สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 235
บทที่235 สังหารโหดถึงที่
…………
เยี่ยนจิง บ้านหลี
พลบค่ำ ภายในลานหน้าห้องมุข หลีหงกับหลีเช่าเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่ ตรงกลางของสองคนวางกระดานหมากรุกอันหนึ่ง บนกระดานหมากรุก จัดวางหมากรุกขาวดำไว้เต็ม
สาวใช้สองคนด้านข้างถือโคมไฟไว้ แสงไฟที่เหลืองนวลส่องไปบนกระดานหมาก หลีเช่าเทียนสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหลีหงมองกระดานหมากรุกอยู่ ครุ่นคิดอย่างหนัก
ครู่หนึ่ง หลีหงวางหมากลง ส่ายๆ หน้าแล้วยิ้มบอกด้วยความจำใจ “ปู่แพ้แล้ว”
หลีเช่าเทียนเอ่ยปากอย่างสงบ “อย่าได้ใส่ใจกับการแพ้ชนะแค่ครั้งเดียว คุณปู่ไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง”
หลีหงส่ายหน้า “ปู่ก็แก่แล้ว สมองไม่ประมวลผล หลานเคยเป็นอัจฉริยะของวงการธุรกิจ อนาคตเป็นของหลาน”
หลีเช่าเทียนยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มนิ่งสงบ “คุณปู่เคยบอกว่าความสามารถยิ่งมาก ความรับผิดชอบยิ่งสูง เวลานี้ผมควรจะเปิดตาดูโลกกว้าง และไม่ใช่คร่ำครึอยู่ในโลกธุรกิจแคบๆ ผมอยากแบกทั้งตระกูลหลีไว้”
หลีหงมองทางหลีเช่าเทียน แววตาเผยความชื่นชม “มีหลานอยู่ ตระกูลหลีคิดจะไม่เจริญก้าวหน้าคงยาก”
“ช่วงเวลานี้ปู่ไม่ได้สนใจเรื่องการบริหารบ้านเมือง กำลังฝึกฝนนิสัยของหลานให้แหลมคมมาโดยตลอด ตอนนี้ดูแล้วนิสัยของหลานก็ดีมากแล้ว” หลีหงยิ้มบอก
“คุณปู่ เมื่อไรที่ผมจะรับช่วงต่อจากคุณปู่ เข้าไปดูแลเรื่องของบริษัทได้?” หลีเช่าเทียนมองทางหลีหง
“ตำแหน่งนี้ของปู่ ถ้าอยากส่งต่อให้คนอื่น ยากเสียยิ่งกว่ายาก……ไม่รู้ว่ามีคนมากแค่ไหน ผู้มีอิทธิพลมากแค่ไหนจ้องการเคลื่อนไหวของปู่ทุกก้าวย่าง” หลีหงค่อยๆ เอ่ยปากพูด “รอหลานเตรียมตัวให้พร้อม ปู่ย่อมจะถ่ายทอดทุกอย่างให้หลานอยู่แล้ว”
หลีหงกวาดสายตามองสระน้ำเล็กกลางลานบ้านแวบหนึ่ง บอกว่า “นี่ก็พอสมควรแล้ว หลานควรออกไปมีประสบการณ์ที่โชกโชนหน่อย วันเวลาช่วงที่หลานจิตใจเหงาหงอยเศร้าซึมมานี้ เยี่ยนจิงเปลี่ยนแปลงไปมากมาย หลานไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสสมาคมพ่อค้าของเยี่ยนจิง แค่ต้องรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรง และสายใยของเยี่ยนจิงเมืองแห่งนี้ก็พอ……”
“รอไว้ตอนที่หลานเตรียมพร้อมอย่างแท้จริง หลานย่อมจะรู้เอง” หลีหงพูดจบ ลุกขึ้น สะบัดแขนเสื้อยาว ไม่นานภาพเงาก็หายไปจากหน้าประตูลานหน้าห้องมุข
หลีเช่าเทียนมองทางหน้าประตูลานหน้าห้องมุข แววตาที่เรียบเฉยค่อยๆ ถูกความลุ่มลึกแทนที่……เขาก้มหน้ากวาดตามองแขนเสื้อที่ว่างเปล่า มุมปากโค้งยิ้มเยาะขึ้น
“เพียงน่าเสียดาย แก้แค้นไม่ได้แล้วล่ะ……” หลีเช่าเทียนพูดกับตนเอง บ่นพึมพำ
“หลีเช่าหงตายแล้ว กลับให้ฉันมาลำบากเพื่อคนอื่นเปล่าๆ ……รอฉันรับช่วงจากหลีหงแล้ว……หัวหน้าตระกูลหลีจะถือว่าเป็นอะไรกัน?” มุมปากหลีเช่าเทียนฉีกรอยยิ้มที่เย็นเฉียบขึ้น รอเขานั่งที่ตำแหน่งของหลีหงได้จริง ควบคุมอำนาจสิทธิ์ขาด ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ เฉินเป่ยหลีชิงเยียนจะอยู่หรือตาย ก็ไม่ใช่แค่ความคิดหนึ่งของเขาเหรอ……แม้กระทั่งทั้งเมืองหู้ไห่ เขาก็ได้มาอย่างง่ายดายเช่นกัน
ความแค้นเล็กน้อยในเวลานี้ เขาย่อมไม่เอามาใส่ใจ ทุกอย่างต้องเอาเรื่องใหญ่เป็นหลัก
หลีหงไม่รู้ความคิดในใจของหลีเช่าเทียน ถ้าหลีหงรู้ความคิดทุกอย่างในใจหลีเช่าเทียนในเวลานี้ ต้องไม่ให้หลีเช่าเทียนรับช่วงความรู้ความสามารถของตนเองแน่
…………
เมืองหู้ไห่ สี่แยก รถเบนท์ลีย์ขับออกไปอย่างเร็ว ไม่นานรถตำรวจหลายคันส่งเสียงร้องเข้ามาจากที่ถนนห่างไกล เสียงไซเรนเสียดแก้วหูดังก้องอยู่ในอากาศบนถนนของเมืองหู้ไห่ จอดลงที่ด้านข้างรถไมบัค
เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละนายลงจากรถ เจอหลีชิงเยียนแล้ว เตรียมจะช่วยเหลือหลีชิงเยียน
หลังจากหลีชิงเยียนถูกช่วยเหลือออกมา ร่างกายอ่อนยวบหมดแรง นั่งอยู่บนรถพยาบาล ใบหน้างดงามซีดเซียวราวกับกระดาษ
พนักงานกู้ชีพตรวจร่างกายให้หลีชิงเยียนชุดหนึ่ง พูดปลอบใจเธอ “ประธานหลี คุณเพียงแค่ตกใจไปเท่านั้น ความดันเลือดต่ำเกิน อาการผิดปกติในร่างกายอย่างอื่นไม่มีอะไรพิเศษ”
บนร่างกายของหลีชิงเยียนคลุมผ้าขนหนูไว้ชั้นหนึ่ง เวลานี้การหายใจของเธอยังคงไม่สงบลงมา หายใจเร่งรีบ และยังคงสั่นเทา
ทุกอย่างเมื่อสักครู่นั้นช่างน่าตกใจเหลือเกิน หลีชิงเยียนหลุดเข้าไปข้างเส้นความตาย เกือบจะถึงแก่ความตายแล้ว
ถ้ามีซามูไรสักคนพบว่าเธออยู่ในรถไมบัคเข้า เธอคงตายจริงๆ แล้ว
“พวกคุณยังเห็นคนอื่นๆ อีกรึเปล่า?” หลีชิงเยียนดึงเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งไว้
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นส่ายหน้า บอกว่า “ไม่มีคนอื่นแล้วครับ”
ภายในหลีชิงเยียนตกใจ เฉินเป่ยให้ตนเองรออยู่ในรถ ตัวเองกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
เขาไปที่ไหนกัน?
หลีชิงเยียนไม่ใช่คนโง่ ชั่วขณะนั้นนึกถึงตอนที่เจอลอบฆ่าครั้งแรก เฉินเป่ยพอเจออันตรายก็หลบหนีไป ทิ้งเธอเอาไว้ในรถ
ครั้งนี้เล่นลูกไม้เก่าอีกแล้ว ทิ้งเธอไว้ในรถคนเดียวอีกครั้ง ตัวเองกลับหนีไปไม่สนใจอะไร ถ้าไม่ใช่ผู้ลึกลับท่านั้นปรากฏตัวขึ้น ตนเองคงตายอยู่ในเงื้อมมือของซามูไรกลุ่มนั้นแล้ว
ดวงตาของหลีชิงเยียนเผยความเคียดแค้นที่เย็นยะเยือกออกมา เฉินเป่ยดีต่อเธอมากจริง แต่เธอไม่ชอบพวกที่ขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ที่สุด พอเจอกับอันตรายถึงชีวิต ตัวเองหนีเอาตัวรอดคนเดียว ทิ้งผู้หญิงเอาไว้ เผยสันดานที่เห็นแก่ตัวของเขาออกมา
หลีชิงเยียนยิ่งเกลียดเฉินเป่ยโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งหลีชิงเยียนรู้สึกว่าเฉินเป่ยล้วนไม่คู่ควรกับตนเอง หลีชิงเยียนไม่มีทางทนกับผู้ชายที่นิสัยแบบเฉินเป่ย
วินาทีนั้นหลีชิงเยียนจึงตัดสินใจแน่วแน่ กลับไปตนเองจะต้องคิดหาทุกวิถีทางขับไล่เฉินเป่ยไป
และเวลานี้ เฉินเป่ยที่เป็นแพะรับบาปนั่งอยู่บนรถแท็กซี่คันหนึ่ง ในรถ เฉินเป่ยต่อสายไปหาชิงเหนียน พูดสั่ง “ซามูไรของเขามาโจมตีฉันแล้ว”
ในสายนั้น เสียงของชิงเหนียนลอยมา “ผมเห็นแล้วเหมือนกัน วงจรปิดของเส้นทางแถวนั้นโดนผมปรับแก้เรียบร้อย”
“หามาว่าโอลิเวอร์พักอยู่ที่ไหน” เฉินเป่ยพูดสั่งโดยไม่ต้องคิด
ชิงเหนียนตะลึง “ลูกพี่ พี่จะไปคิดบัญชีกับโอลิเวอร์โดยตรง?”
น้ำเสียงของเฉินเป่ยสงบหนาวเย็น “เมียฉันเจออันตราย ถ้าฉันไม่ไปหาเขาแล้วคิดบัญชีอีก คงจะละอายใจที่เรียกฉันว่าราชาหลง”
หลังนั้นครู่หนึ่ง เสียงของชิงเหนียนก็ลอยมาจากในสายนั้น “ลูกพี่ สามวันก่อน หลังโอลิเวอร์ออกมาจากสนามบิน ไปเยี่ยมเยียนตระกูลหวัง ตอนท้ายตระกูลหวังพาเขาไปที่โรงแรม บันทึกค่าใช้จ่ายที่โรงแรมของตระกูลหวังมีงานเลี้ยงมื้อหนึ่ง ยังมีห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีทห้องหนึ่ง ล้วนเป็นตระกูลหวังออกค่าใช้จ่าย”
“ตระกูลหวัง……” เฉินเป่ยหรี่ตาทั้งคู่นิดหน่อย แววตาประกายความรู้สึกหนาวเย็นผ่าน
“เดี๋ยวส่งที่อยู่ของโรงแรมกับตระกูลหวังให้ฉัน……ให้ฉันยืมรถด้วย” เฉินเป่ยเอ่ยปาก เขาวินิจฉัยว่าที่โอลิเวอร์มา กับตระกูลหวงแห่งหู้ไห่ ต้องเกี่ยวข้องกันอย่างหนีไม่พ้นแน่
…………
เมืองหู้ไห่ เขตส้างหาง เป็นเขตที่วัฒนธรรมละครอุปรากรเซี่ยงไฮ้เข้มข้นมากที่สุด
และข้างถนนที่ติดริมแม่น้ำมากที่สุด เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสารพัดระดับสูงที่สุดของเมืองหู้ไห่ โรงแรมนานาชาติ……ร้านอาหารมิชชิลินชั้นเยี่ยมสุด……แขกที่พักในโรงแรมนานาชาตินั้น ไม่มีสักคนที่ไม่ใช่บุคคลที่ตำแหน่งสูง เฉพาะผู้มีอำนาจถึงจะมีสิทธิ์เข้าพัก
คนรวยแบบทั่วไป อย่างมากก็ทำได้เพียงเข้าไปทานอาหารมื้อหนึ่ง แม้แต่สิทธิ์เข้าพักยังไม่มี
และเวลานี้ ภายในห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีทห้องหนึ่ง โอลิเวอร์สีหน้าหนาวเย็น เขาใส่ชุดสูท จ้องมองภาพทิวทัศน์ยามค่ำของเมืองหู้ไห่
ห้องส่วนตัวถูกเคาะดังขึ้น ลูกน้องสองคนรีบเดินเข้ามา พูดเสียงต่ำ “พวกเราหาที่มาของเฉินเป่ยไม่เจอครับ”
โอลิเวอร์ขมวดคิ้ว พูดเสียงทุ้ม “หาให้ฉันต่อไป จนกว่าจะเจอถึงเลิก”
ลูกน้องสองคนรับคำสั่ง หลังถอยออกไป โอลิเวอร์ก้มหน้า ดวงตาทั้งคู่ค้างนิดหน่อย สังเกตบนถนนเส้นหนึ่งที่ห่างออกไปของเมืองหู้ไห่ โรลส์-รอยซ์แฟนทอมคันหนึ่งขับเข้ามาไวราวกับกระแสไฟ
“น่าสนใจ คาดไม่ถึงเมืองหู้ไห่ยังมีคนมีสิทธิ์ขับรถคันนี้ด้วย” มุมปากโอลิเวอร์ฉีกรอยยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
โรลส์-รอยซ์แฟนทอมขับเข้ามาใกล้ทางโรงแรมนานาชาติด้วยความว่องไว เฉินเป่ยที่อยู่ในรถเหยียบคันเร่งอย่างแรง ความเร็วของโรลส์-รอยซ์แฟนทอมเร็วขึ้นมาอีกระดับ
บนถนนที่รถยนต์เบียดเสียด โรลส์-รอยซ์แฟนทอมขับแซงซ้ายขวาอย่างว่องไว ฝีมือขับรถเหนือขั้น ทำให้โอลิเวอร์สีหน้าประทับใจนิดหน่อย
“ฝีมือขับรถไม่เลว พอจะเป็นคนขับรถฉันได้” โอลิเวอร์ยิ้มพูดกับตนเอง
ในรถโรลส์-รอยซ์ เสียงของชิงเหนียนดังก้อง “ลูกพี่ รถคันนี้แพงมากนะ พี่ทำรถไมบัคพังยับทั้งคันแล้ว อย่าทำรถคันนี้ของผมพังนะ ทำพังแล้วพี่ต้องชดใช้ให้ผม”
“นายคิดว่าฉันมีเงินแค่นิดเดียวนี้รึไง?”
เฉินเป่ยตอบนิ่งๆ ส่วนในห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท โอลิเวอร์ที่จ้องมองโรลส์-รอยซ์แฟนทอมอยู่ ดวงตาทั้งคู่เกาะตัวเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาพบว่า โรลส์-รอยซ์คันนี้เหมือนจะพุ่งมาทางโรงแรมนานาชาติ
“พี่ไม่ขาดเงิน แต่ในฐานทัพใครไม่รู้บ้างว่าพี่หักเปอร์เซ็นต์กัน ขี้เหนียวจริง ก็แค่คนตระหนี่ดีๆ นี่เอง” ในสายโทรศัพท์นั้น ชิงเหนียนพูดถากถาง
ในตอนนี้ ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยประกายทันใด หมุนพวงมาลัยฉับพลัน โรลส์-รอยซ์ที่สง่างามสมบูรณ์แบบพุ่งไปทางโรงแรมนานาชาติอย่างรวดเร็ว
หน้าประตูโรงแรมนานาชาติ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เข้าเวรเห็นฉากนี้เข้า ตกใจจนใจหายไปตั้งแต่แรกแล้ว รีบออกไปจากป้อมยาม ตกใจลนลานจนวิ่งไปด้านข้าง
“ปึง!”
โรลส์-รอยซ์แฟนทอมพุ่งขึ้นขั้นบันไดอย่างไม่ลังเลสักนิด พนักงานรักษาความปลอดภัยแต่ละคนแข่งกันร้องเสียงดัง ตกใจหนีกันกระเจิง
ท้ายที่สุดโรลส์-รอยซ์แฟนทอมก็พุ่งเข้ามาโถงใหญ่ของโรงแรม เคาน์เตอร์ของโถงใหญ่โดนโรลส์-รอยซ์แฟนทอมชนจนแตกละเอียด
“เชี้ย! ลูกพี่โหดร้ายเกินไปแล้ว นี่โรลส์-รอยซ์แฟนทอมเลยนะ ทั่วโลกจำกัดแค่สิบคัน มาโดนพี่ทำพังแบบนี้” ในรถ ชิงเหนียนร้องอย่างตื่นตระหนก
“ให้พวกเขาทำมาอีกหลายๆ คันไม่ได้แล้วรึไง” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ ปิดประตูรถแล้ว
“ศัตรูบุก!”
ซามูไรหลายคนพุ่งออกมาจากในโรงแรม มองเห็นเฉินเป่ย สายตาเปล่งประกาย ความรู้สึกที่เหน็บหนาวโหดเหี้ยมสาดออกมา ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายหลายตัว
ในมือเฉินเป่ยกุมมีดหลงหยาอยู่ สีหน้าเย็นชืด ไม่ได้พูดไร้สาระสักคำ ก้าวเท้าออกมา แพร่เจตนาจะฆ่าแบบไม่มีที่สิ้นสุดไปรอบด้าน
“ตายซะ!” เฉินเป่ยตะโกน มีดหลงหยาในมือร้องคำราม บุกตะลุยเข้าไป
“ตึง!” ซามูไรคนหนึ่งยกโต๊ะขึ้น ขว้างไปทางเฉินเป่ย
แสงดำในมือเฉินเป่ยพุ่งออกมาที่โต๊ะเสียงดัง “แกร๊ก” แตกแยกออกทันใด ส่วนแสงดำในมือของเฉินเป่ย ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของซามูไรแล้ว
“ฟู่ๆๆ!”
เฉินเป่ยกุมมีดหลงหยาไว้ในมือ รูปร่างใกล้เหมือนกับสายฟ้าแลบ ถึงแม้ซามูไรเหล่านี้จะแข็งแกร่ง แต่ยังสู้คนกลุ่มที่มาฆ่าเขาก่อนหน้านั้นไม่ได้ ในสายตาของเฉินเป่ยจึงไม่ต่างอะไรกับเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง!
ซามูไรหลายคนล้มจมกองเลือด ความเร็วของเฉินเป่ยช่างไวเหลือเกิน ทำให้พวกเขาไม่ทันตอบสนองกลับก็หมดลมหายใจแล้ว ดวงตาทั้งคู่เบิกโต ตายตาไม่หลับ!