สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 224
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่224 นั่นเป็นฉี่!
นอกบ้านสุดหรู มีเงาดำหลายๆ อันซุกซ่อนตัวในที่มืดอันลุ่มลึกในยามค่ำคืน มีเพียงเสียงหายใจที่แผ่วเบา เหมือนกำลังจะถูกอากาศปกคลุม
หนึ่งในเงาดำค่อยๆ คืบคลานออกจากหญ้า และค่อยๆ คลานไปตรงข้างเงาดำ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “หัวหน้า พวกเขาคิดยังไง ให้เรามาสอดแนมแบบนี้……นี่มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
หนึ่งในเงาดำก็พูดด้วยเสียงเรียบ น้ำเสียงเคล้าด้วยความเย่อหยิ่ง “หลีเช่าหงถูกฆ่า ตระกูลหลีร้องขอให้พวกเราตระกูลหวังสืบหานักฆ่า……ท่านผู้อาวุโสบอกเรา ฝ่ายตรงข้ามที่สงสัยของตระกูลหวัง แค่ในหู้ไห่ก็ร้อยอัพแล้ว ทั้งตระกูลหวังก็ได้แสดงตัวออกมาแล้ว……คนๆ นี้ที่เราสอดแนม เป็นคนที่สงสัยอย่างมาก”
“น่าสงสัยอย่างมาก? ใคร? หลีหยาง หรือว่าไอ้หมอนั้นที่เป็นพ่อพวงมาลัย หรือว่าจะเป็นผู้หญิงของมีแซ่ว่าหลีนั่น? ” หนึ่งในเงาดำแสยะยิ้มขึ้น
“หุบปาก แม้ว่าหลีชิงเยียนจะถูกไล่ออกจากตระกูลหลี แต่ว่าท่าทีที่ตระกูลหลีมีต่อหลีชิงเยียนยังไม่รู้ แกพูดแบบนี้ รนหาที่ตายหรือไง? ” เงาดำที่อยู่ข้างหน้าสุดพึมพำด้วยเสียงเย็นชาและทุ่มต่ำ
คนคนนี้ที่เป็นผู้นำ ก็คือหัวหน้าทีมฝ่ายสืบสวนเล็กๆ ในตอนนี้ ที่ลูกชายของตระกูลหวัง หวังห้าว
“แม่งเอ้ย……นี่เจ๋งเว้ย…..หุ่นนี้! ” หวังห้าวเอากล้องส่องทางไกลจ้องไปยังห้องนอนชั้นสอง แล้วน้ำลายไหล
พวกเขาใช้กล้องส่องทางไกล ก็ได้เห็นอย่างชัดเจน ในห้องนอนหนึ่งห้องที่อยู่ชั้นสอง ถึงแม้จะมีม่านปิดทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่เอาไว้ ทว่าตอนที่หลีชิงเยียนหันข้างเปลี่ยนเสื้อกลับสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน แม้กระทั่งทุกๆ ท่าทาง ทำให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งนัก
ไม่มีคนจะนึกถึง ที่ๆ ห่างจากบ้านสุดหรูเป็นร้อยเมตร จะมีคนแอบสอดแนมอยู่ แล้วใช้กล้องส่องทางไกลแจ๋ว มองทุกการเคลื่อนไหวในบ้านสุดหรู
“เป็นคนสวยจริงๆ ……ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนเกิดมาเพอร์เฟคขนาดนี้มาก่อน” หวังห้าวพยักหน้า ต่อให้เป็นเขา ก็ไม่เคยเห็นเทพธิดาคนที่สองที่เพอร์เฟคเหมือนดั่งหลีชิงเยียน!
นี่เป็นบุคคลขาดแคลนในโลกจริงๆ เป็นการได้รับการรักใคร่จากฟ้าสวรรค์อย่างนับไม่ถ้วนเลยจริงๆ มองไม่เห็นว่าจะมีที่ติเลยสักนิด!
สาวสวยที่เป็นระดับต้นๆ ของเทพธิดา ทำให้คนรู้สึกว่าการเพ้อฝันนั้นเป็นจริง สำหรับผู้ชายมากมาย เป็นการยั่วยวนอย่างไร้เทียมทานจริงๆ
หลีชิงเยียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน แล้วนอนลงไป จากนั้นก็ปิดไฟ ทำให้คนไม่กี่คนที่กำลังจับตาดูห้องนอนของหลีชิงเยียน รู้สึกผิดหวังมาก
ส่วนในห้องรับแขก เฉินเป่ยและหลีหยางกำลังคุยกันอย่างดุเดือด หลังจากที่เห็นหลี่เซียงหานไปที่ห้องครัว จู่ๆ หลีหยางก็กระตุกมุมปากคลี่ยิ้มออกมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าลึกลับมาก
“เจ้าเฉิน พ่อดูๆ แล้ว สายตาของนายดีมาก ไม่งั้นก็ช่วยฉันจำแนกสิ่งสิ่งหนึ่งเถอะ เป็นยังไงบ้าง? ” หลีหยางขยับเข้าไปใกล้ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ ท่าทางดูลึกลับมาก
เฉินเป่ยเลิกหัวคิ้วขึ้น แม้แต่หลีหยางที่เจอกับอะไรมามากมาย ยังไม่มั่นใจกับสิ่งสิ่งนี้……ภายในใจของเฉินเป่ยก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา แล้วยิ้มพูด “สามารถช่วยท่านจำแนกถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐของผม”
หลีหยางควักกล่องสีแดงสุดหรูออกจากกระเป๋า หลังจากที่เฉินเป่ยรับไว้ แล้วค่อยเปิดออกอย่างเบามือ ก็เห็นถึงแสงที่เปล่งประกายจนทำให้แยงตา แค่เห็นแหวนเพชรวงหนึ่งวางไว้ในกล่อง
“เป็นยังไงบ้าง เจ้าเฉิน แหวนเพชรวงนี้ ฉันขอให้คนไปประมูลมาจากยุโรป เสียเงินตั้งยี่สิบล้านถ้วน” หลีหยางพูดขึ้น
เฉินเป่ยกวาดมองแหวนเพชรเพียงพริบตาเดียว ภายในใจไม่ได้เกิดอาการใดๆ และนิ่งสงบอย่างมาก เขาจึงเก็บแหวนเพชรแล้วอย่างนิ่งเฉย แล้วพูดขึ้น “แหวนเพชรไห่รุ่ยสิบกะรัต ถือว่าเป็นของระดับพรีเมี่ยมแล้ว ความบริสุทธิ์ของเพชรไม่เลว คุณลักษณะเหนือ4c และเป็นเพชรที่ดีเยี่ยม และคุณค่าแก่การสะสม แต่ว่า…….” คำพูดด้านหน้าของเฉินเป่ยทำให้หลีหยางโล่งอก และประโยคหลังทำให้สีหน้าของหลีหยางเปลี่ยนไปทันที แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“สีหรือน้ำของแหวนเพชรวงนี้ไม่ได้ถือเป็นขั้นพรีเมี่ยม ส่วนมากมูลค่าก็ราวๆ สิบหกล้าน ยังไม่ถึงยี่สิบล้าน……” เฉินเป่ยมองหลีหยาง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ผมแนะนำให้เลือกแหวนเพชรคาเทียร์ คาเทียร์มีร้านเครื่องเพชรสำหรับกษัตริย์ และร้านเครื่องเเพชรของกษัตริย์มีชื่อเสียงอันดีงาม…..มีคนโด่งดังในตำนานนับไม่ถ้วนก็เคยสั่งทำเครื่องเพชรมากมาย เรื่องราวของคาเทียร์มีมากเกินไป ดังนั้นแหวนเพชรของคาเทียร์ ก็มีความหมายอย่างอื่นคงอยู่”
หลังจากเฉินเป่ยพูดจบ ก็คลายยิ้มกับหลีหยาง “แน่นอนว่าแหวนเพชรวงนี้ เหมาะแก่การส่งมอบให้คนอื่น”
หลีหยางมองเฉินเป่ย คำแนะนำที่คล่องแคล่วเมื่อกี้นี้ทำให้ภายในใจของเขาตกตะลึงเล็กน้อย จึงชื่นชมด้วยรอยยิ้ม “เฉินเป่ย นึกไม่ถึงว่านายจะรู้เรื่องนี้ด้วย”
เฉินเป่ยคลายยิ้มบ้างๆ ตอนนั้นเขาอยู่แอฟริกาใต้ ก็เคยได้เจอวัตถุดิบของเพชรมากมาย……แค่เป็นเครื่องเพชรที่ตนเองทำขึ้นมา แล้วเอาไปต่างประเทศ ก็สามารถประมูลที่ราคาที่สูงลิ่ว!
“เจ้าเฉิน นายช่างตาถึงจริงๆ ฉันกำลังจะจัดงานพนันเพชรพลอยที่เยี่ยนจิง ไม่รู้ว่านายมีความคิดอะไร? ” จู่ๆ หลีหยางก็เปลี่ยนเรื่องคุย แล้วถามขึ้น
ส่วนเฉินเป่ย พอได้ยินหลีหยางพูดถึงคำว่า “เยี่ยนจิง” สองพยางค์นี้ ส่วนลึกของนัยน์ตานั้น เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความลุ่มลึก……
ไม่มีคนรู้ เยี่ยนจิง…..เป็นหนามในใจของเฉินเป่ย!
แผ่นดินที่เจริญรุ่งเรืองนั้น…..เคยมีบุคคลที่น่าอัศจรรย์ที่ลือกันในตำนานปรากฏ และมีคนนับไม่ถ้วนต้องการที่จะไป ส่วนเฉินเป่ยที่นิ่งเฉินตลอดมา ตอนที่ต้องเผชิญกับการเชิญชวนในครั้งนี้ กลับเกิดการลังเลและขัดขืนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน!
หลีหยางมองเฉินเป่ยทำนัยน์ตาเปลี่ยนไป นึกว่าเฉินเป่ยพนันเพชรพลอยไม่เป็น ภายในใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จึงรีบปลอบโยนขึ้น “ไม่เป็นไร งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ไม่ไปก็ไม่เป็นไร คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการพนันเพชรพลอย ถ้าไปร่วมงานแบบนี้ก็ง่ายต่อการสูญเสียทรัพย์จนไม่ได้กลับคืนมา…..”
“ผมไป”
หลีหยางยังไม่ได้พูดจบ ก็ถูกเฉินเป่ยพูดแทรกทันที!
หลีหยางนิ่งงันไป แล้วมองเฉินเป่ย สีหน้าดูตกตะลึงมาก
“นายยังเป็นการพนันเพชรพลอยด้วยหรอ? ” หลีหยางตะลึงงัน ในความทรงจำของเขา เฉินเป่ย เหมือนไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้ ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้จริงๆ
“พอรู้บ้าง และบางส่วนเท่านั้น ผมเคนทำงานให้กับอาจารย์พนันเพชรพลอยท่านหนึ่ง” เฉินเป่ยพูดอย่างสบาย หลีหยางมองเขาแบบกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย จากนั้นพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “งั้นก็ดี ถึงเวลานายออกงานในตัวแทนบริษัท”
หลีหยางทำสีหน้าที่เคร่งขรึมเล็กน้อย แล้วสั่งการขึ้น “งานพนันเพชรพลอยหลายครั้งก่อน เราเชิญพนักงานที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการพนันเพชรพลอยจากข้างนอกโดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ ข้อแม้ของงานพนันเพชรพลอยกลายเป็นว่าต้องให้พนักงานในบริษัทเท่านั้น ถึงเวลาก็จะมีคู่แข่งไม่น้อยมาแย่งชิง นายต้องระวัง”
เฉินเป่ยพยักหน้า นี่เขาเพิ่งจะรู้ ทำไมหลีหยางถึงได้พูดเรื่องนี้ของเขา ที่แท้ก็คือจนปัญญา แล้วเขากำลังจะรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น
ทว่าครั้งนี้ภายในใจของหลีหยางไม่ค่อยเชื่อว่าเฉินเป่ยสามารถสร้างผลงานที่เหนือสิ่งที่ผู้คนคาดคิด……ยังไงการพนันเพชรพลอยเป็นความรู้ที่ซับซ้อนและลึกลับ……ทั้งหัวเซี่ย ผู้ที่มีสิทธิ์ถูกเรียกว่าเป็นอาจารย์พนันเพชรพลอยนั้นถือว่าไม่เยอะ
มีคนมากมายที่ชอบเอาชื่อของอาจารย์พนันเพชรลอยไปแอบอ้าง พวกเขาล้วนเป็นพวก 18 มงกุฎ
เมื่อเทียบกับพวก18 มงกุฎเหล่านั้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเฉินเป่ย คนที่เป็นเขยแต่งเข้าบ้านคนนี้ ทำให้หลีหยางรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง
หลังจากที่พูดคุยกับหลีหยางก็ถึงเวลากลางดึกแล้ว หลีหยางจามไปหลายรอบ ทำให้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อย จึงไม่ได้พูดคุยกับเฉินเป่ยอีกต่อไป แล้วก็ขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอน ส่วนเฉินเป่ย หลังจากที่ดูทีวีไปสักพัก ก็ออกจากบ้านสุดหรู แล้วเดินไปหนึ่งรอย
นอกบ้านสุดหรู หลังจากเงาดำหลายๆ อันเห็นว่าเฉินเป่ยเดินออกจากบ้านสุดหรู หวังห้าวก็ทำสีหน้าที่ดูเกร็ง แล้วสั่งการด้วยเสียงต่ำ เงาดำหนึ่งอันจึงลุกขึ้นทันที แล้วงอตัวลงพลางเดินตามเฉินเป่ยไปติดๆ
สิ่งที่สวยที่สุดในหู้ไห่คือทิวทัศน์ตอนกลางคืน เฉินเป่ยเดินย่อยอาหารข้างถนน แล้วเห็นถนนเส้นนี้ตั้งร้านปิ้งย่างข้างทางเต็มไปหมด ทันใดนั้นก็นึกถึง เยี่ยนจิงตอนหลายปีก่อน…….ทำให้เขาทำสีหน้าที่ซับซ้อนขึ้นมา…..
จู่ๆ เฉินเป่ยก็หยุดชะงักไปฝีเท้าลง แล้วเงาดำเหล่านั้นที่อยู่ในพุ่มไม้ต่างก็หยุดหายใจไปทันที แล้วไม่กล้าขยับ
ส่วนมุมปากของเฉินเป่ยกระตุกขึ้น จู่ๆ ก็เผยยิ้มออกมา และยิ้มนั้นมีความหมายแอบแฝง
ตระกูลหวังชำนาญในการสืบสวน ด้านการใช้นามแฝงและการปลอมตัวเป็นสิ่งที่ชำนาญที่สุด ในอากาศ แม้แต่เสียงหายใจอันแผ่วเบายังยากที่จะได้ยิน
ตอนที่รอให้หวังห้าวเงยหน้า นัยน์ตาก็กวาดมองไป จู่ๆ ร่องรอยของเฉินเป่ยก็หายไป!
หวังห้าวหดม่านตาคู่นั้น นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน เฉินเป่ยก็เหมือนระเหยไปในโลกมนุษย์ หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
หวังห้าวมองไปยังลูกน้องที่ตามเฉินเป่ยไปติดๆ กลับนึกไม่ถึงว่าลูกน้องคนนั้นก็พยักไหล่ แล้วร่องรอยของเฉินเป่ยก็หายไปเหมือนกัน
เฉินเป่ยเหมือนหายใจไปจากอากาศ มันช่างน่าแปลกมาก!
“แม่งเอ่ย ไอ้หมอนั้นมันไปไหนกัน? ” ลูกน้องคนหนึ่งก่นด่าด้วยเสียงต่ำ
“ผีรู้ จู่ๆ ก็หายไปใจชั่วพริบตา”
หวังห้าวขมวดคิ้วเป็นปม ภายในใจของเขาก็มีความคิดที่บังอาจผุดขึ้นมา…..พวกเขาเจอกับศัตรูแล้ว!
นอกจากพวกเขาทั้งหมดต่างก็ประมาทแล้ว ไม่ได้จับตามองเฉินเป่ย…..ไม่งั้น เฉินเป่ยก็คงจะสังเกตเห็นพวกเขาตั้งนายแล้ว ก่อนหน้านี้ก็แสดงละครตลอดมาเท่านั้น!
และในตอนนี้หวังห้าวก็ครุ่นคิดมาจะทำยังไง จู่ๆ ……ก็มีหยดน้ำเม็ดใหญ่เท่าถั่วหยดลงบนหัวของพวกเขา
“ฝนตกแล้วหรอ? ” ลูกน้องหนึ่งคนนั้นถามด้วยเสียงเบา
“ฝนตกได้ยังไง” ลูกน้องอีกคนชี้ไปยังตำแหน่งลูกน้องที่ตามเฉินเป่ยไปติดๆ ทางนั้นแม้แต่หยดน้ำหยดเดียวก็ไม่หยดลงมา
จู่ๆ หวังห้าวก็สูดดมอากาศ แล้วพึมพำขึ้น “ทำไมถึงมีกลิ่นคาว……”
ลูกน้องหนึ่งคนเม้มปากลิ้มรสหยดน้ำ จู่ๆ ก็ทำสีหน้าที่ดูแย่ เหมือนกินแมลงวันจนอยากจะอ้วก แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นฉี่! ”
ซู่ว!
สีหน้าของพวกเขาต่างก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาเคล้าด้วยความโมโห!
สิ่งที่ทำสาดลงมาบนหัวของพวกเขาทุกคน ไม่ใช่ฝน เป็นฉี่!
“เกิดอะไรขึ้น” มีคนตะโกนอย่างตกใจ และหวังห้าว ภายในใจแทบจะรู้สึกถึงภัยอันตรายที่ทำให้เป็นและตายอย่างรุนแรงคุกคามโดยทันที ข้างหลังจึงรู้สึกเย็นจนเสียวไปถึงกระดูก
หวังห้าวลุกขึ้นแล้วหันไปทันที ก็เห็นเฉินเป่ยกำลังยกกางเกงขึ้น แล้วมองพวกเขาหลายๆ คนอยู่ สีหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
“แกเองหรอ! ” หวังห้าวทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็ทั้งตกใจทั้งโมโห เฉินเป่ยกลับฉี่ใส่หัวของพวกเขา……นี่สำหรับพวกเขาแล้ว เป็นการหยามหน้ากันมาก!
“ฆ่า! ” ลูกน้องหลายๆ คนต่างก็ได้สติกลับมา สีหน้าเลือดเย็น และเคล้าด้วยความอาฆาต! ดาบสั้นเป็นเล่มๆ กำลังร่ายรำอยู่ในมือของพวกเขา แล้วกำลังเขวี้ยงไปที่เฉินเป่ยอย่างแรง!
ตระกูลหวัง เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลทองหู้ไห่ พวกเขาที่เป็นลูกชายของตระกูลหวัง ความสามารถคงไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ!
ดาบฝ่าผ่านอากาศ ทำให้เกิดเสียงแหลมคมฝ่าอากาศ เป็นแรงที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวและตกใจ ดาบแหลมคม แค่กระแทกเข้าร่างเฉินเป่ย ก็แทบจะมีจุดจบที่ต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ!
ซั่วๆๆ!
ดาบหลายเล่มถูกเขวี้ยงไปจากหลายทิศทาง เป็นการโจมตีที่ต้องฆ่าสังหาร!
จู่ๆ เฉินเป่ยทำสีหน้าที่เลือดเย็น ทั้งเรือนร่างเคล้าด้วยความอาฆาตที่ทำให้คนรู้สึกหวาดผวา!
วินาทีต่อไป แรงอันใหญ่หลวงและน่ากลัวคุกคาม หลายๆ คนก็เหมือนดั่งว่าวที่เชือกขาด ต่างก็บินออกไกลอย่างรุนแรง!