สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 20
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 20 ชี้นิ้วสั่งการส่งเดช
หลีชิงเยียน ไม่ได้คิดว่า เฉินเป่ยจะมาอยู่ที่นี่ด้วย ไอ้หมอนี่ มักจะมาโดยไม่ได้รับเชิญ
“ประธานหลี คุณเกิดอะไรขึ้น?” เฉินเป่ย รีบวิ่งไปตรงหน้า หลีชิงเยียน ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่ หลีชิงเยียนมองอย่างไม่เฉื่อยชา และพูดกับ ซูเหลยว่า “ไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้”
“ได้”
ซูเหลยตอบกลับ มองไปที่ เฉินเป่ย “เชิญออกไป”
“ประธานหลี ฉัน……” เฉินเป่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกสายตาที่งดงามของ หลีชิงเยียน จ้องเขม็ง ด่าด้วยเสียเย็นชา “ยังจะอยู่ที่นี่ทำอะไร ให้ฉันอับอายขายหน้าหรือ?”
เฉินเป่ยจนใจ ได้เพียงไปรอที่ประตูห้องส่วนตัว
หลีชิงเยียน เล่นโทรศัพท์ในมือ ดวงตาจ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ ตกอยู่ในภวังค์……เธอมักจะมีความรู้สึกลึกๆว่า ตั้งแต่จากการลอบสังหารที่หน้าประตู อาคารอาคารตระกูลหลี ก็เหมือนว่ามีคนแอบช่วยเธออยู่ในที่ลับ
บุคคลลึกลับนั่น รู้แม้กระทั่งหมายเลขห้องของโรงแรม แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบุคคลลึกลับเลย
บุคคลลึกลับคนนั้น คือใครกันแน่ ทำไมถึงช่วยเธอตลอด? หรือว่าตัวเองรู้จัก?
หลีชิงเยียน ขมวดคิ้วมุ่น เธอคิดไม่ออก ที่หน้าจอโทรศัพท์แสดง คือหมายเลขที่ไม่รู้จัก แม้แต่แหล่งที่มา เธอยังไม่สามารถหาได้
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในสมองของหลีชิงเยียน ปรากฏใบหน้าที่กะล่อนปลิ้นปล้อน ยิ้มหน้าทะเล้น ซึ่งทำให้ใบหน้าที่สวยงามของ หลีชิงเยียน ชะงัก
ในใจของ หลีชิงเยียนเกิดความคิดที่แปลกประหลาด เป็นคนเหมือนกัน ทำไมคนลึกลับคนนั้น กับไอ้สารเลวคนนี้ ถึงได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น?”
ความแตกต่างระหว่างทั้งสอง แตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
คนหนึ่งคอยช่วยเหลือเธออย่างลับๆตลอด แต่อีกคนหนึ่ง กลับสร้างปัญหาให้เธอไม่หยุด มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ!
คนประเภทนี้ เมื่ออยู่ในสังคม ก็เป็นคนที่ทำลายสังคมเหมือนกัน
เมื่อหลีชิงเยียน คลุมเสื้อโค้ทไว้ เดินออกจากห้องส่วนตัว เฉินเป่ย ที่รออยู่หน้าประตูห้องส่วนตัว ก็รีบเข้าไปข้างหน้า พูดด้วยท่าทางกังวล “ประธานหลี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“นายไม่ต้องยุ่ง” หลีชิงเยียนตอบอย่างเย็นชา ตอนนี้เธอ ต้องการขับไล่ เฉินเป่ย ออกไปทุกช่วงเวลา อยู่ห่างไกลตัวเองยิ่งเท่าไหร่ก็ยิ่งดี’”
ไอ้หมอนี่ ทุกครั้งในช่วงเวลาที่สำคัญ มักจะถามสารทุกข์สุกดิบ เอาอกเอาใจตอนเรื่องจบ ทำให้ หลีชิงเยียน รู้สึกไม่น่ารังเกียจยิ่งนัก
“ประธานหลี นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ดวงตาของ เฉินเป่ย เยือกเย็น โกรธเกรี้ยว แต่ไม่มีใครสามารถสังเกตได้ ส่วนลึกในดวงตาของเขา นิ่งสงบมาก
“เกิดอะไรขึ้น…… นายดูด้วยตาตัวเองไม่เหรอ?” หลีชิงเยียนยิ้มเยาะ ส่วน ซูเหลยที่อยู่ข้างๆ มองไปที่เฉินเป่ย หรี่ตาลง ไอ้หมอนี่ ทำให้ ซูเหลยดูแล้วไม่สบอารมณ์มากเหมือนกัน
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน รอบหนึ่ง เสื้อผ้าของ หลีชิงเยียนถูกฉีกขาดเป็นเศษผ้าชิ้นเล็ก ทั้งเนื้อทั้งตัว มีเพียงลูกไม้บางๆ ที่ห่อหุ้มร่างกายไว้ ผิวขาวราวกับหิมะบริเวณกว้าง…… ขายาวที่กระชับนุ่มละมุน แค่มองแวบเดียว ก็ทำให้คนใจเต้นตึกตัก!
สายตาของเฉินเป่ย เลื่อนลงไปตามกระดูกไหปลาร้าที่เซ็กซี่ ผ่านยอดปทุมที่สูงตระหง่าน น่าหลงใหล…… และยังมีเอวบางนั่น……
เฉินเป่ยยิ่งดูยิ่งหลงใหล แทบจะเอาลูกตา แนบติดบนเรือนร่างที่เซ็กซี่ของหลีชิงเยียน……
“มองอะไรกัน!” หลีชิงเยียน เหลืออดจริงๆ เมื่อมองไอ้หมอนี่จ้องมองตัวเองด้วยสายตาทะลึ่ง เกือบจะบ้าคลั่ง!
เฉินเป่ยตั้งสติกลับมาได้ รีบยิ้มขึ้นเบาๆ “ประธานหลี ฉันอยากดูว่าคุณได้บาดเจ็บหรือเปล่า”
“ประธานหลี คุณไต้ล่ะ? “ เฉินเป่ย ถามขึ้น
“ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว” หลีชิงเยียน อย่างเย็นชา
ทันทีที่สิ้นเสียงลง ทันใดนั้น ที่ปลายสุดของทางเดิน ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน จนกระทั่งเข้าใกล้ จึงได้ค่อยๆชะลอตัวลง
หลีชิงเยียน หันหน้า เห็นไต้ห้าวหนานที่สภาพย่ำแย่และตื่นตระหนก ได้เดินเข้ามา
“คุณไต้?” หลีชิงเยียนชะงัก สภาพของ ไต้ห้าวหนานในขณะนี้ พูดได้ว่าย่ำแย่สุดขีด……ใบหน้าบวมเขียวฟกช้ำ ในมือถูกทำแผลด้วยผ้ากอซ และมีร่องรอยของเลือด
เฉินเป่ย มองไปที่ ไต้ห้าวหนาน ส่วนลึกในแววตา พาดผ่านไอเยือกเย็น ซึ่งก็คือไอ้หมอนี่ ที่ทำให้ หลีชิงเยียนตกอยู่ในอันตราย!
“ชิงเยียน ฉันถูกโอนลอบทำร้ายแล้ว” ไต้ห้าวหนานชะลอตัวลง มองไปที่ หลีชิงเยียน พูดขึ้นเสียงแหบ
“คุณถูกคนลอบทำร้าย” หลีชิงเยียนมองไปที่ ไต้ห้าวหนาน ขมวดคิ้วมุ่น “ใครลอบทำร้ายคุณ?”
“ไม่แน่ใจ พวกนักเลงอันธพาลที่ถือท่อเหล็กไว้” ไต้ห้าวหนานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น
“นักเลง อันธพาล?” หลีชิงเยียนถึงได้วางใจลง ความสงสัยที่มีต่อไต้ห้าวหนานหายไปในทันที
“คุณเป็นอะไรไหม?” หลีชิงเยียน ก้าวไปข้างหน้า ตรวจดูอาการบาดเจ็บของไต้ห้าวหนานอย่างละเอียด
“ฉันไม่เป็นไร …… คุณ……” ไต้ห้าวหนาน กวาดมองหลีชิงเยียน ก็โกรธเกี้ยวขึ้นมาในทันที “ไอ้สารเลวพวกนั้น กล้าทำกับคุณ……”
เมื่อสายตาของ ไต้ห้าวหนานกวาดมองไปตามร่างกายที่เซ็กซี่มีส่วนโค้งส่วนเว้า มีร่องรอยของความเร่าร้อน ซึ่งคนอื่นยากที่จะสังเกตได้
แม้แต่ซูเหลยก็สังเกตไม่เห็น มีเพียง เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเท่านั้น มุมปากยกโค้งขึ้น
“เอาล่ะ แจ้งตำรวจก่อนเถอะ” หลีชิงเยียน พูดขึ้น เหลือบมองเฉินเป่ย เสี้ยวความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อ เฉินเป่ย ก่อนหน้านี้ จางหายไปหมด
“ได้เลย” เฉินเป่ย หยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากโทรแจ้งตำรวจเสร็จ หลีชิงเยียนก็รับสั่งอีกครั้ง “ไปที่ท้ายรถ หยิบเสื้อผ้าสำรองมาให้ฉัน”
“เมื่อเฉินเป่ยหยิบเสื้อผ้ามา หลังจากที่หลีชิงเยียน เปลี่ยนเสร็จ หลีชิงเยียน มองไปที่ ไต้ห้าวหนาน พูดอย่างไพเราะมีพลัง “คุณไต้ วันนี้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ไม่สามารถพูดคุยได้อีกต่อไปแน่นอน พรุ่งนี้เราเจอกันที่บริษัทแล้วกัน”
จากนั้น หลีชิงเยียนหันกลับ เดินไปที่ประตูโรงแรม
ไต้ห้าวหนานเฝ้าดูเงาที่สวยงามของ หลีชิงเยียน ค่อยๆจางหายไป มุมปากยกส่วนโค้งที่ลึกซึ้ง
“คุณไต้ เราจะทำยังไงต่อไป?” ลูกน้องคนหนึ่ง เดินออกจากห้อง
“ถึงว่าไม่ได้เลวมาก การเสียสละเพียงเล็กน้อย สามารถได้รับความไว้วางใจของเธอ ก็ไม่เลวเลย” ไต้ห้าวหนาน พูดอย่างเย็นชา เมื่อเขานึกถึง เฉินเป่ยที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเยาะอย่างดูถูก เฉินเป่ย สามีที่ไร้ประโยชน์นี่ เมื่อกี้ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ต่อไปตอนที่ตัวเองเล่นผู้หญิงคนนั้นอย่างสาสม คาดว่าเขาก็คงไม่กล้าทำอะไรเลย!
ไต้ห้าวหนานถึงกับไม่สามารถเข้าใจ ตระกูลหลีได้ ถึงกับได้หาลูกเขยที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้แต่งเข้าบ้าน!
…………….
หลังจากที่ หลีชิงเยียน ได้เปลี่ยนชุดใหม่ เหยียบรองเท้าส้นสูงไว้ รีบเดินออกจากโรงแรม
เฉินเป่ย เดินตามอยู่หลังของ หลีชิงเยียน อย่างประจบ จนกระทั่งตอนที่พวกเขาเดินมาถึงที่รถ รถMaybach หลีชิงเยียน และ ซูเหลย นั่งเข้าไปรถ
เฉินเป่ยถึงได้พูดว่า “ประธานหลี เวลาไม่เช้าแล้ว หาแท็กซี่ไม่ได้ด้วย เอาฉันติดรถไปด้วย กลับบ้านด้วยกันนะ”
หลีชิงเยียน ในตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ใบหน้าเยือกเย็นชาราวกับน้ำค้าง ดวงตาที่สวยงามของเธอเงยหน้าขึ้น จ้องเขม็งเฉินเป่ย ด้วยไฟโกรธ “ตัวเองมายังไงก็กลับไปยังไง ขับรถ!”
ในพริบตา รถMaybachสตาร์ทด้วยเสียงคำราม หายไปในค่ำคืนที่มืดมน……
เฉินเป่ยยิ้มอย่าขมขื่น ได้เห็นรถตำรวจที่วิ่งมาจากทางไกล พร้อมกับเสียงร้องของไซเรน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่มีเลศนัย