สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 218
บทที่218 คนเซ่อซ่าของบ้านหลี
“แกร่งขนาดนี้?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น เธอเคยอ่านประวัติของซูเหลย ประวัติของซูเหลยดูดีมาก มาจากที่รบพิเศษของหัวเซี่ย รับหน้าที่รองหัวหน้า ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วน ปฏิบัติภารกิจไม่น้อย ไม่รู้ว่าช่วยกอบกู้หัวเซี่ยมาสักกี่ครั้งแล้ว
ประวัติอย่างนี้พอที่จะทำให้ทำงานกับบริษัทบอดี้การ์ดทั้งหมดของหัวเซี่ยได้อย่างหยิ่งยโส ต่อให้เปิดตามองไปกว้างไกลที่หัวเซี่ย ยังยากมากที่จะเลือกบอดี้การ์ดเก่งกาจกว่าซูเหลยออกมาได้
ในสายตาของหลีชิงเยียน เธอเกือบจะไม่เคยเจอใครที่แกร่งยิ่งกว่าซูเหลยอีกเลย
แต่เวลานี้เมืองหู้ไห่กลับมีผู้ลึกลับคนหนึ่งยิ่งใหญ่ขวางฟ้า ฆ่านองเลือดทั้งโรงแรมอย่างแข็งกร้าว จัดการหลีเช่าหงทิ้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเหลยยังต้องชมเชย คนคนนี้แกร่งเกินกว่าหล่อนไกลมาก?
แกร่งกว่ามาก คือความคิดอะไร?
ซูเหลยพูดอธิบาย “หลีเช่าหง การอบรมมืออาชีพของคนทำงานลับเฉพาะแนวหน้าข้างกายหลีเช่าหงเหล่านั้น เมื่อก่อนไม่อยู่ใต้สมาชิกทีมรบพิเศษ แม้กระทั่งยังจะดียิ่งกว่านั้น……ถ้าให้ทีมรบพิเศษสมัยก่อนของฉันไปโจมตีโรงแรม คงต้องใช้แรงไม่น้อยถึงสามารถเอาอยู่ แต่ให้ฉันไปคนเดียว ยังไงก็ทำไม่ได้”
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ตรงที่นั่ง ใบหน้างดงามเผยการครุ่นคิดออกมา เธอไม่มีจิตใจไปทานอาหารเช้าแล้ว ชั่วขณะนั้นในสมองของเธอเด้งภาพแต่ละภาพออกมา ภาพเงาของผู้ลึกลับท่านนั้นปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
หรือว่าเป็นเขาที่ทำ?
ในใจหลีชิงเยียนแอบพูด เธออดคิดเชื่อมโยงถึงผู้ลึกลับที่ช่วยเธอไว้หลายครั้งท่านนั้นไม่ได้
แต่ละครั้งผู้ลึกลับล้วนแล้วแต่ลงมือช่วยเหลือในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีร่องรอยใดๆ หลงเหลือไว้ ตั้งใจไม่ให้หลีชิงเยียนรู้สถานะของตนเอง
หลีชิงเยียนไม่เข้าใจ ในความทรงจำของเธอ ตัวเองไม่เคยไปคบค้าสมาคมกับบุคคลแบบผู้ลึกลับที่ความสามารถยิ่งใหญ่ ร่ำรวยเงินทองนับไม่ถ้วน การลงมือของผู้ลึกลับแต่ละครั้งทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งในใจ แต่นับวันก็ยิ่งรู้สึกผิด
ไม่มีผู้ลึกลับท่านนั้น บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปคงไม่มีตัวตนไปตั้งนานแล้ว เธอกับหลีหยางต่างก็คงไม่สามารถมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้แน่
ครั้งนี้คงเป็นเขาทำอีกเหรอ?
ด้านข้าง ซูเสี่ยวหยุนถามขึ้น “ในเมื่อมือสังหารคนนั้นเก่งกาจขนาดนั้น อย่างนั้นย่อมไม่อาจเป็นคนไร้ชื่อเสียงอย่างเด็ดขาด เธอคิดว่าจะเป็นใคร?”
ซูเหลยคิดแล้วส่ายๆ หน้า “มือหนึ่งที่เก่งกาจขนาดนี้ ฉันยังไม่มีความทรงจำอะไรจริงๆ”
หลีชิงเยียนสีหน้าอึมครึม แม้แต่ซูเหลยยังไม่มีความทรงจำอะไรเลย คาดไม่ถึงว่ามือสังหารคนนั้นจะธรรมดาขนาดนั้น
“มือหนึ่งที่ฝีมือดีแบบนี้จะเป็นใครได้ ต้องเป็นผมน่ะสิ” ทันใดนั้นมีเสียงที่อันธพาลมากเสียงหนึ่งลอยมาจากด้านบนชั้นสอง
หลีชิงเยียนและคนอื่นมองไปที่เสียงนั้น มองเห็นเฉินเป่ยที่มอมแมมเดินลงมาจากชั้นสองอย่างเกียจคร้าน มุมปากยังแขวนรอยยิ้มที่ไร้ยางอายหลายระดับไว้
มุมปากที่แดงอวบอิ่มงดงามของซูเสี่ยวหยุนยกเส้นรัศมีวงกลมจางๆ ขึ้น มองทางหลีชิงเยียน
ส่วนซูเหลยมองเห็นเฉินเป่ยชั่วขณะนั้นสีหน้าเย็นยะเยือกไปพอสมควร……หล่อนยังถือสาเรื่องของไอรีนอยู่ ไอรีนหายตัวไปอย่างประหลาด หล่อนติดต่อเธอไม่ได้มาตลอด ทำให้ความสงสัยทั้งหมดผลักไปที่ตัวของเฉินเป่ยเต็มๆ
หล่อนเคยปฏิบัติภารกิจมานับไม่ถ้วน ดำเนินการสืบสวนจับกุมในคดีใหญ่มากมาย ทำให้จำนวนความหวาดผวาที่ไม่ชอบธรรมในใจมากมายไม่มีคำที่จะร้อยเรียงออกมาได้ ไม่สามารถฉีกสถานะของเฉินเป่ยคนหลอกลวงคนนี้ออกมาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ……ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทุกข์ทรมานต่อหน้าเฉินเป่ย
ส่วนเฉินเป่ย พอมองขึ้นไปก็ปกติไม่ผิดแปลก เป็นเพียงพวกแนบเนียนที่หนังหน้าหนาคนหนึ่ง ทำให้ซูเหลยหาข้อพิรุธไม่เจอสักนิด
หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย ใบหน้างดงามเย็นชา มุมปากเฉินเป่ยแขวนรอยยิ้มที่มั่นใจในตนเองไว้ ตกอยู่ในสายตาหลีชิงเยียน กลับเปลี่ยนเป็นหน้าไม่อายอย่างมากที่สุด
หลีชิงเยียนย่อมจะไม่เชื่อคำพูดเพ้อเจ้อของเฉินเป่ยโดยธรรมชาติ ที่ซูเหลยพูดชัดเจนมาก มือหนึ่งไม่เป็นสองรองใครแบบนี้ ถึงแม้อยู่ที่หัวเซี่ยก็หาได้ไม่กี่คน
หลีชิงเยียนพูดอย่างเย้ยหยัน “นายเป็นคนฆ่าหลีเช่าหง? อย่างนาย? เดาว่าแค่ประตูใหญ่โรงแรมนายก็เข้าไปไม่ได้”
ซูเหลยพยักหน้าแล้วพูดเสริม “ในโรงแรมที่หลีเช่าหงพักอยู่มีการเฝ้ายามของบอดี้การ์ดพวกนั้นจัดการได้เป็นมืออาชีพระดับท็อปแน่นอน ถ้าอยากโจมตีแบบปกติ อย่างน้อยต้องใช้เวลาและจำนวนคนเป็นหลายเท่า นายรู้หรือว่าจะโจมตียังไง?”
เฉินเป่ยยื่นๆ ปาก “นี่ยังไม่ง่ายดายอีกเหรอ แค่ล่อคนทั้งหมดออกมาก็ไม่ได้แล้วรึไง”
ซูเหลยได้ยินคำพูดของเฉินเป่ยก็ตะลึงไปก่อน จากนั้นถูกคำพูดของเฉินเป่ยทำให้ตลกแล้ว “พวกเขาเป็นคนโง่เหรอ? ทุ่มกำลังออกมาหมด? นายไม่เข้าใจพวกเขาแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นนายที่ฆ่าหลีเช่าหง”
เฉินเป่ยสีหน้านิ่งเฉย เขาขี้เกียจที่จะโต้แย้งต่อ กำจัดหลีเช่าหง เขาก็ไม่เคยคิดจะหาความดีความชอบจากหลีชิงเยียนตั้งแต่เริ่มแรก……เขาเพียงแค่ปกป้องหลีชิงเยียน บ้านหลีรังแกคนหนักเกินเหตุ หลีเช่าหงก้าวร้าวโอหังเกินไป เขาทนดูไม่ไหวก็เท่านั้น
ขอเพียงหลีชิงเยียนสามารถอยู่อย่างปลอดภัย นี่คือภารกิจสำคัญของเขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อพระเจ้า เป็นเทพเป็นปีศาจ ขอเพียงกล้ามีความคิดไม่ดีใดๆ ต่อหลีชิงเยียน ล้วนไม่อาจออกไปจากเมืองหู้ไห่ได้
เฉินเป่ยมองทางหลีชิงเยียน ในดวงตามีความอ่อนโยนที่รักใคร่เอ็นดู เพื่อหลีชิงเยียนแล้ว เขาเลือกที่จะปลดเกษียณ ปล่อยโลกที่ดุจคลื่นซัดสาดขยายกว้างออกไปไกลที่ต่างประเทศนั้น
และสายตาของเฉินเป่ยก็ตกอยู่ในสายตาหลีชิงเยียน เปลี่ยนเป็นต่ำต้อยเผยความหยาบคายขึ้นมา ทำให้หลีชิงเยียนขนลุกขนพองอยู่บ้าง เกิดความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“มองอะไร อันธพาล” หลีชิงเยียนบ่นเบาๆ ทีหนึ่ง ขดๆ ตัวไปด้านข้าง ก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อไป
มุมปากเฉินเป่ยเผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา ทานแซนด์วิชชิ้นหนึ่งแล้วดื่มนมอึกหนึ่ง
ทันใดนั้นสายตาของเขาตกลงที่ไส้กลางของแซนด์วิช เขายื่นมือมาดึงเส้นผมยาวสีดำเส้นหนึ่งออกอย่างระมัดระวัง
เฉินเป่ยจ้องผมสวยที่มีเอกลักษณ์ของผู้หญิงเส้นนี้อยู่ นึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน มองทางหลีชิงเยียน พลางถามว่า “ชิงเยียน แซนด์วิชนี้ คุณเป็นคนทำเหรอ?”
หลีชิงเยียนตวาดอย่างอารมณ์เสียไปทีหนึ่ง “ซื้อจากข้างนอก”
“อ่อ……งั้นทำไมในแซนด์วิชถึงมีอันนี้?” เฉินเป่ยยกเส้นผมสีดำขลับขึ้น มองทางหลีชิงเยียนอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
หลีชิงเยียนมองเห็นผมยาวเส้นนี้ในมือของเฉินเป่ย ใบหน้างดงามฝืด ในดวงตางดงามที่เย้ายวนประกายความสับสนแล่นผ่าน แต่ไม่นานก็ฝืนทำเป็นนิ่งเฉย พูดแก้ตัว “ฉันจะรู้ได้ยังไง?”
ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ด้านข้างมองเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนสนทนากันอยู่ สายตาเพิ่มรอยยิ้มขึ้นมาหลายระดับ
“ชิงเยียน คุณทำอร่อยจริงๆ” ทันใดนั้นเฉินเป่ยเอ่ยปาก ฉีกคำโกหกของหลีชิงเยียนออกมาทันใด
หลีชิงเยียนใบหน้างดงามค้าง ลุกขึ้นทันที เอาแซนด์วิชในจานตบไปบนหน้าของเฉินเป่ยอย่างแรง
“ปัง”
ทั้งใบหน้าเฉินเป่ยล้วนเปื้อนซอสสลัดเต็มๆ กระเซอะกระเซิงสุดจะทน
“ประสาท” หลีชิงเยียนเอ่ยปากนิ่งๆ จากนั้นหมุนตัวรีบเดินไปทางชั้นสอง
หลีชิงเยียนรีบร้อนกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง พิงที่ขอบประตู ใบหน้าขาวเนียนงดงามมีสีแดงลอยขึ้นแบบยากจะเห็น แดงก่ำราวกับแอปเปิลแดง ทำให้ประธานนางฟ้าที่เย็นชามาแต่ไหนแต่ไร เวลานี้ดูแล้ว อารมณ์ความรู้สึกสวยหยาดเยิ้มไม่น้อยกว่าปกติ
เฉินเป่ยวางแซนด์วิชลง บ่นพึมพำอย่างกลัดกลุ้ม “แซนด์วิชชิ้นเดียวเท่านั้นเอง มีอะไรน่าอายกัน……”
“นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนทำแซนด์วิช นายก็ไปเปิดโปงหล่อนแล้ว” ซูเสี่ยวหยุนหัวเราะแล้วเอ่ยปากแบบมีความสนใจ ในระหว่างที่เฉินเป่ยงงงวยก็ลุกขึ้นฉับไว เดินไปทางชั้นสองเช่นกัน
ส่วนเฉินเป่ย หลังได้ยินคำพูดของซูเสี่ยวหยุนก็งงไปหมด ทำหน้าฉงน เขามองภาพด้านหลังของซูเสี่ยวหยุนอย่างเหม่อลอย ผ่านไปตั้งนานถึงตอบสองเข้ามาทันใด สีหน้าตื่นเต้น……เขาคาดไม่ถึงว่านี่เป็นครั้งแรกของหลีชิงเยียน มิน่าถึงเขินอายขนาดนั้น……นี่หมายความว่าเขากินอาหารเช้ามื้อแรกที่หลีชิงเยียนลงมือทำด้วยตนเอง
เฉินเป่ยเองก็แปลกใจจนแทบไม่ไหว เขานึกไม่ถึงว่าตนเองจะโชคดีขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่วันนี้เขาตื่นสาย เขาเกือบจะไม่ได้ดื่มด่ำอาหารเช้าที่หลีชิงเยียนทำด้วยตนเองแล้ว
เฉินเป่ยจมดิ่งในความสุขที่เต็มเปี่ยมอย่างไม่มีทางถอนตัว ลักษณะเขาแบบนี้ ถ้าถ่ายเอาไว้แล้วแพร่ไปต่างประเทศ คงทำให้ผู้นำของประเทศในพื้นที่นับไม่ถ้วนมึนงงหมด……ราชาหลงที่น่าเกรงขาม อาหารต่างๆ นานาอะไรที่ไม่เคยกิน อาหารหายากระดับยอดสุดของโลก พ่อครัวชื่อเสียงโด่งดังที่สุด สภาพอาหารเครื่องดื่มสง่างามที่สุด……อันไหนที่เขาไม่เคยกินบ้าง… ว่ากันตามเหตุผลบนโลกนี้ยากมากที่จะมีของรสเลิศอะไรที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้อีก
ผลสุดท้ายคนเหล่านั้นไม่อาจคาดถึง ปัจจุบันนี้ อาหารเช้ามื้อหนึ่งที่ประธานสาวสวยตัวเล็กๆ คนหนึ่งของเมืองหู้ไห่ทำ นำความเบิกบานและความสุขมาให้เฉินเป่ยได้ เกินกว่าอาหารรสเลิศพวกนั้นไปไกลจนคาดไม่ถึง
ราคาต้นทุนของอาหารชั้นยอดพวกนั้น ไม่มีอันไหนที่ไม่ใช่จำนวนมหาศาล เป็นหลายเท่านับไม่ถ้วนกว่าอาหารเช้ามื้อนี้……แต่ว่าในสายตาของเฉินเป่ยเดิมทีไม่มีทางเปรียบได้
เทียบขึ้นมากับแซนด์วิชอันนี้ที่หลีชิงเยียนทำ ของพวกนั้นที่เฉินเป่ยกินจนเบื่อไปตั้งนานก็ไม่ต่างกับอาหารหมา ล้วนไม่มีทางทำให้คลื่นยักษ์ในใจเฉินเป่ยยกขึ้นได้
…………
เยี่ยนจิง บ้านหลี
คฤหาสน์หรูที่เยี่ยนจิงใช้เป็นแบบลานบ้านสี่เหลี่ยมมีบ้านรอบล้อมเป็นหลัก หนึ่งในบ้านที่สร้างแบบรอบๆ ลานสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง ดูจากด้านนอกก็ปกติไม่ผิดแปลก และไม่มีที่พิเศษอะไร
แต่หน้าประตูบ้านของบ้านล้อมลานสี่เหลี่ยมแขวนป้ายไว้ กลับพอที่จะทำให้สั่นสะเทือนได้
เยี่ยนจิง บ้านหลี
ทำให้คนจินตนาการได้ยากมาก จากภายในบ้านรอบลานสี่เหลี่ยมแห่งนี้ สองพี่น้องที่เดินออกมาจะกลายเป็นบุคคลที่กวนสถานการณ์เยี่ยนจิง
คนหนึ่งราวกับเสือในสนามการค้า ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะของวงการธุรกิจ อนาคตมีความหวังว่าจะเป็นบุคคลสืบทอดวงการธุรกิจของเยี่ยนจิง
อีกคนหนึ่งเป็นมังกรทางราชการ ได้รับความนิยมชมชอบความสำคัญจากบุคคลยิ่งใหญ่มากมาย พรสวรรค์ไม่ธรรมดา ถูกคนพยากรณ์ว่าจะมีสักวันที่ประสบความสำเร็จขึ้น กลายเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีความสามารถแกร่งกล้า
พี่น้องสองคนนี้ สว่างและมืด ในพื้นที่แตกต่างกันไปแพร่กระจายลำแสงสว่างจ้า และบ้านหลีที่เดิมก็ความสามารถเต็มเปี่ยม หลังหลีเช่าเทียนหลีเช่าหงบุคคลสองคนนี้เดินออกมา ยิ่งถูกเรียกว่าเป็นความรุ่งโรจน์สุดยอดในประวัติการณ์ของบ้านหลีเลย
ขอเพียงหลีเช่าเทียนหลีเช่าหงเติบโตขึ้นมา บ้านหลีจะต้องต้อนรับช่วงเวลาเจริญรุ่งเรืองแบบไม่มีทางจินตนาการได้ แม้กระทั่งมีความเป็นไปได้มากว่าเหยียบสู่แถวหนึ่งของตระกูลระดับท็อปสุดของเยี่ยนจิง
เพราะพรสวรรค์ของหลีเช่าเทียนและหลีเช่าหงแกร่งเหลือเกิน สามารถพูดได้ว่าพลังแฝงไร้ขีดจำกัด ถูกผู้คนมากมายให้ความสนใจ
แต่ใครจะคิดได้ว่าจะมีสักวันหนึ่ง ที่อนาคตของสองคนจะกลายเป็นเทพนิยาย……คนหนึ่งตายคนหนึ่งพิการ
นี่เป็นการโจมตีที่หนักหน่วงที่สุดสำหรับบ้านหลีอย่างยิ่ง
และเวลานี้ บ้านหลียังไม่ได้รับข่าวเรื่องนี้……เพราะคนที่อยู่ข้างกายหลีเช่าหงตายกันหมด หลีเช่าหง ตัดความสัมพันธ์กับบ้านหลีที่เยี่ยนจิงถึงที่สุดแล้ว
ในลานบ้าน หลีเช่าเทียนนั่งอยู่ที่กลางลานบ้าน มองกรงนกที่แขวนไว้ตรงหน้าอย่างเงียบๆ
ในกรงนก นกขมิ้นที่มีชีวิตชีวาตัวหนึ่งกระโดดขึ้นลง เสียงนกร้องกังวานไพเราะ ทำให้หลีเช่าเทียนสีหน้าลุ่มลึก
หลังกลับจากหู้ไห่ หลีเช่าเทียนก็ไม่ได้เหยียบเท้าออกไปจากเขตบ้านนี้อีก ใบหน้าหล่อสง่าเพิ่มรอยแผลเป็นที่อัปลักษณ์หลายรอย ซ่อนไว้ภายใต้ผมยาวสีดำ
ระหว่างคิ้วกับตาของเขาเต็มไปด้วยความหมายอึมครึมอย่างหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ
คนใช้สองคนยืนอยู่ด้านหลังหลีเช่าเทียนอย่างสงบ ยืนห้อยมือลง……พวกเธอรับผิดชอบดูแลชีวิตประจำวันของหลีเช่าเทียน ช่วงเวลานี้พวกเธอเห็นมากับตาตนเอง คนที่มีความรู้ความสามารถ เคยจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมคนหนึ่ง หลังกลับมาจากเมืองหู้ไห่ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เหมือนเป็นคนเซ่อซ่าคนหนึ่ง