน้าองค์กรลุกจากเตียงไม่ขึ้น ฉันก็เหมือนเสียแขนไปข้างหนึ่ง ตอนนี้เหลือเพียงเธอแล้ว เธอจะเปิดเผยตัวไม่ได้เด็ดขาด เธอจะเป็นมีดคมที่ฉันใช้เสียบหน้าอกเฉินเป่ย”
ในเวลานี้ มือถือของไอรีนดังขึ้นทันที
หลังจากไอรีนรับสาย รอวางโทรศัพท์ลง สีหน้าก็แปลกไป “เฉินเป่ยโดนคนประกันตัวออกจากสถานีตำรวจไปแล้วค่ะ”
“ประกันตัว ใคร?” หลีเช่าหงตะลึงไปก่อน ชั่วขณะหนึ่งแววตาเปลี่ยนมาแหลมคม
หลีเช่าหงกวาดตามองมือถือทีหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยน พูดเสียงเย็น “ขยายมันให้ใหญ่ขึ้น”
ไอรีนขยายรูปภาพใหญ่ เดิมทีรูปภาพเลือนราง หลังขยายใหญ่ก็ได้แต่มองรูปร่างชัดเจน แต่ใบหน้ากลับมองไม่ชัด
แต่หลังจากหลีเช่าหงมองเห็นภาพนี้ หน้าราวกับน้ำค้างแข็ง สีหน้าเปลี่ยนไปซับซ้อนขึ้นมา
“เขานั่นเอง” พอมองหลีเช่าหงก็จำคนใส่สูทที่นั่งอยู่บนโรลส์-รอยซ์ที่ขับออกมาคนนั้นได้
คนคนนี้เคยเฉิดฉายสง่าที่งานเลี้ยงการกุศล ทำให้การปรากฏตัวครั้งแรกที่เมืองหู้ไห่ของเขาขายขี้หน้าไป
หลังจากนั้นเขาทุ่มกำลังค้นหา ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่ได้อะไรสักอย่าง
คุณจางที่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงการกุศลคนนี้ ราวกับเป็นวิญญาณดวงหนึ่งที่หัวเซี่ย เครือข่ายของหลีเช่าหงยิ่งใหญ่มาก แต่ข้อมูลข่าวคราวที่เกี่ยวกับเขากลับน้อยนิด
และตอนนี้เฉินเป่ยถูกเขาประกันตัวไปแล้ว
สองคนนี้……สรุปมีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่?
หลีเช่าหงสีหน้าลุ่มลึกดุเดือด ยิ่งซับซ้อนขึ้น…..เมื่อก่อนเขามั่นใจว่าตนเองคำนวณไม่มีพลาด แต่ไม่รู้ตัว ว่าตนเองกลับกลายมาเป็นเหมือนคนตาบอด สำหรับเฉินเป่ย เขาแทบไม่รู้อะไรเลยสักนิด
แต่เฉินเป่ยสัมผัสเขาหลายครั้งแล้ว แพ้อย่างอนาถมาก
“ดำเนินการภารกิจต่อไป” หลีเช่าหงครุ่นคิดแวบหนึ่ง พูดขึ้น
หลังจากไอรีนเดินออกจากห้อง หลีเช่าหงมองทางนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นจากขอบฟ้า ฉีกทลายความมืด แสงสีทองสาดส่องทั่วทั้งเมือง คล้ายกับถูกลำแสงสีทองชั้นหนึ่งคลุมไว้
นั่นคือภาพทิวทัศน์ที่งดงามที่ทำให้หลีเช่าหงอารมณ์ผ่อนคลายไม่น้อย พูดพึมพำเสียงต่ำ “เฉินเป่ย นายไม่อาจจะหนีเงื้อมมือของฉันไปได้”