สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 206
บทที่206 หมดหนทางหนี
เฉินเป่ยใช้มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ยืนอยู่ที่นั่น มองวัยรุ่นด้วยสีหน้าสงบ
วัยรุ่นจับแก้มไว้ “กล้าต่อยฉัน แม่งรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
วัยรุ่นปิดแก้มอยู่ จ้องมองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา สีหน้าดูไม่ดีนัก
“ไม่รู้ แม่งเป็นใครล่ะ” เฉินเป่ยเอ่ยปากส่งเสียงนิ่งๆ ทำให้สีหน้าที่ก้าวร้าวของวัยรุ่นฝืดไปฉับพลัน
“กล้าดีนะ แม้แต่คุณชายหวงยังไม่รู้จัก นายคิดว่ามีประธานหลีหนุนหลังแล้วจะเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้เหรอ?” ด้านหลังหวง มีพนักงานคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา ตะคอกเสียงเย็นชา
เฉินเป่ยกวาดตามองเขาทีหนึ่งอย่างเมินเฉย พูดว่า “ฉันกำลังพูดกับเจ้านายแก แกออกมาเห่าอะไร ไสหัวกลับไป”
“นาย”
พนักงานคนนั้นสีหน้าเขียวครึ้ม ชั่วขณะนั้นก็ถูกคำพูดของเฉินเป่ยยั่วโมโหแล้ว ทำให้เขาโกรธแค้นแบบทนไม่ไหว
ในโถงใหญ่ของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป สงบลงมาชั่วขณะ ความสนใจของพนักงานไม่น้อยค่อยๆ ถูกดึงดูดเข้ามา มองทางเฉินเป่ยด้วยสีหน้าสงสัย
“คนแซ่เฉิน อย่าคิดว่านายมีตระกูลหลีเป็นที่พึ่งแล้วจะมาเป็นราชาที่นี่ได้” หวงเฟยสีหน้าเย็นชา พูดเตือน “อย่าลืมนะ อำนาจของคณะกรรมการอย่างพวกเราไม่ได้อ่อนพอที่จะโค่นล้มได้ง่ายๆ……ขอเพียงพวกเราอยากกล่าวโทษหลีหยาง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อะไร”
“ไม่มีหลีหยางแล้ว ถึงตอนนั้นหลีชิงเยียนก็กลายมาเป็นของเล่นของฉันได้” มุมปากหวงเฟยโค้งรอยยิ้มที่อัปลักษณ์ขึ้น
และตอนที่เสียงพูดเขาพึ่งจบลง สีหน้าของเฉินเป่ยแข็งตัวนิดหน่อย จากนั้นเผยความหมายหนาวเหน็บออกมา
เพียงครู่เดียวก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่ง หวงเฟยราวกับว่าวที่สายขาดตัวหนึ่ง ล่องลอยออกไปอย่างไร้กำลัง กระแทกบนผนังด้านในโถงใหญ่อย่างรุนแรง
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม ค่อยๆ เก็บขายาวที่ราวกับท่อนเหล็กยาวกลับมา ทำเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมุนตัวอย่างเรียบนิ่ง
ในโถงใหญ่ สายตานับไม่ถ้วนรอบด้านต่างตกตะลึงทันใด พวกเขามองเฉินเป่ยอย่างงุนงงตั้งนาน ไม่มีปฏิกิริยาอย่างใดทั้งนั้น
เฉินเป่ยลงมืออย่างดุเดือด ไม่ได้เห็นหวงเฟยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ภาพจิตรกรรมฝาผนังแตกเป็นเสี่ยงๆ สีหน้าหวงเฟยซีดเซียว เขาได้ยินเสียงกระดูกแตกลอยออกมาจากในร่างกายอย่างชัดเจน
หวงเฟยลื่นตกจากบนผนัง พนักงานหลายคนที่อยู่ด้านข้างหวงเฟยรีบเข้าไปใกล้ ห่วงใยอาการบาดเจ็บของหวงเฟยขึ้นมา
“รนหาที่ตาย กล้าลงมือกับคุณชายหวง นายคิดว่ามีตระกูลหลีคุ้มครองนายอยู่ นายจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้เหรอ?” พนักงานคนหนึ่งตะคอกอย่างเย็นชา
ฝีเท้าของเฉินเป่ยชะงัก หันหน้ากวาดตามองพนักงานคนนั้นแบบเรียบนิ่งทีหนึ่ง จากนั้นหันหน้าเข้ามา โดยไม่สนใจพนักงานคนนั้นแม้สักนิด
ในสายตาของเฉินเป่ย พนักงานคนนั้นก็คล้ายกับธาตุอากาศ
“หยุดนะ”
ในเวลานี้ลิฟต์เปิดออก ภาพคนแต่ละคนรีบร้อนเดินออกมาจากในลิฟต์ เสียงที่เรียบง่ายเย็นชาเสียงหนึ่งเรียกเฉินเป่ยเอาไว้ทันที
เฉินเป่ยหยุดลงมาแล้ว หันหน้ามองทางชายวัยกลางคนท่านนั้น คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น คือประธานหวงที่ให้เฉินเป่ยขายของที่ห้องประชุมครั้งก่อน
ประธานหวงสีหน้ามืดครึ้มแทบไม่ไหว หลังจากที่หลีชิงเยียนรู้ว่าเรื่องนี้ประธานหวงเป็นคนยั่วยุ แถมยังบอกว่าต้องการหาโอกาสกำจัดประธานหวง ประธานหวงสำหรับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแล้ว เป็นการคุกคามที่ซ่อนอยู่ภายใน
“เฉินเป่ย นายกล้ามากนักนะ คาดไม่ถึงจะกล้าตีลูกชายฉัน!” ประธานหวงมองหวงเฟยที่ตัวสั่นเทากำลังลุกขึ้นมาจากพื้นแวบหนึ่ง สีหน้าเย็นชืด แล้วตวาดทันที
“ฉันตีลูกนาย เป็นเพราะเขาเหยียดหยามประธานหลี หมิ่นเบื้องสูง สมควรโดนตี” เฉินเป่ยตอบกลับนิ่งๆ
“เฉินเป่ย นายคิดว่าของพวกนั้นนายจะขายออกไปได้เหรอ? ฉันไปบอกกล่าวร้านค้าทั้งหมดไว้แล้ว ของของนายล็อตนี้ รอทำลายอยู่ในมือนายเถอะ!” ประธานหวงมองทางเฉินเป่ย ท่วงท่าที่เฉียบแหลมลุ่มลึก ทำให้เขายิ่งมองยิ่งไม่สามารถคาดเดาได้ สีหน้าหนาวเหน็บ “นายเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น……”
“โง่” คำพูดประธานหวงยังไม่พูดจบ ก็โดนเฉินเป่ยขัดจังหวะฉับพลัน ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยหรี่ลงเล็กน้อย มองทางประธานหวง ก่อนจะพูดฉีกหน้า “สมองอย่างนายยังนั่งตำแหน่งของกรรมการได้ แค่ของล็อตเดียวเท่านั้น ยังอยากมาขู่ขวัญฉัน? น่าตลก!”
ประธานหวงยืนอยู่ที่เดิม พนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปโดยรอบไม่น้อยมีสีหน้าซับซ้อนตกใจ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอ ภายในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป คาดไม่ถึงเฉินเป่ยกล้าเผชิญหน้าปะทะกันกับกรรมการคนหนึ่ง
เฉินเป่ยช่างกล้าเหลือเกิน เห็นว่ามีหลีชิงเยียนกับหลีหยางหนุนหลัง ไม่กลัวฟ้าดินอะไรทั้งนั้น
ประธานหวงจ้องมองเฉินเป่ยอย่างลุ่มลึก ความดื้อรั้นและความก้าวร้าวของเฉินเป่ย ประทับตราในสมองของเขาอย่างล้ำลึก เสมือนเป็นอันธพาลข้างถนน คลั่งจนถึงขั้นสุด
ทันใดนั้นมุมปากประธานหวงก็โค้งรอยยิ้มที่เหยียดหยามขึ้น เฉินเป่ยคลั่งแค่ไหน เขาจะมีความสามารถบ้าคลั่งได้สักเท่าไร? อย่างมากเขาก็เป็นแค่คนว่างงานภายในบริษัทคนหนึ่ง ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลหลีคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนตนเองกลับนั่งครองทรัพยากรสายสัมพันธ์อันนับไม่ถ้วน เขาจะมาแข่งกับตนเอง? เดิมทีตีทีเดียวก็พังทลายแล้ว!
เวลานี้หากตนเองยังโต้เถียงกับเขาต่อไปอีก ไม่เท่ากับว่าลดสถานะของตนเองหรอกเหรอ?
หวงเฟยลุกขึ้น มองทางประธานหวงและเฉินเป่ยปะทะกันและกันอย่างอัปลักษณ์ บนหน้ามีรอยยิ้มดุร้าย บิดาของเขาเข้ามาสนับสนุนเขา ทำให้เขามีกำลังเต็มที่ บิดาของเขาคือกรรมการ แม้แต่หลีชิงเยียนยังต้องปฏิบัติอย่างเคารพนบน้อม
แต่แวบเดียวสีหน้าเขาก็แข็งทื่อฉับพลัน มองทางเฉินเป่ยด้วยความตกใจ ในใจมีคลื่นยักษ์ยกตัวขึ้น ตั้งนานยังไม่สามารถสงบได้!
ความกำเริบเสิบสานของเฉินเป่ยไกลกว่าจินตนาการของเขา……คาดไม่ถึงว่าประธานหวงก็ดันเขาไม่อยู่?
หวงเฟยย่อมไม่เข้าใจโดยธรรมชาติ การเชื่อฟังอ่อนโยนของเฉินเป่ย มอบให้แค่หลีชิงเยียน……เพื่อหลีชิงเยียนแล้ว เฉินเป่ยสามารถละทิ้งศักดิ์ศรี แต่ถ้ามีคนอยากนำหลีชิงเยียนและตระกูลหลีมาจัดการ เขาก็จะไม่ปล่อยให้หลงระเริง
ประธานหวงมองเฉินเป่ยแบบล้ำลึกทีหนึ่ง “ขอให้นายโชคดี”
จากนั้นมุมปากประธานหวงก็โค้งเส้นรัศมีวงกลมที่จางๆ ขึ้น หมุนตัวหายไปจากหน้าประตูลิฟต์ของอาคารตระกูลหลี
…………
รอเฉินเป่ยขึ้นมา ผลักประตูเดินเข้าห้องทำงานประธาน มองเห็นหลีชิงเยียนยืนอยู่ริมหน้าต่าง ภาพด้านหลังที่เซ็กซี่งดงามนั้น ถ้าเวลานี้ถ่ายเก็บไว้ คงดังไปทั้งหู้ไห่จนกลายเป็นพาดหัวข่าวบนนิตยสารบันเทิงแน่
หลังจากรู้สึกได้ถึงเฉินเป่ยที่เข้ามา หลีชิงเยียนก็หมุนตัว ดวงตางดงามประกายความเย็นกวาดตามองเฉินเป่ยทีหนึ่ง บอกว่า “ไม่รู้จักมารยาทเหรอ ไม่รู้จักเคาะประตูก่อนถึงค่อยเปิด?”
เฉินเป่ยหัวเราะหึๆ “ชิงเยียน ระหว่างพวกเรายังต้องมีมารยาทอะไรกันอีก?”
หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชา บอกว่า “ระหว่างนายกับประธานหวงเกิดกระทบกระทั่งกันแล้ว? เป็นยังไงบ้าง?”
เฉินเป่ยตะลึง เรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นที่โถงใหญ่ก่อนหน้านี้ ต่อมาหลีชิงเยียนที่อยู่ห้องทำงานประธานก็รู้แล้ว ข่าวนี้……ช่างโคตรว่องไวเกินไปมั้ง?
เฉินเป่ยหมดคำจะพูด แต่ยังเล่าให้หลีชิงเยียนฟังไปตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียด
หลังจากได้ฟังคำพูดของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนก็ขมวดคิ้วขึ้น คิดอยู่ตั้งนาน ทันใดนั้นดวงตางดงามหด เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ลุกขึ้นผลักเฉินเป่ยออก รีบร้อนพุ่งออกจากห้องทำงานแล้ว
เฉินเป่ยมองภาพของหลีชิงเยียนที่ร้อนใจอย่างมาก มึนงงสักครู่หนึ่ง แต่ไม่นานมุมปากก็โค้งรอยยิ้มหนึ่งขึ้น รีบตามไปอย่างว่องไว
…………
“ชิงเยียน ลูกแน่ใจเหรอ?” ในห้องทำงานที่กว้างใหญ่ หลีหยางยืนเอามือไพล่หลัง มองปลามังกรทองในอ่างปลาที่หรูหราขนาดใหญ่อยู่ สีหน้าล้ำลึก จมสู่ท่ามกลางความคิด
“นี่เป็นสิ่งที่ประธานหวงพูดกับเฉินเป่ยเอง” หลีชิงเยียนสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านประธานกรรมการ หนูสงสัยว่าประธานหวงกับกรรมการคนอื่นๆ จะวางแผนกระทำมิดีมิร้าย คณะกรรมการจะมีวิกฤติใหญ่”
หลีหยางขมวดคิ้วพูดว่า “เรื่องนี้ต้องรับมืออย่างระมัดระวัง กรรมการแต่ละคนในคณะกรรมการต่างไม่ใช่บทบาทที่จะหาเรื่องได้……ถ้าใส่ร้ายพวกเขา ผลสุดท้ายอันตรายอย่างยิ่ง” หลีหยางบอกความกังวลของตนเองออกมา
“แต่ถ้าเป็นแบบที่ประธานหวงพูดจริง เฉินเป่ยก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเขา งั้นด้านหลังเฉินเป่ยไม่ใช่หนู คุณพ่อ แล้วก็ทั้งตระกูลหลีเหรอคะ?” เวลานี้ใบหน้าที่สง่างดงามของหลีชิงเยียนเคร่งขรึมอย่างชัดเจน ใบหน้าน้อยๆ ท่าทางจริงจัง “ดูจากปฏิกิริยาของกรรมการหลายคนในห้องประชุมครั้งก่อน มีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะรู้แผนการเรื่องนี้ของประธานหวงตั้งแต่แรกแล้ว และร่วมมือกันตั้งแต่นานแล้วด้วย”
“ไม่ผิด” เฉินเป่ยที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยปากกะทันหัน “บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสำหรับภายนอกนั้น คู่แข่งไม่น้อยต่างจ้องกันตาเป็นมัน ส่วนภายในก็มีบางคนกำลังเคลื่อนไหวที่จะก่อการร้าย”
“คู่แข่งภายนอกพวกนั้นยังไม่มีพิรุธชั่วคราว รับมือไม่ง่าย แต่ประธานหวงพวกเขาก็เผยด้านมืดออกมา……”
หลีหยางมองทางเฉินเป่ย “แต่ด่านแรกที่โจมตีกลับคือนาย……เจ้าเฉิน ถ้านายแพ้ให้ประธานหวง แล้วพวกเราวู่วามลงมือ นั่นก็จะกลายเป็นการใช้อำนาจของตัวเองกดคนอื่น ขอเพียงกรรมการคนอื่นๆ เผยแพร่เพิ่มนิดหน่อย บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปคงไม่มีทางสงบลงมา”
หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย คิ้วที่งดงามขมวดขึ้น อดพูดเสียงเย็นชาไม่ได้ “นายดูนายสิ ตอนนั้นเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ปัจจุบันนี้ของร้อยชุดนั้น ถึงตอนนี้นายยังขายไม่ออกเลยแม้แต่ชุดเดียว”
เฉินเป่ยอยู่บนโซฟา นั่งไขว่ห้างไปด้วย กระดิกขาไปด้วย พูดจาอย่างสบายอกสบายใจ “คนสวยประชานหลี ไม่ต้องรีบ เรื่องนี้จะรีบไม่ได้……ขืนคุณรีบต่อไปอีก คงได้ใช้ประโยคหนึ่งมานิยาม……ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิยังไม่กังวล แต่ขันทีกลับกังวลเองหรอกเหรอ?”
“นาย” หลีชิงเยียนกัดฟันแน่น ดวงตางดงามถลึงใส่เฉินเป่ยอย่างโหดเหี้ยมทีหนึ่ง
ช่วงเวลานี้เธอพบว่าเฉินเป่ยเหลิงแล้ว เธอหาโอกาสมาโดยตลอด อยากตั้งใจลงโทษเฉินเป่ยสักหน่อย แต่เลี่ยงไม่ได้ ช่วงนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมีงานหนักหน่วง ทำให้เธอดึงเวลาไม่ได้เลย
ดวงตางดงามของหลีชิงเยียนถลึงใส่เฉินเป่ยสักพัก ในที่สุดก็ถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างโมโหทีหนึ่ง พูดด้วยความหนาวเหน็บ “ดีมาก ฉันจะดูว่านายจะขายของร้อยชุดนั้นออกไปภายในหนึ่งสัปดาห์ได้ยังไง”
“ประธานหลี อย่าลืมสัญญาของคุณนะครับ ถ้าผมขายออกไปแล้ว ผมขอร้องเรื่องอะไร คุณจะตอบรับผมทั้งนั้น”
หลีชิงเยียนพึ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องทำงาน มีเสียงที่ไร้ยางอายของเฉินเป่ยปลิวมาจากด้านหลัง ทำให้ร่างอ่อนช้อยของเธอสั่นเทา อยากจะฆ่าเฉินเป่ยใจแทบขาด
คำพูดที่ธรรมดามากประโยคหนึ่งลอยออกมาจากในปากของเฉินเป่ย ชั่วขณะนั้นกลับเปลี่ยนอารมณ์ไป ทำให้คนมีความคิดผุดขึ้นในสมอง โยงใยไปถึงหัวใจ……
“เจ้าเฉิน นายมีความมั่นใจจริงๆ เหรอ?” แม้แต่หลีหยางยังถามประโยคหนึ่งอย่างไม่วางใจ เขาสงสัยมากเช่นกัน สรุปเฉินเป่ยสามารถขายออกไปได้หรือไม่
เฉินเป่ยมีเพียงรอยยิ้มลึกซึ้งไม่พูดอะไร ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานของหลีหยาง
หลังกลับไปที่ห้องทำงานของตนเอง สายตาเฉินเป่ยถึงเผยสีที่ลุ่มลึกออกมา
…………
และบนถนนทางยกระดับเส้นหนึ่งของเมืองหู้ไห่เวลานี้ รถยนต์สีขาวคันหนึ่งขับเคลื่อนว่องไว
ในรถมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมผ้าปิดปาก กดหมวกแก๊ปลงต่ำมาก เผยเพียงดวงตาที่งดงามคู่หนึ่งออกมา
เธอขับรถพลางแฉลบตามองผ่านต้นไม้ใบหญ้ารอบด้านที่ถอยหลังด้วยความเร็วมาก ทั้งหมดถูกเธอประทับตราไว้ในสมองแล้ว
ดวงตางดงามของหญิงสาวนิ่งสงบเย็นชืด เหมือนกำลังหลบหลีกอะไรอยู่
ทันใดนั้นสายตาของหญิงสาวกวาดผ่านกระจกมองหลัง เห็นเพียงในกระจกมองหลังปรากฏรถยนต์สีดำคันหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป กำลังตามอยู่ด้านหลังรถยนต์สีขาวของหญิงสาวมาไกลๆ ขับตามท้ายหญิงสาวเข้ามาใกล้ด้วยกำลังมหาศาล
ดวงตางดงามของหญิงสาวแข็งนิดหน่อย เหยียบคันเร่งฉับพลัน รถยนต์สีขาวขับเคลื่อนเครื่องยนต์อย่างคลุ้มคลั่ง ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายร้องคำราม
ความว่างเปล่าโดนความเร็วฉีกขาด รถยนต์สีขาวราวกับธนูเงินดอกหนึ่งพุ่งไปทางด่านเก็บเงินที่ไกลออกไป
ส่วนรถยนต์ด้านหลังของหญิงสาวเพิ่มความเร็วตามไปติดๆ ราวกับวิญญาณที่ตามติดไม่ห่าง
หญิงสาวเข้าใกล้ด่านเก็บเงินอย่างรวดเร็ว ตอนที่หล่อนลดความเร็วรถลง ทันใดนั้นก็มีภาพเงาคนพุ่งออกมาจากทั่วทิศทั่วทางของด่านเก็บเงิน ล้อมรถยนต์สีขาวไว้ทั่ว
หญิงสาวดึงผ้าปิดปากออก หายใหญ่หอบ เผยใบหน้าที่งามสง่าออกมาใบหนึ่ง……นั่นคือไอรีน
หล่อนคิดจะหนีไปจากเมืองหู้ไห่ หนีให้พ้นการควบคุมของหลีเช่าหง
แต่สิ่งที่หล่อนคิดช่างง่ายดายเกินไป ในฐานะคุณชายใหญ่ของบ้านหลี ฝีมือของหลีเช่าหงโหดเหี้ยมกว่าหลีเช่าเทียนอยู่มากโข ด่านเก็บเงินทางยกระดับ……สนามบิน……ท่าเรือ การจราจรทั้งหมด หลีเช่าหงล้วนวางวงล้อมและตาข่ายไว้แต่แรก เพื่อรอไอรีนมาติดกับอยู่
ในดวงตางดงามของไอรีนประกายความสับสน……ภาพคนแต่ละคนพวกนี้ต่างเป็นเพื่อนร่วมรบในอดีตของตนเอง ฝีมือของพวกเขาล้วนเกรงอกเกรงใจเท่าเธอ พวกเขาออกตัวทั้งหมด ไอรีนย่อมหมดหนทางหนีได้!