สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 240
บทที่240 ถามเจ้านายเธอดูว่าฉันเป็นใคร
บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ในห้องทำงานท่านประธาน
หลีชิงเยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ทันใดนั้นประตูห้องทำงานมีเสียงเคาะดังขึ้น
“เข้ามา” หลีชิงเยียนเอ่ยปากเสียงที่น่าดึงดูด
ซูเหลยเดินเข้ามาจากด้านนอก เดินมาตรงหน้าของหลีชิงเยียน
“มีธุระอะไรเหรอ?” หลีชิงเยียนมองทางซูเหลย
ซูเหลยพยักหน้าแล้วเดินวนห้องทำงานรอบหนึ่ง กวาดมองแต่ละมุมของห้องทำงานด้วยสายตาละเอียด
มองเห็นซูเหลยละเอียดขนาดนี้ ดวงตาของหลีชิงเยียนเผยความสงสัย ถามว่า “ซูเหลย เธอกำลังมองอะไร?”
“ดูว่ามีเครื่องดักฟังรึเปล่า” ซูเหลยบอกไป
ภายในหลีชิงเยียนตกใจ “เธอหมายความว่าห้องทำงานของฉันถูกคนติดตั้งเครื่องดักฟัง?”
ซูเหลยส่ายๆ หน้า “ฉันเพียงแค่กังวล ป้องกันเอาไว้ก่อนเท่านั้น เลยจะตรวจสอบรอบหนึ่ง”
“มีอะไรกันแน่?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น ความระมัดระวังผิดปกติของซูเหลย ทำให้ในใจเธอเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน
“ประธานหลี คุณยังจำกลิ่นคาวเลือดบนตัวเฉินเป่ยเมื่อคืนนี้ได้มั้ย?” ซูเหลยพูดขึ้น
หลีชิงเยียนพยักหน้าแล้ว ซูเหลยเอ่ยปาก “วันนี้ตอนเช้า ฉันหาเสื้อเชิ้ตติดเลือดตัวหนึ่งออกมาจากในตู้เสื้อผ้าของเขา บนเสื้อเชิ้ตตัวนี้เปื้อนด้วยเลือดสด”
ซ่า!
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนแข็งทื่อฉับพลัน คำพูดของซูเหลยทำให้ท่าทางของเธอฝืดค้าง
“เธอแน่ใจเหรอว่าหาออกมาจากตู้เสื้อผ้าของเขา?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าหนักหน่วง เรื่องนี้ เอามาล้อเล่นไม่ได้
ซูเหลยพยักหน้า “จริงแท้แน่นอน เสื้อตัวนี้ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องทำงานของฉัน”
หลีชิงเยียนหนาวเย็นไปทั้งตัว……อย่างไรเสียเธอก็นึกไม่ถึง เจ้าหนุ่มที่นิสัยเหมือนพวกนักเลงมากคนนั้น จะซ่อนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดตัวหนึ่งเอาไว้
“เธอหมายความว่า……เสื้อตัวนี้ เป็นที่เปลี่ยนมาจากตัวเขา?” หลีชิงเยียนที่ฉลาดหลักแหลม ไม่นานเดาความหมายของซูเหลยได้
ซูเหลยที่ใบหน้าเคร่งขรึมพยักหน้าแล้ว “นอกจากความเป็นไปได้แบบนี้ ทำไมเขาต้องซ่อนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดไว้ด้วย……โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเช้านี้มีข่าวรายงานคดีฆาตกรรมแบบเดียวกัน”
ซูเหลยล้วงมือถือออกมา ยื่นให้หลีชิงเยียน หลีชิงเยียนรับมือถือเข้ามา ดวงตากวาดผ่านหน้าจอมือถือ ทันใดนั้นหนาวเย็นทั้งตัว
“เมื่อคืนโรงแรมนานาชาติโดนบุกโจมตี นักฆ่าลึกลับคนหนึ่งฆ่าคนตะวันตกท่านหนึ่งในโรงแรมทิ้ง และลูกน้องหลายคนของคนตะวันตกคนนี้โดนฆ่าทั้งหมด” ซูเหลยพูดขึ้น
หลังหลีชิงเยียนรับรู้เรื่องกระทบกระเทือนอารมณ์ก็แข็งค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ในสมองว่างเปล่า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลีชิงเยียนค่อยๆ เงยหน้า มองทางซูเหลย ก่อนจะบอกว่า “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ ทำได้เพียงตั้งข้อสงสัยสูงไว้ เขากับเรื่องนี้ หนีไม่พ้นที่จะข้องเกี่ยวกัน” ซูเหลยพูดเสียงทุ้ม
“รู้แล้ว เรื่องนี้เธอรับผิดชอบไปแล้วกัน” หลีชิงเยียนถอนหายใจทีหนึ่ง หลังซูเหลยเดินออกจากห้องทำงาน ใบหน้าที่งดงามขาวนวลของเธอเผยความเหนื่อยล้าออกมา
ในสมองของหลีชิงเยียนปรากฏความทรงจำแต่ละฉากในอดีตของเฉินเป่ยกับเธอ……เวลานี้เธอรู้เรื่องตัวเย็นเฉียบ เวลานี้หลีชิงเยียนอารมณ์แข็งค้างไป อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีทางเชื่อ ผู้ชายคนนั้นที่เกาะผู้หญิงกินในสายตาเธอ จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกะทันหัน กลายเป็นฆาตกรในคดีฆาตกรรม
เสื้อเปื้อนเลือดนั้น พอจะเชื่อมเบาะแสมากมายเหลือเกินออกมาได้
ใบหน้าหลีชิงเยียนซับซ้อน เกรงว่าเธอในอดีตคงนึกไม่ถึง ว่ามีสักวันที่เธอต้องมาดิ้นรนเช่นนี้เพราะผู้ชายคนหนึ่ง
หลังซูเหลยกลับมาถึงห้องทำงาน ดึงลิ้นชักชั้นหนึ่งในนั้นออก
ในลิ้นชักมีเสื้อเปื้อนเลือดตัวหนึ่งวางอยู่นิ่งๆ
เสื้อเชิ้ตตัวนี้เดิมทีขาวโพลนไม่เปื้อนสักนิด ตอนนี้กลับเปื้อนเลือดสดนับไม่ถ้วน ทำมันย้อมเป็นเสื้อเชิ้ตสีเลือดตัวหนึ่งได้เลย
ซูเหลยสีหน้าหนักหน่วง มุมปากฉีกความได้ใจขึ้น เสื้อเชิ้ตสีเลือดตัวนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่เธอจะเปิดโปงเฉินเป่ย
แม้กระทั่งในใจของซูเหลยยังเกิดความเปลี่ยนแปลงนิดๆ หล่อนทุ่มเทความคิดมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็คว้าโอกาสที่ยากจะได้รับครั้งนี้มาแล้ว
แววตาซูเหลยเผยความแน่วแน่และภูมิใจออกมา……เฉินเป่ย ฉันจะดูว่าครั้งนี้นายจะอธิบายอย่างไร
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่แตะเสื้อตัวนี้ในตู้เสื้อผ้าเด็ดขาด”
ในเวลานี้ ด้านหลังของซูเหลยมีเสียงที่สงบนิ่งเรียบเฉยดังขึ้นทันใด
เสียงนี้ดังขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ทำให้ใบหน้าของซูเหลยค้าง จากนั้นสันหลังหนาวเย็น
ซูเหลยหันหน้าอย่างแข็งทื่อ มองเห็นเฉินเป่ยเอามือทั้งคู่ล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ มองหล่อนด้วยความนิ่งสงบ ในปากดูดบุหรี่มวนหนึ่ง
เฉินเป่ยท่าทางเรียบเฉย มองทางซูเหลย มุมปากโค้งเส้นรัศมีวงกลมที่ล้ำลึกขึ้น
ดวงตาทั้งคู่ของซูเหลยหดตัวเล็กมาก เฉินเป่ยปรากฏตัวที่ด้านหลังหล่อนกะทันหัน ทำให้เธอไม่มีคำจะพูดสักนิด
“นายอยากทำอะไร!” ซูเหลยเก็บเสื้อเปื้อนเลือดลง สอบถามเสียงดุ
“ไม่อยากทำอะไร เพียงแต่อยากเตือนสติเธอสักหน่อย ของของคนอื่น อย่าไปรื้อมั่วซั่ว ไปแตะต้องมั่วๆ ไม่อย่างนั้นจะมีผลลัพธ์ที่เธอไม่มีทางจินตนาการได้” เฉินเป่ยพูดจานิ่งๆ
ใบหน้างดงามของซูเหลยฝืด ยิ้มเยาะตอบ “หึ ในที่สุดก็เปิดเผยด้านแท้จริงของนายแล้วสินะ ที่จริงนายไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น……นายเป็นใครกันแน่?”
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือฉันหวังว่าต่อไปเธอจะ…….ซื่อสัตย์หน่อย” เฉินเป่ยเอ่ยปาก หลังนิ่งไป ก่อนจะบอกว่า “เธอสามารถไปถามเจ้านายเธอได้ว่าฉันเป็นใคร”
หลังคำพูดนี้ของเฉินเป่ยออกไป ร่างกายซูเหลยสั่นสะท้าน ชั่วขณะนั้นแข็งทื่อ ในแววตาที่มองทางเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ในแววตาของซูเหลยเหลือเพียงความตื่นตระหนกและตกใจ
แม้แต่หลีชิงเยียนยังไม่รู้ ซูเหลยมีโอกาสกลายเป็นบอดี้การ์ดข้างกายของหลีชิงเยียนได้ ย่อมไม่ใช่เพราะดวงดีได้มา
ประสบการณ์ของเธอถึงจะสำคัญ แต่ที่ยิ่งสำคัญกว่าคือเบื้องหลังของเธอ มีคนหนึ่งคอยบงการอยู่ในที่ลับ ทำให้หลีชิงเยียนมีโอกาสบังเอิญเจอ แล้วเลือกซูเหลย
ทุกอย่างนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ในความเป็นจริงมีเพียงซูเหลยที่รู้ดี คนที่ช่วยเหลือเธอผู้นั้น มีที่มาใหญ่มาก และเดิมทีหาเรื่องไม่ได้
และเรื่องราวนี้ มีเพียงเธอกับคนผู้นั้นที่รู้ ไม่มีบุคคลที่สามที่รู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด
และตอนนี้เฉินเป่ยกลับใช้คำเดียวพูดความจริงออกมาจนหมด ร่างกายซูเหลยสั่นเทา……หล่อนไม่อยากเชื่อว่าเฉินเป่ยจะรู้ว่าเจ้านายของเธอคือใคร
หลังเฉินเป่ยพูดจบ รอยยิ้มลุ่มลึก ค่อยๆ หมุนตัว เดินออกจากห้องทำงานไป
ในห้องทำงาน ซูเหลยยืนค้างอยู่ที่เดิม สีหน้าสั่นไหวไม่หยุด อารมณ์ไม่มั่นคง
ต่อให้ซูเหลยสติปัญญามากเฟื่องฟู เวลานี้ก็จิตใจสับสนขึ้นมาแล้ว แววตาสั่นไหวไม่หยุด สุดท้ายหยิบมือถือขึ้นมาแบบสั่นเทา ต่อสายไปที่หมายเลขหนึ่ง
หลังต่อสายโทรศัพท์ ในสายนั้นเสียงของชิงเหนียนดังขึ้น “โทรหาฉันมีธุระอะไร?”
“สามีของหลีชิงเยียน เฉินเป่ย สรุปเขาเป็นใคร?” เสียงของซูเหลยสั่นเครือ ในแววตาประกายความมหัศจรรย์
ในสายนั้น ชิงเหนียนเงียบครู่หนึ่ง ถามว่า “เป็นเขาให้เธอมาถามฉันสินะ?”
มือที่ซูเหลยกุมมือถือไว้สั่นระริกไม่หยุด “ใช่”
“งั้นบอกเธอก็คงไม่เป็นไร คือลูกพี่ฉันเอง เข้าใจรึยัง?” ชิงเหนียนเอ่ยปากบอก
ปึก!
ชิงเหนียนพึ่งพูดจบ ร่างกายซูเหลยสั่นเทา มือข้างนั้นที่กุมมือถือไว้ปล่อยออกทันใด เสียงมือถือกระทบพื้นดังปึก ใบหน้าซีดเซียวอย่างยิ่ง หายใจเร่งรีบผิดจังหวะ
ในสมองของเธอผุดภาพแต่ละฉากไม่ขาดสาย เธอนึกถึงรอยยิ้มที่ลุ่มลึกเมื่อสักครู่ของเฉินเป่ย……ในที่สุดเข้าใจขึ้นมาแล้ว เธอเข้าใจอะไรมากมายเหลือเกิน