สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 223
บทที่223 สอดแนม!
หนิงหลัวมองหลีชิงเยียน ใบหน้าสะสวยเคล้าด้วยความตกตะลึง
เธอนึกไม่ถึงจริงๆ แล้วจู่ๆ หลีชิงเยียนจะโผล่ออกจากในรถ ทำให้เธอรู้สึกคาดคิดไม่ถึง
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยและหนิงหรัว มุมปากอันแดงก่ำขึ้นกระตุกยิ้มอันเย้ยหยัน
เฉินเป่ยถูกเธอจับได้ซึ่งๆ หน้า เธอกลับจะดูว่า เฉินเป่ยยังจะมีอะไรน่าพูดอีก
ตอนกลางวัน ตอนอยู่ในบริษัทก็เห็นเฉินเป่ยและหนิงหรัว หลีชิงเยียนก็ฟันธงว่า สองคนนี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น
และตอนนี้พอเห็นฉากฉากนี้ ทำให้เธอมั่นใจว่าการวิเคราะห์ของหลีชิงเยียนไม่ผิด
“ท่านประธานหลี……” หนิงหรัวทำใบหน้าที่อึ้งไป เธอดูเอ๋อไปหมด นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจู่ๆ หลีชิงเยียนจะปรากฏอยู่ในรถ
เฉินเป่ยยังคงทำสีหน้าที่อึดอัดใจ ภายในใจรู้สึกบ้าคลั่งมาก……หลีชิงเยียน กลับปรากฏอยู่ตรงเบาะหลัง ส่วนตัวเอง กลับไม่ได้สังเกตเห็น!
หลีชิงเยียนเหลือบมองเฉินเป่ยด้วยความเย็นชาผ่านกระจกหลัง จู่ๆ ก็ทำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วใบหน้าก็ดูเลือดเย็นเหมือนดั่งน้ำแข็ง
จากนั้น หลีชิงเยียนก็ผลักประตูรถออก แล้วเหยียบส้นสูงเดินไปที่ไกลๆ ด้วยความโมโห
“ท่านประธานหลี……” หนิงหรัวมองเรือนร่างที่เซ็กซี่อย่างไร้เทียมทานแล้วตะโกนเรียก น่าเสียดาย เรือนร่างที่เคล้าด้วยเสน่ห์ของราชินี กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ และแทบจะไม่หันกลับมา
“เออ……” หนิงหรัวทำใบหน้าที่อึ้งทึ่ง แล้วตาค้างปากค้าง
“อย่าไปสนใจเธอ หนิงหรัว คืนนี้ว่างไหม? ” เฉินเป่ยเอ่ยถามโดยมีความหมายแอบแฝง
“อ๊ะ……ฉัน ฉันมีนัดแล้วค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ…….” หนิงหรัวได้สติกลับมา แล้วรีบหาข้ออ้างอย่างหวาดผวา จากนั้นก็หันหลังจากไปด้วยความหวาดกลัว
เฉินเป่ยมองเรือนร่างของหนิงหรัว ทั้งใบหน้าดูมึนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงหรัวจึงจากไปด้วยความน่าสงสารแบบนี้ หลีชิงเยียนแค่โกรธตัวเอง แล้วจะไปเกี่ยวอะไรกับเธอ!
หลังจากที่สูบบุหรี่มวนที่อยู่ในปาก เฉินเป่ยก็โยนก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วถอนหายใจ พลางพึมพำ “เห้อ ผู้หญิงจัดการได้ยากกันหมด……”
เฉินเป่ยพึมพำขึ้น แล้วเปลี่ยนทิศทางรถ จากนั้นก็ขับเคลื่อนไปที่ไกล……
……..
หลีชิงเยียนขึ้นแท็กซี่ด้วยความโมโห แล้วรถก็พาเธอขับไปที่บ้านสุดหรู แล้วค่อยจอดลง
ประตูรถเปิดออก รองเท้าส้นสูงคู่หรูเหยียบลงบนพื้น แล้วขาอันงดงามที่ถูกถุงน่องสีดำห่อหุ้มอยู่ตลอดเวลานี้ โดยผ่านถุงน่องสีดำที่เหมือนดั่งปีกจักจั่น ภายใต้แสงไฟตอนกลางคืนที่เป็นแสงไฟข้างถนน สอดส่องให้ดูแวววับและเปล่งประกาย
หลังจากหลีชิงเยียนลงจากรถ สายลมพัดผ่านอย่างไม่ขาดสาย ในค่ำคืนที่มืดมัวนี้มีเรือนร่างที่สะสวยปรากฏ และในตอนนี้ เรือนร่างที่สะสวยอย่างมากนั้นกลับแผ่รังสีอันเลือดเย็นออกมา แล้วเดินเข้าไปในบ้านสุดหรูด้วยความเร่งรีบ
ในบ้าน หลี่เซียงหานกำลังยุ่งกับการทำความสะอาดและตกแต่งภายในบ้าน หลีหยางนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ที่หรูและมีระดับ แล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้ให้คนใช้ทำเถอะ เราแค่รอให้ลูกสาวและเจ้าเฉินกลับมากินข้าวก็พอ คุณก็มานั่งดูทีวีสักพักหนึ่งเถอะ”
หลี่เซียงหานไม่ฟัง แล้วส่ายหัว พร้อมกับพูดขึ้นอย่างหัวดื้อ “คุณไม่เข้าใจ ต้องทำให้บ้านเหมือนเดิมกับความทรงจำของเสี่ยวเยียน ไม่งั้นฉันกลัวว่าเสี่ยวเยียนจะไม่คุ้นเคย”
หลีหยางนิ่งงันไป แล้วคลายยิ้ม “เธอไม่ใช่ว่าไม่ได้กลับบ้านมากี่สิบปีสักหน่อย ไม่ใช่ว่ากลับเป็นประจำหรือไง ทุกอย่างในที่นี่ เธอก็คุ้นเคยอย่างมากอยู่แล้ว”
หลีหยางกำลังพูดคุยกับหลี่เซียวหาน นอกบ้านสุดหรู ก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงที่เสียงดังฟังชัดดังขึ้น หลีหยางหันไปมอง ก็เห็นหลีชิงเยียนกำลังถือกระเป๋าแล้วพุ่งเข้ามาจากข้างนอกด้วยความโมโห จากนั้นก็โยนกระเป๋าสุดหรูเอาในโต๊ะ แล้วนั่งอยู่บนโซฟา สองมือกอดอก สีหน้าดูไม่ดีเลยสักนิด
หลีเซียงหานได้สติกลับมาไวที่สุด แล้วขยับไปใกล้ จากนั้นก็ถามด้วยความระมัดระวัง “ทำไม ใครทำให้หนูโกรธอีก? ”
“แล้วจะมีใครอีก” หลีชิงเยียนพึมพำด้วยเสียงเย็นชา
หลีหยางกำลังดูหนังสือพิมพ์ พอได้ยินคำพูดนี้ของหลีชิงเยียนก็วางหนังสือพิมพ์ลง แล้วมองหลีชิงเยียนที่อยู่ข้างหลัง พร้อมกับถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเฉินล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่กลับมากับหนู? ”
หลีชิงเยียนหันหน้า นัยน์ตาที่เคล้าด้วยความโมโหกวาดมองหลีหยางเพียงชั่วพริบตา และยังดูค่อนข้างเลือดเย็น จากนั้นก็พูดขึ้น “เขากำลังนัวเนียกับเลขาหนิงอยู่”
หลีหยางนิ่งงัน แล้วฟังออกถึงความหมายโดยนัยของหลีชิงเยียน จึงหัวเราะเสียงดัง พลางพูดขึ้น “ชิงเยียน พ่อรู้จักผู้หญิงที่ชื่อหนิงหรัว มีหน้าตาไม่เลว แต่ลูกต้องเชื่อใจในตัวเอง เจ้าเฉินยอมยกน้ำล้างเท้าให้ลูก เขาจะยอมให้หนิงหรัวไหม? ”
“ถ้าเขาถูกหนิงหรัวยั่วยวนจริงๆ ลูกไม่ใช่ว่าควรใคร่ครวญดู ลูกสาวของพ่อ มีหน้าตาและความสามารถที่โดดเด่นขนาดนั้น ทำไมถึงเทียบไม่ได้กับเลขายาวที่เซ็กซี่คนหนึ่งล่ะ”
คำพูดข้างหน้าของหลีหยางทำให้หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ดูขึ้นมา และคำพูดตอนท้ายกลับทำให้หลีชิงเยียนโมโหขึ้นมาอีก!
ช่างเป็นคำพูดที่เหลวไหล ผิดเพี้ยนจากหลักเหตุผล!
หลีชิงเยียนมองหลีหยางด้วยความโมโห แล้วพูดอย่างน้อยใจ “พ่อ พ่อยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนไอ้หมอนั่นแล้ว! ”
หลีหยางหัวเราะเสียงดังพลางพูด “ใครให้ลูกปกติทำท่าทีที่แย่ขนาดนั้นกับเจ้าเฉินล่ะ ปกติตอนที่พวกลูกอยู่บริษัท พ่อก็มองออก ลูกมักจะตะคอกเสียงดังแล้วทำท่าทางที่เย็นชาใส่เจ้าเฉิน เจ้าเฉินทำตามคำสั่งของลูกทุกอย่าง ตอนนี้ลูกยังหึงอีก……”
หลีชิงเยียนมองหลีหยาง คำพูดนี้ของหลีหยางพูดจนเธอหน้าแดงก่ำ ตรงจุดที่หวั่นไหวง่ายที่สุดภายในใจของเธอถูกหลีหยางกระตุ้น จึงอธิบายด้วยเสียงเสนาะหู “ใครหึงเขา หนูแค่……แค่ทนดูไม่ได้กับพวกผู้ชายสารเลวที่หลายใจเหล่านั้นเท่านั้น! ”
“บนโลกใบนี้มีผู้ชายหลายใจเยอะแยะไป ทำไมหนูแค่ทนดูเขาไม่ได้ล่ะ? “หลีหยางถามกลับ ทันใดนั้นก็ถามจนหลีชิงเยียนไม่รู้จะตอบยังไง
ปกติหลีชิงเยียนก็ยังถือว่าฉลาดหลักแหลม แต่วันนี้ในบ้านของหลีหยาง การต้องเผชิญกับหลีหยาง ก็ถือว่าสัมผัสได้จริงๆ ว่าอะไรที่เรียกว่าขิงที่แก่กว่าเผ็ดกว่า!
“หนูไม่ควรมานี่เลย! ” หลีชิงเยียนขยับปากแดงขึ้น ใครจะไปนึกถึง เทพธิดาที่เลือดเย็นและไม่มีหัวใจต่อหน้าที่สาธารณะ ตอนนี้กลับทำท่าทางที่น่ารักแบบนี้ออกมาได้ ถ้าถูกคนที่ยำเกรงเหล่านั้นมาเห็นเข้า ก็ต้องรู้สึกตื่นเต้นมากๆ แน่นอน!
และในเวลานี้ รถไมบัคSหนึ่งคันที่จอดอยู่ข้างถนน แล้วก็มีเรือนร่างของคนคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกบ้าน
หลังจากที่เรือนร่างนั้นเดินเข้ามา หลีหยางก็เห็น จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วทักทาย “เจ้าเฉิน”
“พ่อ” เฉินเป่ยหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินเข้าไปใกล้อย่างสนิทสนมมากๆ ทำเหมือนไม่เห็นหลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ เห็นเฉินเป่ยและหลีหยางมีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนั้น ทันใดนั้นจึงตกตะลึง ใบหน้านั้นดูอึ้ง แล้วมองเฉินเป่ยและหลีหยางที่เหมือนพี่น้องกันแท้ๆ ทำให้ค่อนข้างมึนงง!
เธอเกิดเป็นลูกสาวของหลีหยาง หลีหยางกลับไม่ได้สนใจเธอ แล้วพูดคุยกับเฉินเป่ยอย่างเมามันส์
ตอนที่เฉินเป่ยและหลีหยางพูดคุยกัน เฉินเป่ยเสแสร้งและเอาอกเอาใจ ทำให้ยิ้มของหลีหยางไม่เคยหุบ
ส่วนหลีชิงเยียนเหมือนถูกพวกเขาสองคนลืม ทำได้เพียงอดกลั้นความโมโหแล้วมองดูทีวี
“อาหารเสร็จแล้ว” เสียงของหลี่เซียงหานดังขึ้นจากข้างๆ หลีชิงเยียนจึงลุกขึ้น แล้วรีบไปที่ห้องอาหารโดยเร็ว และไม่อยากจะอยู่แม้แต่หนึ่งนาทีหนึ่งวินาที
บนโต๊ะอาหาร อาหารที่ดูเลิศรสและน่ารับประทานแต่ละจานถูกวางอยู่บนโต๊ะยาว กลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจายออกมาจากอาหารเลิศรสนี้ช่างเย้ายวนใจ หลีหยางยิ้มอย่างอ่อนโยน นี่เป็นอาหารฝีเท้าทีมเชฟมิชลินที่เขาเชิญมาจากเยี่ยนจิงโดยที่นั่งเครื่องบินลำส่วนตัว แล้วเลือกใช้วัตถุดิบที่แพงและหายากที่สุดในทั่วทุกมุมปาก
เฉินเป่ยนั่งอยู่ข้างหลีชิงเยียน ทำให้หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
เฉินเป่ยอยากจะเข้าใกล้หลีชิงเยียนหน่อย แต่ตอนที่น่องชองเขาไปโดยน่องขาที่เรียวยาวของหลีชิงเยียน จู่ๆ หลีชิงเยียนก็ยกน่องยาวขึ้น แล้วใช้ส้นรองเท้าส้นสูงเหยียบขาของเฉินเป่ย ทำให้เฉินเป่ยทำหน้าจับตัวเป็นก้อน มุมปากกระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
หลีชิงเยียนใช้แรงอย่างมาก ไม่เพียงแต่เหยียบ สิ่งที่ทำให้เฉินเป่ยทนไม่ได้ที่สุดก็คือ ส้นเท้าของหลีชิงเยียนกลับขย่ำและบิดแรงๆ เหมือนที่เหยียบไม่ใช่ขาของเฉินเป่ย แต่เป็นก้นบุหรี่
“ฉึก…….”
หลังจากที่หลีชิงเยียนปล่อย เฉินเป่ยจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเกือบจะร้องไห้ออกมา
คำสุภาษิตยังบอกว่าความสัมพันธ์สนิทดั่งเลือดเนื้อเชื้อไข เฉินเป่ยนึกไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนจะโหดเหี้ยมขนาดนั้น!
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างทำเสียงในลำคออย่างได้ใจ เหมือนเห็นถึงท่าทางที่ดูทรมานมากของเฉินเป่ย ทำให้ภายในใจของเธอรู้สึกสะใจ
“เป็นอะไรไป เจ้าเฉิน? ” หลีหยางที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น ทำให้เฉินเป่ยทำตัวเกร็งขึ้นมา แล้วคลี่ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรครับ”
บนโต๊ะอาหาร เฉินเป่ยดูใส่ใจและอบอุ่นมาก และเคล้าด้วยความประจบประแจงที่คีบอาหารหลากหลายอย่างให้กับหลีชิงเยียน ผ่านไปไม่นาน ในถ้วยของหลีชิงเยียนมีอาหารเลิศรสหลากหลายอย่างกองเป็นภูเขาเล็กๆ
มือข้างหนึ่งของเฉินเป่ยจับน่องไก่อันมันเยิ้มไว้ แล้วกินและดื่มอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไรเลย พอเทียบกับคนในตระกูลหลีที่กินอย่างสง่าโดยไม่ออกเสียงใดๆ ทำให้เฉินเป่ยกลายเป็นตัวแปลกประหลาด
ส่วนเฉินเป่ยไม่ได้สังเกตเห็นถึงจุดจุดนี้ ยังไงกฎเกณฑ์ของเขาก็คือของฟรีที่ถึงข้างปากแล้วจะไม่กินได้ยังไง
สุดท้าย หลีชิงเยียนก็อดทนไม่ไหว จึงได้ก่นด่าเฉินเป่ยด้วยเสียงเบา “ไม่มีความเป็นผู้ดี”
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนเพียงพริบตาเดียว แล้วยิ้มอย่างประจบ “ชิงเยียน ความเป็นผู้ดีสามารถกินเป็นข้าวไหม? สิ่งที่สำคัญกับความเป็นผู้ดี ก็คือทำให้อิ่มท้อง”
หลีชิงเยียนจึงสุดคำบรรยาย ส่วนหลีหยาง ก็พยักหน้าอย่างน่าแปลก แล้วมองเฉินเป่ยด้วยนัยน์ตาที่ปลอบโยน “ไม่เลว เจ้าเฉิน ฉันนึกไม่ถึงว่านายจะไม่ลืมความรู้สึกแรกขนาดนี้”
ส่วนหลีชิงเยียนก็นิ่งงัน แล้วมองหลีหยาง พลางพูด “เขาทำแบบนี้ พ่อยังชมเขาอีกหรอ? ”
“เสี่ยวเยียน ลูกยังจำตอนที่เราพึ่งมาถึงเมืองหู้ไห่ แม้แต่ข้าวยังไม่อิ่มท้อง ตอนนั้นเราเคยคิดว่าความเป็นผู้ดีไหม? ความเป็นผู้ดี หลังจากที่เราร่ำรวยแล้วถึงจะพูดถึง ตอนนั้นพ่อยังจำกระเป๋าใบที่ซื้อให้หนู แล้วก็ท่าทางตอนที่หนูหิวแล้วหม่ำเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม”
“เรื่องทั้งหมดมันก็ผ่านไปแล้ว แล้วจะพูดถึงอีกทำไม? ” หยีชิงเยียนได้ยินถึงจุดด้อยของหลีหยาง นัยน์ตาคู่สวยจึงอยากจะหลบเลี่ยง เลยรีบเปลี่ยนหัวข้อคุย
“เจ้าเฉินแม้ว่าจะกินอย่างน่าเกลียด แต่ว่าเขาก็ไม่เคยเหลือข้าวเหลืออาหาร คุณภาพชีวิตแบบนี้ เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้” หลีหยางพูดขึ้น
หลีชิงเยียนทำหน้าจับเป็นก้อนทันที เธอมองหลีหยางและเฉินเป่ยอย่างไม่น่าเชื่อ ภายในใจรู้สึกเกิดความสงสัย นี่ใครเป็นลูกแท้ๆ ของหลีหยางกันแน่!
“หนูอิ่มแล้ว” หลีชิงเยียนอดทนไม่ไหวจริงๆ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉย แล้วลุกขึ้นเดินไปชั้นสอง
เฉินเป่ยมองเรือนร่างที่ผอมบางของหลีชิงเยียน ในนัยน์ตาลุ่มลึก เปล่งประกายรอยยิ้มออกมา
…….
และในตอนนี้ ในป่านอกบ้านตระกูลหลี มีเงาสีดำหลายๆ อันคืบคลานอยู่กลางป่า หนึ่งในนั้นคือผู้นำ และกำลังมองกล้องส่องทางไกล โดนผ่านกระจกของบ้านสุดหรู แล้วกำลังสอดแนมทุกๆ การเคลื่อนไหวในบ้าน..