สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 23
บทที่ 23 ช่างแสดงละครเก่ง
เฉินเป่ยเห็นร่างที่งดงามนั้น มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เขาค่อยๆเดินเข้าไปตรงหน้าหลีชิงเยียน ยกอ่างล่างเท้ามา
เฉินเป่ยถอดรองเท้าส้นสูงสีแดงของหลีชิงเยียนออก สองมือนวดเฟ้นเรียวขายาวสวยซึ่งถูกถุงน่องสีดำรัดแน่น
เฉินเป่ยค่อยๆดึงถุงน่องสีดำอย่างเบามือ รูดลงมาทีละน้อย
ไม่นานก็ไหลลงมาตามขาเรียวยาวนั้นลงมา ไม่อะไรมาขัดขวาง
เฉินเป่ยเกาะกุมขาเรียวสวยเอาไว้ ผิวที่ขาวราวกับน้ำนมนั้น งดงามไร้ตำหนิ ทำให้เฉินเป่ยจิตใจฟุ้งซ่าน ไม่อาจสงบจิตใจได้อยู่นาน
มือที่ใหญ่หยาบของเฉินเป่ยลูบคลำอยู่บนผิวนวลเนียน เฉินเป่ยเห็นผู้หญิงสวยๆที่ต่างประเทศมามาก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นขาใครที่ยาวเรียวขาวนวลเนียนอย่างนี้!
ไม่แปลกที่คนโบราณมักจะชอบพูดว่า “เท้ารูปดอกบัว” ขาของหลีชิงเยียนไม่มีกลิ่นเหม็นเหงื่อแม้แต่น้อย แต่กลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เฉินเป่ยไม่อยากปล่อยมือออก
เฉินเป่ยนำเท้าของหลีชิงเยียนแช่ในน้ำอุ่น น้ำที่อุ่นให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้คิ้วที่ขมวดแน่นของหลีชิงเยียนคลายออกจากกัน
หลีชิงเยียนที่ยังอยู่ในความฝัน ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเฉินเป่ยกำลังนวดเฟ้นเรียวขายาวของตนอยู่ ส้นเท้าค่อยๆชา หลายจุดบนฝ่าเท้าถูก เฉินเป่ยนวดเฟ้น ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าบนตัวหลีชิงเยียนก็ค่อยๆมลายหายไป……
เฉินเป่ยเงยหน้า มองไปที่ใบหน้างดงามนั้น ที่เวลานี้แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ทำให้เฉินเป่ยเจ็บปวดใจมาก
แม้ปกติหลีชิงเยียนจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรเสียก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
ช่วงนี้มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอเหนื่อยมากเกินไป
เฉินเป่ยค่อยๆนวดคลึงเบาๆ นวดให้หลีชิงเยียนนานครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งมือของเฉินเป่ยแช่อยู่ในน้ำจนขาวซีดหมดแล้ว
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป นั่งยองนวดครึ่งค่อนชั่วโมงแบบนี้ คงจะปวดเมื่อยขา แย่ไปนานแล้ว,จะมีก็แต่เฉินเป่ย ที่นั่งยองอยู่แบบนี้ตั้งนาน กลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ท่าทางของเฉินเป่ยในเวลานี้ หากถูกบรรดาหัวหน้าใหญ่ของโลกมืดแห่งตะวันตกรู้เข้า ตาคงแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า! พวกเขานึกภาพไม่ออกเลยว่าท่านราชาหลง จะทำเพื่อนักธุรกิจหญิงธรรมดาคนหนึ่งขนาดนี้ ยอมคุกเข่านวดตามวิธีไม่ได้รับการตกทอดมานาน!
หน่วยงานทางการแพทย์ระดับแนวหน้าหลายแห่งในต่างประเทศ เคยติดต่อขอให้ราชาหลงแสดงวิธีการนวด แต่ก็ไม่สำเร็จ……
ไม่นาน ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของหลีชิงเยียนก็ค่อยๆมลายหายไป เฉินเป่ยได้ยินเสียงลมหายใจที่ผ่อนคลายลงของหลีชิงเยียน จึงยกขาเรียวยาวนั้นขึ้นมาเบาๆ หยิบผ้ามาเช็ดให้แห้ง อุ้มหลีชิงเยียน เดินขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสอง……
รอจนเฉินเป่ยลงบันไดมาจากชั้นสอง ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ค่ำคืนที่มืดมิดลึกล้ำและไม่มีที่สิ้นสุด…..
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงกระหึ่มดังมาไม่ไกล รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำคันหนึ่งขับเข้ามา จอดที่ประตูของคฤหาสน์
ประตูรถเปิดออก ไต้ห้าวหนานที่เจ็บปวดจนเหงื่อท่วมตัว ล้มลุกคลุกคลานออกมาจากรถบีเอ็มดับเบิลยู ลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง หยิบของชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกมาจากท้ายรถ เดินตามติดไต้ห้าวหนานมาทางด้านหลัง
ไต้ห้าวหนานพุ่งตรงมาที่หน้าประตูคฤหาสน์ กดกริ่งอย่างบ้าคลั่ง เสียงกริ่งแหลมบาดหูดังก้องอยู่ภายในบ้าน ทำให้เฉินเป่ยแตะหูอย่างรำคาญ ตะโกนถามออกมาข้างนอกว่า “ใครวะ”
ไต้ห้าวหนานได้ยินเสียงเฉินเป่ย ร่างก็สั่นเทา ชั่วพริบตานั้นเองก็ไม่เหลือความหยิ่งยโสแบบเมื่อก่อน เอ่ยอย่างเคารพอ่อนน้อม “คุณเฉิน ผมมาปรึกษาเรื่องที่จะร่วมมือทางธุรกิจกับชิงเยียนครับ”
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว ท่านประธานหลีหลับแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาคุย” ภายในคฤหาสน์ มีเงาของร่างหนึ่งสะท้อนออกมา
ไต้ห้าวหนานร้อนใจ “คุณเฉิน ผมเตรียมของขวัญมาให้คุณ ขอให้คุณช่วยรับเอาไว้ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ค่อยให้เมียฉันเถอะ” ด้านในคฤหาสน์ เฉินเป่ยได้ยินเสียงไต้ห้าวหนาน เบะปากใส่ เขารู้ดีว่าไต้ห้าวหนานต้องการส่งของมาเพื่อขอโทษ แต่เขาจะใส่ใจของพวกนั้นหรือ
“อย่างนั้นวันนี้ผมขอลากลับก่อน หากก่อนหน้านี้ผมเสียมารยาทอะไรกับคุณ ขอให้คุณเฉินอย่าถือสาคุณอย่างผมเลยนะครับ……คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง……” ไต้ห้าวหนานสีหน้าดูไม่ได้ เฉินเป่ยไม่อยากแม้แต่จะพบหน้าเขา!
แต่เขาก็ไม่กล้าโวยวายอะไรแม้แต่น้อย เพราะถ้าปัญหาที่สำนักงานใหญ่ในต่างประเทศประสบอยู่ตอนนี้เป็นฝีมือของเฉินเป่ย…… เช่นนั้นอำนาจของเฉินเป่ย ไม่ใช่ไต้ห้าวหนานคนอย่างเขาจะต่อต้านได้!
แม้ว่าไต้ห้าวหนานจะไม่กล้าสงสัยในคำพูดของเฉินเป่ยก่อนหน้านี้ เพราะถ้าหากเขาอยากให้บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยฟื้นคืนชีพก็สามารถทำได้จริง!
ไต้ห้าวหนานแม้จะยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในตัวเฉินเป่ย แต่เขาก็ไม่กล้าเดิมพัน เพราะถ้าหากแพ้ พ่อของตนและสำนักงานงานใหญ่ต่างก็พังพินาศ!
“ไปโรงพยาบาล”ไต้ห้าวหนานนั่งลงบนรถบีเอ็มดับเบิลยู เร่งเครื่องยนต์ พุ่งทะยานออกไป
ด้านในคฤหาสน์ เฉินเป่ยยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองรถบีเอ็มดับเบิลยูที่ค่อยๆหายลับไปด้านนอกหน้าต่างมุมปากค่อยๆยกขึ้น ควักโทรศัพท์มือถือออกมา พูดว่า “พอแล้ว ให้บทเรียนกับพวกมันแค่นี้พอแล้ว”
“ลูกพี่ ไต้ห้าวหนานมันยอมก้มหัวให้แล้วจริงเหรอ ในต่างประเทศ บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย ถือว่ามีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ผมกลัวว่ามันจะยังไม่เลิกรา กลับไปเล่นงานพี่สะใภ้อีกนะครับ…..” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“ ฉันเห็นแก่ที่บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยมักจะทำความดีอยู่ไม่น้อยในต่างประเทศ ดังนั้นจึงให้โอกาสเขาสักครั้ง” เฉินเป่ยเอ่ยอย่างแผ่วเบา ดวงตาคู่นั้นเย็นเยือก “ ถ้ามีครั้งต่อไปอีกล่ะก็ ฆ่าไม่เว้น!”
…………
วันนี้ ที่อาคารอาคารตระกูลหลี ภายในห้องทำงานของท่านประธาน
จู่ๆ เลขาหลินเฉว่ก็ผลักประตูเข้ามาพูดว่า “ท่านประธานหลีคะ คุณไต้มาขอพบค่ะ”
“เชิญเขาเข้ามา” หลีชิงเยียนเงยใบหน้าที่สวยหมดจดนั้นขึ้นมา น้ำเสียงชวนฟัง
ไม่นาน ไต้ห้าวหนานก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน มองเห็นร่างที่งดงาม มุมปากยกขึ้นทำมุมเป็นรอยยิ้ม ยกมือโบก “ประธานหลี น้ำใจเล็กๆน้อยๆ อย่าเกรงใจเลยนะครับ”
หลีชิงเยียนเห็นลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของไต้ห้าวหนานวางของขวัญชิ้นใหญ่น้อยลง หน้าตางุนงง “ห้าวหนาน นี่คุณจะทำอะไร”
“เป็นขวัญปลอบใจ ที่เมื่อวานทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย ผมไม่ได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ดี วันนี้จึงมาขอโทษ สองคือต้องการมาทำความร่วมมือกับบริษัทของคุณ…..”
รอจนไต้ห้าวหนานจะออกจากบริษัท หลีชิงเยียนมาส่งไต้ห้าวหนานถึงหน้าประตูบริษัท
“ห้าวหนาน ฉันดีใจมากค่ะที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย ” หลีชิงเยียนเอ่ยอย่างนุ่มนวล ใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยความปีติยินดี มีรอยยิ้มอ่อนๆ ช่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหล
ไต้ห้าวหนานไม่ได้ลืมคำเตือนเมื่อวานแม้แต่น้อย ยิ้มบางๆ “ประธานหลี ครั้งนี้ได้ร่วมงานกับคุณ อันที่จริงแล้วเพราะติดค้างคนๆหนึ่งอยู่”
“ยังมีคนอื่นอีกเหรอคะ” หลีชิงเยียนยกมือกอดอก ขมวดคิ้วแน่น
“ไม่มีเขา บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยก็คงไม่ยอมร่วมงานกับใครรวดเร็วขนาดนี้” ไต้ห้าวหนานทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค แล้วนั่งลงบนรถบีเอ็มดับเบิลยู ขับออกไป
“เขาเหรอ” หลีชิงเยียนสีหน้าตื่นตะลึง เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า การร่วมงานกันของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย จะต้องมีบุคคลที่สามคอยช่วยเหลือ
เป็นบุคคลลึกลับคนไหนกันอีกนะ
หลีชิงเยียนคิดใคร่ครวญในใจ บุคคลลึกลับคนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะคอยแอบช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา
“ประธานหลีคะ” ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านข้าง หลีชิงเยียนหันมา ไม่รู้ว่าซูเหลยมาปรากฏตัวอยู่ข้างเธอตอนไหน
“ทำไมหรือ” สีหน้าหลีชิงเยียนกลับสู่ปกติในทันที
“เรื่องที่คุณให้ฉันสืบ ฉันมีเบาะแสแล้ว” ซูเหลยเอ่ยปากทำให้หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อวานแม้เธอจะแจ้งความกับตำรวจแล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าอัตราการปิดคดีของเมืองเมืองหู้ไห่เป็นอย่างไร ดังนั้นจึงให้ซูเหลยไปสืบดู
เช้าวันนี้ ซูเหลยก็มาพร้อมเบาะแส
กลับมาที่ห้องทำงานท่านประธาน หลีชิงเยียนนั่งลง ใบหน้าสวยนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด
“พูดเถอะ”หลีชิงเยียนเสียงดังกังวาน
“ประธานหลี วันนั้นที่การลอบทำร้ายครั้งแรก สามีของคุณเฉินเป่ย หายตัวไปหรือเปล่าคะ”ซูเหลยถาม
“ใช่”หลีชิงเยียนพยักหน้า
“เมื่อคืนเขาก็มาช้าตอนที่คุณถูกลอบทำร้าย และยังไม่บอกเหตุผลที่ตนเองมาด้วย”ซูเหลยพูดต่อ
“ความหมายของคุณก็คือ……เขาคือคนร้าย”หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว
“ไม่อาจตัดความสงสัยนี้ไปได้ ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ”ซูเหลยพูด
“คุณวางใจได้ค่ะ เขาไม่มีทางเป็นคนร้ายที่วางแผนทำเรื่องพวกนี้”หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะ ออกตัวแทนเฉินเป่ย
“ฉันแต่งงานกับเขามาหลายเดือน เขาไม่ต่างอะไรกับคนใช้ในบ้านฉัน ความอดทนของเขานั้น จะมีปัญญาไปวางแผนอะไรแบบนี้ได้อย่างไร”หลีชิงเยียนเอ่ย
ซูเหลยนึกถึงเมื่อคืนที่เฉินเป่ยทำหน้ากวนประสาทไม่มีความเกรงกลัวอะไร พยักหน้า พูดว่า“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าประธานหลี ฉันอาจจะต้องพักอยู่ที่บ้านคุณ มาคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้คุณ24ขั่วโมง และยังต้องใช้บอดี้การ์ดสักบริษัท เพื่อความปลอดภัยของคุณ”
“นี่ไม่มีปัญหาค่ะ ที่บ้านฉันยังมีห้องว่างอยู่มากคุณเห็นเขาทำงานบ้านตามปกติทุกวัน คุณก็จะรู้ว่าเขาไม่มีทางไปวางแผนทำเรื่องอะไรพวกนั้นได้เลย” หลีชิงเยียนพยักหน้า
รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำค่อยๆจอดลงที่หน้าโรงแรม ค่อยๆลดกระจกรถลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายน่ากลัว
ไต้ห้าวหนานจับโทรศัพท์มือถือ เสียงจากปลายสายดังมา “สำนักงานใหญ่ปลอดภัยแล้ว แต่เมื่อคืนสูญเสียไปกว่าแสนล้าน ตกลงว่าช่วงนี้แกไปผิดใจกับใครมา ทำไมถึงได้มีอำนาจมากขนาดนี้”
“พ่อ ก็ครั้งก่อนผู้ชายคนนั้นที่ถูกหมายจับที่ฝรั่งเศส เดิมผมคิดว่าเขาก็แค่เศษสวะคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นจะน่ากลัวขนาดนั้น” ไต้ห้าวหนานก้มหน้ามองนิ้วกลางของตนที่ขาดไป เขาจะคิดไม่ถึงได้อย่างไร ผู้ชายที่ดูภายนอกไร้ความสามารถ แต่กลับทำให้ สำนักงานใหญ่เกือบจะพังพินาศ!
เมื่อคืน เหมือนกับเป็นฝันร้าย ฝันร้ายที่ไต้ห้าวหนานไม่อยากหวนคิดถึง!
“แน่ในนะ หากสถานะของไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นจริง ราชสำนักฝรั่งเศสทำไมต้องเชิญเขาไป” เสียงจากปลายสายดังมา ทำให้ไต้ห้าวหนานอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“พ่อ ความหมายของพ่อก็คือ ไม่ใช่ฝีมือเขา”ไต้ห้าวหนานเอ่ยถาม
“เมื่อคืนคนของลอบโจมตีสำนักงานใหญ่ สถานะไม่ชัดเจน แต่ไม่ใช่ผู้ขายที่ราชสำนักฝรั่งเศสเชิญตัวไปแแน่ คนที่ราชสำนักเชิญตัวไป ไม่มีทางที่จะไม่รู้สถานะของเขา เข้าใจมั้ย” ปลายสาย เอ่ยอย่างมีนัยยะ ทำให้ไต้ห้าวหนานมองออกมาด้วยสายตาคมกริบ
“พ่อ ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากไต้ห้าวหนานวางสาย ก็กำมือข้างที่นิ้วด้วนไปของเขาแน่น ร่างสั่นเทา!
“เฉินเป่ย!แกต้องตาย!!”
ในรถบีเอ็มดับเบิลยู ไต้ห้าวหนานสีหน้าโกรธเกรี้ยวสายตาหมายมุ่งเอาชีวิต น่ากลัวอย่างที่สุด!
เขาคิดไม่ถึงว่า เฉินเป่ยจะแสดงละครเก่งขนาดนี้แม้แต่เขาก็ถูกหลอก!
พอเขานึกถึงเรื่องเมื่อคืน ที่เขานำของขวัญไปหาเฉินเป่ย ก็รู้สึกอัปยศอดสูง!
ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอาย!
“ไป เอาตัวเฉินเป่ยมาให้ฉัน ฉันจะให้มันตายทั้งเป็น!!”
วินาทีนี้ รถแท็กซี่คนหนึ่งค่อยๆจอดลงที่หน้าตึกอาคารตระกูลหลี เฉินเป่ยก้าวขาลงมา เดินเข้าไปในตึกอาคารตระกูลหลี。
หลังจากผ่านเครื่องวุ่นวายครั้งก่อนที่อาคารตระกูลหลีเฉินเป่ยก็เป็นที่รู้จักกว่าเมื่อก่อนมาก พอเดินเข้าไป เพียงเสี้ยววินาทีก็ดึงดูดสายตาจากผู้คนมากมาย รวมทั้งมีหลายคนที่ชี้ไม้ชี้มือมาที่เขา
พนักงานหลายคนของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปต่างก็รู้จักเฉินเป่ยแล้ว แต่สาเหตุที่พวกเขารู้จักเฉินเป่ยก็คือ เขาเป็นลูกเขยที่ไร้ความสามารถของตระกูลหลี และยังบอกว่าเขาแต่งงานกับหลีชิงเยียนมานานหลายเดือน เฉินเป่ยอยู่ที่ตระกูลหลีแม้แต่ข้าวยังกินไม่อิ่ม
ดังนั้น เฉินเป่ยในสายตาของพนักงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ก็แค่หนูตกถังข้าสารเท่านั้น ทั้งยังทิ้งศักดิ์ศรีของตน อยากจะเป็นลูกเขยคนรวย ผมลัพธ์ก็คือใช้ชีวิตเหมือนหมาตัวหนึ่ง
ก็เฉินเป่ยไม่สนใจคำพูดซุบซิบนินทาพวกนั้น เข้าไปในลิฟท์ ขึ้นไปชั้นสูงสุดของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
หลังจากพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์มองเห็นเฉินเป่ยครั้งนี้ก็ไม่กล้าขวางเฉินเป่ยอีก ได้แต่มองเฉินเป่ยที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เฉินเป่ยผลักประตู เดินเข้าไปในห้องทำงานท่านประธาน เห็นหลีชิงเยียนกำลังปรึกษาพูดคุยกับหญิงสาวสวยอีกคนอยู่พอดี
เฉินเป่ยชำเลืองมอง ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยเซ็กซี่คนหนึ่ง ผมสีดำยาวสลวยลู่ลงที่ไหล่ ชุดเครื่องแบบสีขาวไม่อาจปิดบังเสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากร่างของหล่อนได้ คอเสื้ออยู่ต่ำมาก มองตามมุมคอเสื้อลงไป ก็จะเห็นเงาสีดำๆ……
เก้าคะแนน!
ในใจ เฉินเป่ยให้คะแนนหล่อนได้ในชั่วพริบตา นี่ต้องได้เก้าคะแนนแน่นอน!หายาก! โดยเฉพาะเรียวขายาวที่อยู่ในถุงน่องสีดำที่ทำให้เลือดสูบฉีด ช่างน่าดึงดูดนัก!
หลังจากที่ เฉินเป่ยเข้ามา ก็ทำให้ผู้หญิงสวยคนนั้นกับหลีชิงเยียนรู้สึกได้
“เขาเป็นใคร” ผู้หญิงสวยคนนั้นถามด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“สามีฉัน”หลีชิงเยียนตอบอย่างรำคาญ จากนั้นหญิงสาวสวยก็ถลึงตามองเฉินเป่ย “ฉันไม่ได้บอกคุณเหรอว่าไม่ต้องมา ยังจะมาอีก!”
“ประธานหลี ผม……” เฉินเป่ยยิ้มเมื่อครู่คิดจะอธิบาย แต่ก็ถูกหลีชิงเยียนตัดบทขึ้นมาก่อน “ออกไป!”
“อ้อ ก็ได้……”เฉินเป่ยรีบออกจากห้องทำงาน รออยู่หน้าประตูห้องทำงาน
ผ่านไปพักใหญ่ ก็มีเสียงชวนให้หลงใหลดังมาจากห้องทำงาน “เสร็จแล้ว เข้ามาเถอะ”
เฉินเป่ยจึงผลักประตูเข้าไป เห็นหญิงสาวสวยคนนั้นอยู่บนโซฟา เรียวขาที่ดึงดูดในถุงน่องสีดำนั้นไขว้กันอยู่ ตาข่ายถุงน่องที่ยั่วยวนนั้น อดไม่ได้ที่จะทำให้คนมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
หญิงสาวสวย กำลังมองเฉินเป่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาคู่นั้น มีเสน่ห์มาก
“คุณมาทำไม”
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานประธาน จ้องมองเฉินเป่ยอย่างเยือกเย็น
สายตาของ เฉินเป่ยมองไปที่อาหารกล่องที่อยู่บนโต๊ะทำงานสองกล่อง ยิ้มแล้วเอ่ยว่า“ประธานหลีกินอาหารสำเร็จรูปมากไม่ดีนะครับ เอาอย่างนี้มั้ยครับผมเลี้ยงพวกคุณมื้อหนึ่ง”
“เสี่ยวเยียน ที่สามีเธอพูดก็ถูกนะ ฉันเพิ่งกลับมาที่เมืองหู้ไห่ เธอก็คิดจะใช้ข้าวกล่องมาต้อนรับฉันแล้วเหรอ” หญิงสาวสวยยิ้มบางๆ น้ำเสียงเซ็กซี่ชวนหลงใหล
หลีชิงเยียนเหล่มองเฉินเป่ย ส่งเสียงฮึ่มในลำคอ“ได้ๆๆฉันเลี้ยงเอง ไปเถอะ”
หลีชิงเยียนลุกขึ้น เดินไปไม่กี่ก้าว รองเท้าส้นสูงอันงดงามนั้นหยุดชะงักกะทันหัน หลีชิงเยียนหันกลับมา ถลึงตาใส่หญิงสาวสวยคนนั้น “ซูเสี่ยวหยุน ต่อไป อย่าเรียกเขาว่าสามีฉันที่บริษัทอีกนะ!”
“ได้ๆๆๆ ตามที่เธอสบายใจ”
หลีชิงเยียนเดินด้วยรองเท้าส้นสูง หลังจากเดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว ซูเสี่ยวหยุนก็ควักบุหรี่สำหรับผู้หญิงออกมาหนึ่งมวน หลังจากจุดแล้วก็ดูด มองเฉินเป่ยอย่างมีเลศนัย “เสี่ยวเยียนพูดถึงคุณให้ฉันฟังตลอด คิดไม่ถึงว่าคุณก็ไม่ได้ดูแย่ แบบที่เสี่ยวเยียนบอกนี่”
เฉินเป่ยมองหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์ตรงหน้า ทุกท่วงท่าอิริยาบถล้วนสง่างาม แม้แต่พ่นควันบุหรี่ออกมา ก็ยังดูมีเสน่ห์เหลือเกิน
“คุณคือ” เฉินเป่ยมองอย่างพินิจพิจารณา
“ซูเสี่ยวหยุน เพื่อนสนิทของเสี่ยวเยียน ฉันเป็นเพื่อนสมัยเรียนตอนที่เสี่ยวเยียนเรียนอยู่ที่Pennsylvania Business School”ซูเสี่ยวหยุนอายุ23ปี แต่กลับดูเป็นผู้หญิงที่โตเกินอายุ23ปี
“เฉินเป่ย สามีของชิงเยียน” มุมปากของเฉินเป่ยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มยียวน สายตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าสวยมีเสน่ห์ของซูเสี่ยวหยุน แต่ภายในดวงตาลึกๆนั้น กลับเต็มไปด้วยความสงบ ไม่ได้มีความปรารถนาอะไร
ทุกอิริยาบถของ ซูเสี่ยวหยุน ล้วนมีแรงดึงดูด
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คาดว่าคงทนไม่ไหวแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าชิงเยียนจะมีความชอบส่วนที่พิเศษแบบนี้” มุมปากของซูเสี่ยวหยุนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมเสน่ห์ กระซิบข้างหูของเฉินเป่ย เอ่ยเบาๆว่า“ฉันก็ชอบผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ แต่ฉันชอบเฉพาะตอนอยู่บนเตียง”
พอสิ้นเสียง ซูเสี่ยวหยุนก็หมุนตัวเดินไป พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ เปิดประตูห้องทำงาน เดินด้วยรองเท้าส้นสูง ไปที่ลิฟต์ซึ่งอยู่ไม่ไกล
เฉินเป่ยมองตามร่างนั้น เขาแบมือ สัมผัสกลิ่นหอมอ่อนที่ลอยละล่องอยู่ ยิ้มอย่างมีเลศนัย
รอจนกว่าเฉินเป่ยเดินมาถึงลานจอดรถชั้น พบว่าหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนนั่งรออยู่ที่เบาะด้านหลังแล้วรอเฉินเป่ยมาทำหน้าที่คนขับรถ
“ประธานหลี คุณไม่ให้บอดี้การ์ดคุณมาขับรถเหรอครับ” เฉินเป่ยเอ่ยถาม
“พูดเพ้อเจ้ออะไร เธอไปสืบเรื่องลอบสังหารเมื่อวานอยู่ คุณนั่นแหละขับไป” หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ย
เฉินเป่ยนั่งลงที่เบาะคนขับ มองผ่านกระจกมองหลัง มองเห็นผู้หญิงสวยสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง กลิ่นหอมอ่อนๆสองแบบผสมกัน กลายเป็นกลิ่นหอมพิเศษ ลอยตลบอบอวลอยู่ในรถ
เมื่อ หลีชิงเยียนเอ่ยตำแหน่งที่อยู่ของสถานที่แห่งหนึ่งแล้ว รถยนต์ไมบัคซีรีย์เอสก็ขับทะยานออกไป มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์ไมบัคเข้ามาจอดที่หน้าประตูร้านอาหารฝรั่งแห่งหนึ่ง,เฉินเป่ยเปิดประตูรถ นางฟ้าสองคนก้าวลงมา เดินเข้าไปภายในร้าน
หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนรูปร่างหน้าตาสวยงามเพียบพร้อม ลำพังแค่คนเดียวก็ดึงดูดสายตาผู้คนแล้ว แต่นี่มีถึงสองคน ปรากฏตัวพร้อมกันที่นี่แล้ว
ในชั่ววินาทีนั้นเอง ผู้ชายในร้านอาหารก็ อดไม่ได้ที่จะมองมาที่สองสาวสวยนี้ ไม่อาจละสายตาไปได้
“นั่งตรงนี้ก็แล้วกัน” ซูเสี่ยวหยุนสุ่มเลือกนั่งลงที่โต๊ะในมุมซึ่งค่อนข้างเงียบ
ทั้งสองนั่งลงไม่นาน พอเริ่มมีคนในร้านมากมายมีความคิดโง่ๆ ที่จะมาจีบพวกหล่อน ทันใดนั้นเอง ก็มีร่างหนึ่งบดบังทัศนียภาพของพวกเขา
ในชั่วพริบตา สายตาผู้คนตกตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงว่า สาวสวยเซ็กซี่ทั้งสองคนนี้ กลับมาทานอาหารกับผู้ชายคนเดียว
นี่มันช่างน่าเสียดายอะไรขนาดนี้!
“ประธานหลี ทำไมพวกคุณเลือกที่แบบนี้ หาก็ยาก” เฉินเป่ยพูด
“พวกเราอยากนั่งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น คุณมีปัญหาเหรอ” หลีชิงเยียนส่งเสียงฮึ่มในลำคอ
ซูเสี่ยวหยุนชำเลืองมองไปรอบๆ มองไปยังเฉินเป่ย,”ถ้าไม่นั่งตรงนี้ อาจจะมีปัญหาก็ได้“
“ปัญหา ปัญหาอะไร” หลีชิงเยียนแววตาแสดงความสงสัย
ซูเสี่ยวหยุนยิ้มอ่อนๆ รอยยิ้มทรงเสน่ห์ ทำให้คนจิตใจหวั่นไหว
“เสี่ยวเยียน ถึงได้บอกว่าเธอมันปัญญาอ่อนไง แค่นี้ก็ไม่รู้” ซูเสี่ยวหยุนพูด พนักงานร้านเดินมา หลังจากที่ ซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียนสั่งอาหารแล้ว ซูเสี่ยวหยุนก็ส่งเมนูให้เฉินเป่ย กระพริบตาปริบ “ตาคุณสั่งแล้ว”
เฉินเป่ยรับมาเมนูมา หลังจากกวาดตามองแล้ว เบ้ปาก “มีแต่เมนูเส้น ไม่มีข้าวเลย”
“ขอโทษครับ คุณผู้ชาย ที่นี่เป็นร้านอาหารตะวันตก ไม่มีข้าวให้บริการครับ” พนักงานเอ่ย
ด้านข้าง สายตาของผู้คนหลายคนมาองมาอย่างดูถูในชั่วพริบตา ผู้ชายคนนี้ เคยกินอาหารฝรั่งมั้ย แม้แต่เรื่องง่ายๆอย่างอาหารตะวันตกไม่มีข้าวยังไม่รู้เลย!
คนบ้านนอกเชยๆที่แม้แต่เรื่องพื้นฐานง่ายๆของอาหารฝรั่งยังไม่รู้ แต่กลับโชคดีได้ร่วมรับประทานกับสาวสวยพร้อมกันถึงสองคน……นี่เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้สองดอกที่ปักอยู่บนขี้วัว!
“ถ้าอย่างนั้น สั่ง……สเต็กอันนี้ แบบมิเดียมแร”เฉินเป่ยชี้ที่เมนู สั่งไปมั่วๆ ทำให้พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกกระอักกระอ่วน แนะนำอย่างมีมารยาทว่า“คุณผู้ชายครับ แบบมิเดียมแรอาจจะไม่ถูกปากคุณ ผมแนะนำเป็นแบบเวลดันดีมั้ยครับ”
“ใช่ กินแบบเวลดันดีกว่านะ มิเดียมแรคุณยังไม่เคยกิน ถึงเวลากินไม่ได้จะถูกหัวเราะเยาะเอาอีก”หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว จู่ๆหล่อนก็นึกขึ้นได้ตอนงานเลี้ยงที่หลีหยางจัดขึ้น แม้แต่มีดกับส้อมเฉินเป่ยยังจับผิดเลย จะรู้เรื่องสเต็กได้ยังไง!
“ไม่ ผมจะเอามิเดียมแร”เฉินเป่ยไม่เชื่อคำแนะนำของพนักงาน
“สเต็กแบบมิเดียมแรนั้นถูกเอาไปวางบนเตาแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับเนื้อดิบ ส่วนสเต็กแบบเวลดันนั้นยังคงรักษารสชาติของเนื้อเอาไว้อยู่ และก็ไม่มีกลิ่นคาว ดังนั้นถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆดังมาจากด้านข้างเฉินเป่ยหันไปมอง เห็นชายในชุดสูทที่ดูหรูหราคนหนึ่ง ชายหนุ่มทีมีดวงตาสีทองชายตามองเฉินเป่ยยิ้มอย่างดูแคลน
“ไม่เคยกินอาหารฝรั่งก็อย่ามาแสร้งทำเป็นรู้ดี เวลดัน เป็นมาตรฐานของอาหารตะวันตก ต่อให้อยู่ในต่างประเทศ ก็เช่นกัน”ผู้ชายที่สวมชุดสูดเอ่ยเบาๆ ปกติจะมีก็แต่คนบ้านนอกคนแก่ที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ลำพังคนอย่างคุณ คู่ควรกับสุภาพสตรีสาวสวยสองท่านนี้หรือ”ผู้ชายสวมสูทนั้นเดินมาข้างๆเฉินเป่ย ร่างสูงใหญ่มองลงมาที่เฉินเป่ย“ถ้าผมเป็นคุณ หากรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้ คงรีบไสหัวออกจากร้านไปแล้ว”
มุมปากของเฉินเป่ยกระดกขึ้น“โอ้ ดูท่าคุณจะรู้ดี”