สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 242
บทที่242 เพิ่มแรงกดดัน
หลีชิงเยียนอึ้งค้างยืนอยู่ที่หน้าประตู มองรถตำรวจทางด้านนอกคฤหาสน์หรูที่ขับไปไกลด้วยความเร็วคันนั้น ดวงตาเผยสีที่กังวลออกมา
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับสถานการณ์ก่อนหน้าเลย หลีชิงเยียนมองรถตำรวจแต่ละคันเหล่านั้น ในใจสั่นเทาไม่หยุด
เธอรู้ดีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้มาทำไม ยิ่งรู้ว่าเฉินเป่ยถูกจับไปเพราะอะไร
ครั้งนี้ซูเหลยทายถูกแล้ว การมาของเย่ชวงยืนยันการคาดการณ์ของซูเหลย……เฉินเป่ยเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่เกี่ยวข้องนิดหน่อย
หลีชิงเยียนอกสั่นขวัญแขวน กลับมาถึงที่โต๊ะอาหาร ซูเสี่ยวหยุนถามด้วยเสียงน่าดึงดูด “เขาถูกพาไปแล้ว?”
หลีชิงเยียนพยักๆ หน้า ดวงตามองทางซูเหลย ถามว่า “เธอมองว่ายังไง?”
เธอกำลังขอความคิดเห็นของซูเหลย อยากฟังซูเหลยมองเรื่องนี้ว่าอย่างไรสักหน่อย
ก่อนหน้านี้ซูเหลยคาดคะเนว่าเฉินเป่ยเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม หลีชิงเยียนจึงได้แต่วางเดิมพัน กดทั้งหมดไว้ที่ตัวซูเหลย
ซูเหลยครุ่นคิดครู่หนึ่ง มองทางหลีชิงเยียน พูดเสียงเบา “ประธานหลี……ครั้งนี้เขาอาจจะยุ่งยากแล้ว”
เสียงของซูเหลยเบามาก ราวกับถูกบดบังในอากาศ แต่คำพูดที่หล่อนกล่าวออกมา กลับทำให้ใบหน้าหลีชิงเยียนฝืดค้าง ดวงตาเผยความหมายยากจะเชื่อออกมา
“แน่ใจเหรอ?” หลีชิงเยียนถามอย่างไม่ตายใจ
ซูเหลยส่ายหน้า “แม้แต่ฉันยังหาหลักฐานที่เกี่ยวกับเขาได้ ตำรวจที่ละเอียดรอบคอบเหล่านั้น เป็นไปได้ยังไงที่จะไม่มีเบาะแสสักนิด”
บรรยากาศเงียบสงัด ร่างกายหลีชิงเยียนสั่นเทานิดหน่อย ก้มใบหน้าลงไปแล้ว
หลังจากไม่พูดอะไรอยู่นาน ซูเสี่ยวหยุนก็ทำลายความเงียบลงก่อน มองทางหลีชิงเยียนพลางยิ้มบอก “เอาล่ะ เสี่ยวเยียน เขาคงไม่เป็นไรหรอก เธอเห็นครั้งไหนที่เขาไม่ดีใจกระโดดโลดเต้นบ้าง?”
ซูเหลยพยักหน้า อดนึกถึงคำพูดของเฉินเป่ยก่อนหน้านี้ที่ห้องทำงานไม่ได้ พูดปลอบใจ “ประธานหลี เฉินเป่ยเขาดวงดี ต้องลบล้างความน่าสงสัยของตัวเองได้แน่”
“ไม่” ทันใดนั้นหลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาเผยความหมายแน่วแน่ออกมา “ฉันทนนั่งดูอยู่เฉยๆ แบบนี้ไม่ได้ พวกเราต้องช่วยเขา”
“ช่วย” ใบหน้าของซูเสี่ยวหยุนฝืดค้าง “ช่วยยังไง?”
“ใช้เส้นสายทุกอย่าง เพิ่มแรงกดดันกับทางตำรวจ” ดวงตาหลีชิงเยียนเปล่งประกาย พูดด้วยเสียงมีเสน่ห์
ใบหน้าซูเสี่ยวหยุนดูอึ้ง มองทางหลีชิงเยียนอย่างตกใจมาก “เสี่ยวเยียน เธอบ้าไปแล้วเหรอ……เธอจะให้พวกเราเพิ่มแรงกดดันกับทางตำรวจ? ไม่กลัวโดนจับขึ้นมาเหรอ”
ดวงตาของหลีชิงเยียนเผยความหมายที่หนักแน่ออกมา “พวกเขาไม่มีเหตุผลสักนิด แม้แต่หมายจับยังไม่เอามายังมาจับคนของฉัน มีสิทธิ์อะไรที่ฉันจะเพิ่มแรงกดดันไม่ได้?”
ดวงตาหลีชิงเยียนมองทางซูเสี่ยวหยุน พูดเสียงน่าดึงดูด “มีเพียงวิธีนี้แล้ว ช่วยไม่ช่วยเขา ทั้งหมดอยู่ที่ความคิดของเธอ……ช่วยแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีความหวัง”
ในเวลานี้ซูเหลยพูดออกมาเช่นกัน “ลองดูหน่อย ก็ไม่ผิดอะไร”
ซูเสี่ยวหยุนมึนงง เธอมองทางซูเหลยและหลีชิงเยียนด้วยความตกใจ อย่างไรเสียเธอก็นึกไม่ถึง แม้แต่ซูเหลยที่ก่อนหน้านี้พุ่งเป้าไปที่เฉินเป่ยมาตลอด เวลานี้กลับเปลี่ยนจุดยืนแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันร่วมมือด้วยแล้ว ถึงจะไม่ได้อยู่ที่หัวเซี่ยอีก ยังไงก็ต้องเอาเจ้าหมอนี้ออกมาให้ได้” ซูเสี่ยวหยุนกัดฟัน ล้วงมือถือออกมา
…………
ในเวลาเดียวกัน คฤหาสน์ตระกูลหลี
หลีหยางกับหลี่เซียงหานกำลังนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟา บรรยากาศสนุกครึกครื้น
ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของหลีหยางแข็งตัว สายตาหยุดที่ภาพในโทรทัศน์ สายตาหยุดชะงักมองในโทรทัศน์ที่กำลังรายงานคดีฆาตกรรม
ภาพมากมายในโทรทัศน์ทำการเซนเซอร์ไว้แล้ว แต่หลี่เซียงหานที่เกิดในตระกูลผู้ดีมีการศึกษายังคงยากจะรับได้ ปิดปากไว้แล้ว
และในเวลานี้โทรศัพท์ตั้งโต๊ะสีทองที่อยู่ด้านข้างดังขึ้นมาเร่งด่วน
หลีหยางหันหน้า หลังรับสายโทรศัพท์ ในสายนั้นเสียงที่ร้อนใจของหลีชิงเยียนลอยมา “พ่อคะ เกิดเรื่องแล้ว!”
“มีอะไรแล้ว?” ในใจหลีหยางเต้นแรง มองภาพข่าวในโทรทัศน์ทีหนึ่ง มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เฉินเป่ยถูกทางสถานีตำรวจหู้ไห่จับกุมไปแล้ว” คำพูดของหลีชิงเยียน ทำให้สีหน้าของหลีหยางแข็งตัวทันที
“เขาโดนจับแล้ว? เป็นไปได้ยังไง?” หลีหยางท่าทางยากจะเชื่อ
“เมื่อกี้เย่ชวงของสถานีตำรวจหู้ไห่มาจับคนที่บ้านหนูด้วยตัวเอง เฉินเป่ยตามหล่อนไปแล้วด้วย” หลีชิงเยียนบอกไป “พ่อคะ พวกเราต้องรีบเพิ่มแรงกดดันกับทางสถานีตำรวจหู้ไห่นะคะ ใช้เส้นสายทุกอย่างให้พวกเขาปล่อยตัวคน”
“พ่อรู้จักเจ้าเฉินดี เขาจะเป็นคนร้ายได้ยังไงกัน พ่อเชื่อว่าใครก็ตามสามารถเป็นคนร้ายได้ มีแต่เขาคนเดียวที่พ่อไม่เชื่อ” หลีหยางเอ่ยปาก เฉินเป่ยเป็นตัวเลือกที่หลีหงแนะนำมา ดูจากแววตาของหลีหง ความประพฤติของเฉินเป่ยไม่จำเป็นต้องสงสัย ผลลัพธ์มาบอกเขาตอนนี้ว่าเฉินเป่ยเป็นคนร้ายที่สังหารหมู่ที่เหี้ยมโหด หลีหยางย่อมไม่เชื่อ
หลังวางสายโทรศัพท์ หลี่เซียงหานขยับเข้ามาใกล้ ถามด้วยความห่วงใย “สรุปเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น?”
หลีหยางสีหน้าเคร่งขรึม “เกิดเรื่องแล้ว เจ้าเฉินโดนทางสถานีตรวจหู้ไห่จับกุมไป”
“หา? ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” ใบหน้าหลี่เซียงหานซีดเผือด “หรือว่า……เป็นเพราะคดีนั้นที่รายงานในข่าว?”
หลีหยางท่าทางแน่วแน่ เขาควักมือถือออก เริ่มต่อสายไปหาแต่ละหมายเลข
ขณะเดียวกันช่วงใกล้กลางดึก ทางด้านหลีชิงเยียน ซูเสี่ยวหยุนพวกเธอเกือบไม่ได้นอนกัน ต่อสายโทรศัพท์ไปแต่ละหมายเลข ใช้เส้นสายความสัมพันธ์ทุกอย่าง เพิ่มแรงกดดันไปทางสถานีตำรวจหู้ไห่
ใครจะไปคิดว่าเดิมน่าจะเป็นเวลาที่ผู้คนมากมายพักผ่อนกัน แต่เวลานี้เจ้านายมากมายแต่ละที่ของเมืองหู้ไห่ค่อยๆ โดนโทรศัพท์แต่ละสายปลุกให้ตื่น
เมืองหู้ไห่ โทรศัพท์แต่ละสายเชื่อมต่ออาณาจักรทุกแห่ง ทำให้เจ้านายมากมายในอาณาจักรต่างกันซึ่งกำลังเสพสุขที่หู้ไห่ค่อยๆ รับสายโทรศัพท์ ทั้งเมืองหู้ไห่เกิดมรสุมไร้รูปร่าง ราวกับกำลังเตรียมก่อการร้ายไม่หยุด
“คุณวางใจได้ ผมจะพยายามเต็มที่ให้สถานีตำรวจหู้ไห่ปล่อยตัวคน”
“วางใจเถอะ ผมกับอธิบดีรู้จักกันดีอยู่ เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาดีๆ สักหน่อย ถามดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…..”
ในสาย น้ำเสียงของเจ้านายแต่ละคนจริงจัง หลังวางสายโทรศัพท์ ค่อยๆ ต่อสายไปที่สถานีตำรวจหู้ไห่
………..
และเวลานี้ รถตำรวจคันหนึ่งกำลังขับผ่านถนนแต่สายในเมืองหู้ไห่อย่างรวดเร็ว บุคคลสำคัญในมรสุมฉากนี้ เฉินเป่ย ไม่รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นสักนิดเดียว
เฉินเป่ยนั่งอยู่ที่นั่งแถวหลัง เย่ชวงนั่งอยู่ด้านข้างของเขา
ในมือของเฉินเป่ยมีกุญแจมือที่ขาวประกายเงินวาววับอันหนึ่ง ล็อกมือทั้งคู่ของเขาไว้
เฉินเป่ยใส่กุญแจมือไว้ สีหน้าเรียบนิ่ง เหมือนไม่ได้รู้สึกประหม่าเนื่องจากกุญแจมืออันนี้
หลังจากที่สายตาเฉินเป่ยมองกวาดไปรอบด้าน สายตาตกอยู่ที่ขาเรียวยาวคู่นี้ของเย่ชวง
ขายาวของเย่ชวงถูกกางเกงหนังห่อหุ้มไว้แน่น เกิดเส้นโค้งขึ้นลงที่น่าดึงดูดเส้นหนึ่ง ทำให้คนเลือดสูบฉีด
เฉินเป่ยจ้องขาเรียวยาวคู่นี้อย่างมีเลศนัย มุมปากโค้งเส้นรัศมีวงกลมขึ้น
เพราะเย่ชวงมักจะปฏิบัติภารกิจบ่อย จึงรักษารูปร่างไว้ดีเป็นพิเศษ ขาและบนเอวหน้าท้องไม่มีเนื้อหย่อนคล้อยสักนิด
และเวลานี้ เย่ชวงนั่งอยู่ที่แถวหลัง สายตามองตรงไป ไม่ได้สังเกตสักนิดว่าเฉินเป่ยด้านข้าง ใช้สายตาพินิจพิเคราะห์เธออย่างเปิดเผย
เฉินเป่ยเห็นว่าเย่ชวงไม่รู้ ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นมา สายตาไล้ตามขาเรียวยาวคู่นั้น ย้ายขึ้นไปด้านบนตลอดทาง กวาดผ่านเส้นโค้งที่หน้านูนหลังงอน หน้าอกที่อวบอิ่ม เครื่องแบบตำรวจดันจนนูนไปหมด
ผมยาวที่ดำสลวยของเย่ชวงประลงมาที่หลังบ่า ใบหน้างดงามขาวเนียนใบนั้น บวกกับรูปร่างที่สมบูรณ์แบบร้อนแรงนี้ ยากมากที่จะไม่ทำให้คนไม่คิดเกินเลย
นี่ถ้าเป็นคอสเพลย์ชุดตำรวจ ต้องยั่วยวนเลือดพุ่งแน่นอน
เฉินเป่ยอดจินตนาการล่องลอยขึ้นมาไม่ได้ และเวลานี้เย่ชวงเหมือนรู้สึกถึงทุกอย่างได้ พอหันหน้ามองก็เห็นสายตาแบบหัวขโมยเร่าร้อนของเฉินเป่ย
“ยังจะมองอีก รอตอนเข้าไปฉันจะดูว่าลูกตานายยังเก็บเอาไว้ได้มั้ย” เย่ชวงพูดด้วยเสียงหนาวเหน็บ
เฉินเป่ยมองทางเย่ชวง เขาไม่ได้กลัวเย่ชวงเหมือนหลีชิงเยียนนั้น
เฉินเป่ยหัวเราะแบบนักเลง พูดแบบมีความหมายสนุก “หัวหน้าเย่ พวกคุณ……กล้าแตะต้องผมเหรอ?”
เฉินเป่ยพูดออกมาแบบนี้ ทำให้สีหน้าของเย่ชวงเย็นชาทันที ดวงตาสาดแสงเย็นยะเยือกออกมา
แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนที่อยู่ด้านหน้าสีหน้าล้วนเปลี่ยนกันหมด มองทางเฉินเป่ยผ่านกระจกมองหลัง สีหน้าเผยความไม่พอใจหนาวเย็น
เฉินเป่ยคลั่งเกินไป กำเริบโอหังที่สุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ไม่เคยเจอใครที่บ้าคลั่งขนาดนี้เท่าเฉินเป่ย นี่คือการยั่วยุเย่ชวงและพวกเขาอย่างเปิดเผย ยั่วยุกฎหมาย
“ความผิดของนาย กฎหมายมีการตัดสินเอง” เย่ชวงกัดฟันบนริมฝีปากแดงที่อวบอิ่มไว้แน่น ค่อยๆ เอ่ยปากบอก
“อ่อ? งั้นเหรอ งั้นนี่ก็หมายความว่าพวกคุณไม่กล้าแตะต้องผมใช่มั้ย?” เฉินเป่ยก้มหน้ามองกุญแจมืออันนี้ทีหนึ่ง ค่อยๆ ยิ้ม รอยยิ้มเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
ก็แค่กุญแจมือเล็กๆ แค่นี้ ยังอยากใส่กุญแจเขาไว้?
คิดเพ้อเจ้อ!
“การยั่วยุให้เกิดอารมณ์ฮึกเหิมของนายไม่มีประโยชน์ รอกลับถึงสถานีตำรวจ หลังคดีดำเนินการสอบสวนและจับผู้ต้องหาได้ก็จะชี้ขาดเอง” เย่ชวงเอ่ยปากเรียบๆ ข้อมูลทุกอย่างนี้ตรงกับเฉินเป่ย เกือบจะตัดสินได้แล้วว่าเฉินเป่ยเป็นคนร้ายฆ่าคนของคดีนี้
“นั่นเป็นคนต่างประเทศ ฆ่าชาวต่างชาติคนนั้นแล้ว นายยังคิดว่าจะอยู่รอดแล้วเดินออกสถานีตำรวจได้?” เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งแถวหน้ากำลังหัวเราะเยาะ
“เขาเป็นคนใช้ของAresในบรรดาสิบสองเทพแห่งโลกชั่วร้ายทิศตะวันตก……มือเปื้อนเลือดสดมานับไม่ถ้วนแล้ว มาถึงหัวเซี่ยก็ทำร้ายคนมากมายตามชอบใจ……นี่คือเพื่อนต่างชาติในปากของพวกคุณเหรอ?” ทันใดนั้นเฉินเป่ยเอ่ยปาก มุมปากฉีกการเสียดสีขึ้น
“เพื่อนต่างชาติของพวกคุณ ที่แท้เป็นปีศาจร้ายที่โหดเหี้ยมมาก” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการถากถาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งอยู่แถวหน้าคอแห้งไร้เสียง ส่วนเย่ชวงที่ด้านข้าง ใบหน้างดงามยิ่งหนาวเย็น “ดูแล้วคนร้ายเป็นนายจริงๆ”
“ผมเพียงแต่รู้จักมือสังหารคนนี้ ผมไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนฆ่าคนพวกนั้นเลย หัวหน้าเย่ การรักษาความปลอดภัยของหู้ไห่เป็นหน้าที่ของคุณ คุณไม่ไปค้นดูหน่อยว่าที่มาของโอลิเวอร์เกี่ยวกับโลกชั่วร้ายทิศตะวันตก…..สงครามที่เกิดในต่างประเทศช่วงนี้ มีหลายครั้งมีภาพของโอลิเวอร์” เฉินเป่ยพูดจานิ่งเฉย
ด้านข้าง ใบหน้าเย่ชวงแข็งทื่อ เฉินเป่ยพูดมีเหตุผลมีหลักฐาน……คาดไม่ถึงทำให้วินาทีนั้นในใจเธอมีการสั่นไหวนิดๆ
“นายรู้มากขนาดนั้น ยังไม่ยอมรับอีกว่านี่คือการฆ่าคนของนาย” เย่ชวงพูดอย่างเย็นชา
เฉินเป่ยยื่นๆ ปาก มองทางเย่ชวง ถามว่า “หัวหน้าเย่ คุณเข้าโรงเรียนตำรวจได้ยังไง ผมสงสัยสมองของคุณมาก ว่าจบจากโรงเรียนตำรวจได้ยังไง”
“นาย!” ใบหน้าเย่ชวงเผยสีแดงจากความอับอาย เฉินเป่ยพูดจาดูถูก ยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เย่ชวงทั้งอายทั้งโมโห
“ถ้าผมพูดมั่วๆ ไปไม่กี่คำก็คือผมฆ่าคน อย่างนั้นผมคงได้แต่ยอมรับว่าทำความผิดแบบไม่ปิดบังแล้ว” เฉินเป่ยยิ้มบอกอย่างเย้ยหยัน “มีพวกคุณไม่กี่ปากนี้ก็พอแล้ว ยังต้องมีกฎหมายอะไรกัน คุณว่าถูกมั้ย หัวหน้าเย่?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเหยียบเบรกกะทันหัน เย่ชวงถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างเย็นชา “พวกเราเจอกันที่ห้องสอบสวน”
พูดจบ เย่ชวงดึงประตูรถออก เดินออกไปจากในรถตำรวจ
เฉินเป่ยก้าวเท้าออก มองทางภาพด้านหลังของเย่ชวง มุมปากฉีกรอยยิ้มขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยการเล่นแง่ขบคิด