สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 204
บทที่204 องค์กรมังกรของใคร!
ไอรีนไม่สามารถรู้ได้ ว่าชื่อขององค์กรมังกรที่มีอายุหลายปีนี้มีที่มาอย่างไร เป็นการตั้งชื่อตามตำนานของผู้ใด เป็นที่มาของการตั้งชื่อว่าหลง!
หลง เป็นบุคคลสำคัญหลักขององค์กรมังกร หากไม่มีเขา องค์กรมังกรก็จะสูญเสียจิตวิญญาณไป!
ไอรีนมองไปยังเฉินเป่ย ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถามออกไปด้วยสีหน้าสับสน “คุณ ยังรู้อะไรอีก”
เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมา “จำนวนโควตาขององค์กรมังกร ไม่ได้ถูกกำหนดคุณสมบัติโดยเขา…ใครก็ตามที่ต้องการเข้าองค์กรมังกร จะต้องสร้างคุณสมบัติให้ตัวเองเท่านั้น”
น้ำเสียงของเฉินเป่ยดูไม่แยแสอะไร แต่กลับเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจโต้แย้งได้ ทำให้ไอรีนจึงเลือกที่จะเชื่อเฉินเป่ยอย่างไม่รู้ตัว
“คุณกับองค์กรมังกร สรุปว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร…” ไอรีนถาม
เฉินเป่ยสูบบุหรี่ มองไปยังไอรีน ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย “คุณลองทายสิ พูดออกมาเดี๋ยวคุณจะตกใจ”
เฉินเป่ยพูดจบ ภายใต้การเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งของไอรีน จึงเอ่ยปากขึ้น “ให้โอกาสคุณอีกครั้ง อย่าทำงานให้เขาอีก แล้วรีบออกไปจากเมืองหู้ไห่ ไม่อย่างนั้น…”
ดวงตาของเฉินเป่ยคู่นั้นเปลี่ยนเป็นความเย็นชาทันที การสังหารที่เยือกเย็นและดุร้ายก็ได้ปรากฏขึ้นมา! ห่อหุ้มไปทั่วร่างของไอรีน ทำให้รูปร่างที่งดงามของเธอนั้นสั่นสะท้าน “ตาย!”
คำว่า “ตาย” คำนี้ของเฉินเป่ย มีเจตนาของการฆ่าที่รุนแรง ทำให้ดวงตาของไอรีน เผยให้เห็นความตกใจได้อย่างชัดเจน!
“ทั้งสองเส้นทางนี้ให้คุณเลือกแล้ว คุณเป็นคนเลือกเอง” เฉินเป่ยลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องส่วนตัว
“ปัง!”
ทันใดนั้นเสียงกระแทกของประตูห้องส่วนตัวก็ดังขึ้น หลังจากประตูปิด ไอรีนก็ยังนั่งอยู่บนเตียงสปริงที่อ่อนนุ่ม มองไปยังทิศทางที่เฉินเป่ยจากไป และตกอยู่ในความคิดฟุ้งซ่าน
หลังจากนั้นไม่นาน ไอรีนก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สวยงามของเธอก็เปล่งประกายอย่างแน่วแน่ ราวกับว่าเธอกำลังเลือกในสิ่งที่ยากลำบากได้
……………
อาคารตระกูลหลี ภายในสำนักงานประธานบริหาร
หลีชิงเยียนยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ราวกับรูปปั้นที่สวยงาม ลำแสงสีทองส่องออกมาจากหน้าต่าง สาดส่องกระทบใบหน้าที่ขาวละเอียดอ่อนของหลีชิงเยียน ราวกับทั่วทั้งร่างของเทพธิดาถูกปกคลุมด้วยรัศมีสีทอง ทั่วทั้งร่างมีเสน่ห์แพร่งพรายออกมาจากเทพธิดา
ในขณะเดียวกัน หลินเฉว่ก็ผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นแผ่นหลังอันงดงามของหลีชิงเยียน ใบหน้าที่สวยงามนั้นก็หยุดนิ่ง
ตอนที่เธอเข้ามาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน หลีชิงเยียนก็ยืนอยู่ตรงนั้น…ท่านประธานเทพธิดาผู้ประดุจนางฟ้ายืนนิ่งไม่ไหวติงมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว
“ประธานหลี” หลินเฉว่กล่าวเบา ๆ
หลีชิงเยียนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยดวงตาที่งดงามอย่างสงบ ค่อย ๆ พูด “ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว”
“หนึ่งชั่วโมงแล้ว” หลินเฉว่กล่าว
“พวกเขาสองคนไปกินข้าวตั้งนานแล้วยังกินไม่เสร็จอีกหรือ” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วทันที เธอไม่เชื่อว่าเฉินเป่ยจะมีเงินไปเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ให้ไอรีนได้…เธอไม่เข้าใจ ที่ไอรีนลดสถานะของตัวเองลง เพื่อไปกินข้าวเที่ยงกับเฉินเป่ย
“บางที ระยะทางอาจจะไกลก็ได้นะคะ” หลินเฉว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแก้ต่างให้เฉินเป่ย
“ติดต่อพวกเขาสองคน ถามว่าจะกลับกันมากี่โมง” หลีชิงเยียนพูดเบาๆ พร้อมกะพริบดวงตาอันงดงามของเธอ
หลินเฉว่พยักหน้า แต่หลังจากเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็กดโทรออก สักพักก็วางสายโทรศัพท์ ด้วยสีหน้าเก้อเขิน “ประธานหลี…เขาไม่รับสาย”
“ฉันรู้แล้ว” หลีชิงเยียนแสดงสีหน้าเย็นชา ผู้ชายคนนี้ ตอนนี้ปล่อยตัวตามใจตัวเองไปหมดแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!
หลีชิงเยียนได้ตัดสินใจแล้ว รอให้ผู้ชายคนนี้กลับมาก่อน ตนเองจะสั่งสอนให้เขาได้รู้ผลที่ตามมา!
ไม่ลงโทษเขาให้ดี ตนเองก็ไม่ใช่คนสกุลหลี!
ขณะที่หลีชิงเยียนกำลังคิดเช่นนี้อยู่นั้น เฉินเป่ยก็เดินออกจากโรงแรม แล้วโทรศัพท์
“ลูกพี่ มีอะไรหรือเปล่า” ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เป็นเสียงวัยรุ่นที่คุ้นหูก็ดังเข้ามาในหูของเฉินเป่ย
“ตอนนี้องค์กรมังกรยังเหลืออยู่กี่คน” เฉินเป่ยถาม
“คนเต็มแล้ว” ชิงเหนียนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ตกใจ “ลูกพี่ถามเรื่องนี้ทำไมหรือ”
“ช่วยผมบรรจุคนไปอีกสักคน” เฉินเป่ยพูด “นำคนที่อยู่ในองค์กร ที่ชื่อไอรีนเข้าไปด้วย”
“ลูกพี่นี่ไม่ใช่นิสัยของคุณเลยนะ” ชิงเหนียนตกใจ ราวกับว่าไม่คิดมาก่อนว่าเฉินเป่ยจะใช้วิธีการช่วยเหลือที่ไม่ตรงไปตรงมา
ในความทรงจำของชิงเหนียนคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เฉินเป่ยก็ไม่เคยหวั่นไหว
“ก็แค่พรสวรรค์” เฉินเป่ยดูเหมือนจะได้ยินเสียงหวือหวาของชิงเหนียน “ผมก็แค่ตกหลุมรักภรรยาของผม คุณอย่าไปคิดมากเลย”
“หลังจากเธอเข้ามาในองค์กรมังกรแล้ว ก็ใช้ระดับพื้นฐานสั่งสอนเธอ” เฉินเป่ยอธิบาย ทำให้ชิงเหนียนมีสติขึ้นในทันที กล่าวด้วยความประหลาดใจ “ลูกพี่ คุณคงไม่ได้คิดจะ…”
เฉินเป่ยพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “เธอเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี ถ้าผมสามารถใช้มันได้ ก็จะสามารถทำให้เธอค้นเจอตนเองที่เธอคิดไม่ถึงได้…แต่การทดสอบเธอ จะต้องเข้มงวดกว่านี้!”
เฉินเป่ยสั่งเสีย ชิงเหนียนจึงเสนอ “อย่างนั้นทำไมไม่ให้ผมไปต่างประเทศเพื่อหาเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้รับการเพาะและไม่มีพื้นฐานมาก่อนล่ะ”
“ไม่ได้ ฐานทัพเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ฉันไม่เชื่อใจใคร โดยเฉพาะคนต่างชาติพวกนั้น”
“อย่างนั้นคุณก็สามารถติดต่อกับองค์หญิงของยุโรปได้ เธอสนใจคุณมากไม่ใช่หรือ” ชิงเหนียนอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์พูดด้วยรอยยิ้มอย่างเงียบๆ และพูดออกไปอย่างมีความหมาย
เฉินเป่ยตะคอกอย่างเย็นชา “ช่วงนี้คันไม้คันมือ หรือว่าจะไปต่อยกันหน่อยดีไหม”
ชิงเหนียนเริ่มแข็งทื่อ ปากเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างขมขื่นในทันที “ใช่ๆๆ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“เพียงแต่ คุณไม่ได้บอกเธอหรือว่าองค์กรมังกรเป็นของคุณ” ชิงเหนียนนึกถึงคำถามนี้ขึ้นมาได้
หากว่าไอรีนอยู่ตรงนี้ และได้ยินบทสนทนาระหว่างเฉินเป่ยกับชิงเหนียน เธอจะต้องตะลึงจนตาค้างแน่นอน ไอรีนจะต้องไม่เชื่อเรื่องที่ชิงเหนียนพูดออกมาอย่างแน่นอน!
องค์กรมังกร….จริงๆ แล้วเป็นของเฉินเป่ย!
เธอพยายามอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบสถานะตัวตน แต่เธอไม่สามารถหาได้ว่าเป็นอย่างไร เฉินเป่ยก็ยิ่งไม่ต้องการเปิดเผยสถานะของตนเอง…เป็นเพราะเขารู้ดี เพียงแค่ให้ไอรีนพบเบาะแสใด ๆ เฉินเป่ยก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตราย!
มันยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ ว่าถ้าวันหนึ่งไอรีนรู้จักสถานะที่แท้จริงของเฉินเป่ย สีหน้าของเธอจะเยี่ยมยอดแค่ไหน!
เฉินเป่ยถอนหายใจ มองการสั่นของโทรศัพท์ที่ถือไว้ขึ้นมา ในดวงตาของเขามีความสับสนเล็กน้อย…
“ทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว” จากนั้นไม่นาน เฉินเป่ยก็เอ่ยปากอย่างเงียบ ๆ และเปลี่ยนเรื่อง
อย่างไรก็ตาม เฉินเป่ยก็ยังคงจำได้โดยไม่รู้ตัว…ตอนที่ทำงานรับใช้ชาติ เขาก็พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงวิกฤต ทำให้เขาไม่อาจลืมลงได้ และตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา
องค์กรมังกร…คำนี้ บ่งบอกถึงช่วงเวลาของความรุ่งโรจน์ที่เขามี…ส่งผลต่อบริบทของจำนวนมากน้อยของคน
เพียงแต่ตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับองค์กรมังกร ไม่ได้มีการติดต่อกันมานานแล้ว….กลุ่มเล็กๆ นั่นมีผู้นำคนใหม่มาคอยสั่งการแล้ว ตัวเองคงจะถูกใครหลายคนลืมไปแล้ว…
ชิงเหนียนถอนหายใจ ต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมของเฉินเป่ย “ต่างประเทศไม่สบายใจกว่าหรือ ลูกพี่ทุ่มเทให้องค์กรมังกรขนาดนี้ แต่สุดท้ายมันก็กลับเป็นแบบนี้!”
“มันเป็นเยงช่วงเวลา” เฉินเป่ยพูดเบาๆ ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร
แต่หัวใจของเฉินเป่ย หลับสั่นขึ้นเล็กน้อย สับสนอย่างเปรียบไม่ได้
……………
หลังจากแท็กซี่คันหนึ่งจอดลงข้างทาง เฉินเป่ยก็ก้าวออกจากรถ และเดินเข้าไปในอาคารตระกูลหลี
ทันทีที่เขาเปิดประตูและเดินเข้าไปห้องทำงาน สายตาของเฉินเป่ยก็ได้เห็นขาเรียวยาวคู่หนึ่งที่ขาวราวกับหยกยื่นออกมาจากโต๊ะในห้องทำงาน ขานั้นห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีเนื้อ…ดูมีเสน่ห์!
มุมปากของเฉินเป่ยกระตุกขึ้น เดินไปยังหน้าโต๊ะทำงาน จึงได้เห็นว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่สามารถจะปกปิดใบหน้าที่สวยงามนั้นได้เลย
แต่ความแตกต่างก็คือ ดวงตาที่งดงามนี้เปล่งประกายความเย็นชาออกมา จ้องมองมายังเขา ทำให้หัวใจของเฉินเป่ยเย็นยะเยือก
เฉินเป่ยบีบรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “เฮ้ ประธานหลี ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างมานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานผม”
หลีชิงเยียนกอดอกเอาไว้ “ได้ยินมาว่าคุณออกไปกินข้าวกับไอรีนมาหรือ”
“ประธานไอมาทำความร่วมมือกับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป การประชุมเมื่อกี้นี้ก็ทำให้เธอไม่พอใจ ผมก็เลยเชิญเธอไปทานข้าว เพื่อเป็นการขอโทษก็แค่นั้นเอง” เฉินเป่ยยิ้ม
หลีชิงเยียนกอดอกของเธอ หัวเราะอย่างเย็นชา “คุณก็รู้เรื่องที่คุณสร้างปัญหาเมื่อกี้นี้ด้วยหรือ แม้ว่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไม แต่คุณมีสิทธิอะไรมาเชิญเธอไปกินข้าว เรื่องการเชิญมันต้องเป็นฉันเชิญจึงจะถูกต้อง!”
เฉินเป่ยมองไปที่คำพูดอันก้าวร้าวของหลีชิงเยียน ก็ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็เกาหัว เผยรอยยิ้มลุ่มลึกออกมา “ชิงเยียน คุณ…หึงหรือ!”
หลีชิงเยียนถึงกับตะลึง จากนั้นใบหน้าที่งดงามก็แทนที่ด้วยสีแดงก่ำ คำพูดของเฉินเป่ยที่พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีปิดบังซ่อนเร้น เป็นการฉีกหน้าและยั่วยุเทพธิดาโดยตรง!
“บ้าไปแล้ว!” หลีชิงเยียนส่งเสียงเย็นชาออกไป มองไปยังเฉินเป่ยแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฉันมาที่นี่ เพื่อจะมาดูว่าคุณวางแผนจะขายสินค้าพวกนั้นอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนว่า คุณจะไม่ต้องการความช่วยเหลือ และฉันก็ไม่สมควรที่จะช่วยคุณ!”
หลังจากพูดจบหลีชิงเยียนก็รีบหันกลับ กระทืบส้นสูงที่สวยงามนั้น และรีบออกจากห้องสำนักงานไปอย่างเร่งรีบ ดูเหมือนจะไม่ต้องการอยู่ที่นี่กับเฉินเป่ย!
“ปัง!”
ประตูห้องทำงานของเฉินเป่ยถูกปิดลงอย่างแรง ใบหน้าที่งดงามของหลีชิงเยียนก็แดงระเรื่อ โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย แดงเหมือนสีแอปเปิ้ลสีแดงสุก!
หลีชิงเยียนมีใบหน้าที่ร้อนฉ่า และร้อนเป็นอย่างมาก ในใจของเธอเต้นแรง เมื่อครู่นี้ เธอรู้สึกตื่นตกใจ นั่นมันคือความกังวลใจที่ถูกเฉินเป่ยรู้ทัน!
…………
ในตอนเย็น ในร้านอาหารระดับมิชลิน หลีเช่าหงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ กำลังเพลิดเพลินอยู่กับดนตรีที่หรูหราในร้านสเต๊กคุณภาพชั้นเลิศ
ในขณะนี้ ชายคนหนึ่งในชุดสูทและรองเท้าหนังกำลังรีบก้าวไปข้างหน้า และกระซิบด้านข้างของหลีเช่าหง “คุณชายใหญ่ ไม่ดีแล้ว…มีเรื่องแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” หลีเช่าหงไม่ได้หยุดพัก ยังคงตักเนื้อวัวชิ้นหนึ่งเข้าปากอย่างต่อเนื่อง
“พวกเราคนเฝ้าดูตั้งแต่ที่ไอรีนและเฉินเป่ยเข้ามาในห้องส่วนตัวตั้งแต่เที่ยง ตลอดบ่ายไอรีนไม่ได้ออกจากห้องเลย แต่เฉินเป่ย กลับยังมีชีวิตรอดและหนีออกไป…” ลูกน้องพูดอย่างเคารพ ทำให้หลีเช่าหงถือมีดไว้ในมือ หยุดนิ่งไปชั่วครู่ หลีเช่าหงกะพริบตา “แล้วเธอล่ะ”
“ตอนที่พวกเราไปถามแผนกต้อนรับ ก็พบว่าเธอได้คืนห้องแล้ว และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย” ลูกน้องพูดอย่างมือสั่น
“เพล้ง!”
มีดที่อยู่ในมือของหลีเช่าหง ทันใดนั้นก็สั่น กระทบกับจานกระเบื้องสีจางจนเป็นรอยแตก!
จานกระเบื้องสีขาว แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สายตาของหลีเช่าหงเปล่งประกาย ถ่ายทอดความเย็นชาออกมาจากดวงตา!
การแสดงออกของหลีเช่าหงเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง…ตาคู่นั้นของเขา ฉายให้เห็นความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ!
เขานึกไม่ถึง ไอรีนที่เขาเชื่อมั่นที่สุด ในที่สุดจะหักหลังเขา!
“ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไร ก็ต้องหาตัวเธอมาให้ฉันให้ได้!” หลีเช่าหงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ลุกขึ้น และเดินออกจากร้านอาหาร
“ถ้าจำเป็น…ก็อย่าทิ้งให้มีชีวิตอยู่ได้!” หลีเช่าหงเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
“ฉันจะไม่มีวันยอม ให้คนของฉันมาทรยศฉัน!” รถสตาร์ทเครื่อง และแล่นออกไป เหลือไว้เพียงเสียงของหลีเช่าหงที่ก้องอยู่ในความว่างเปล่า…