สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 245
บทที่245 พวกเขาเป็นทีมความปลอดภัยในประเทศ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนที่ยืนเข้าเวรอยู่ อย่างไรเสียก็นึกไม่ถึงว่าองค์กรที่มีตัวตนอยู่เพียงในตำนานแห่งนี้ จะมีตัวตนอยู่ที่หัวเซี่ยจริงๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนมองหน้ากันและกัน สีหน้าตื่นตระหนก
ฉากยามค่ำยิ่งล้ำลึกขึ้น เวลานี้เป็นช่วงใกล้รุ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนนี้มีลางสังหรณ์ที่รุนแรงบางอย่าง
องค์กรนั้นปรากฏตัวที่หู้ไห่…..น้ำของหู้ไห่ยิ่งขุ่นมัวแล้ว ต้องกระตุ้นให้เกิดเรื่องสั่นสะเทือนแน่
ในสถานีตำรวจหู้ไห่ยุ่งเหยิงเละเป็นโจ๊กแล้ว……โทรศัพท์ในสถานีตำรวจแต่ละสายดังขึ้นแบบเร่งด่วนบ้าคลั่ง ไม่มีหยุดสักช่วง เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ เส้นประสาทตึงแน่น
ไม่มีใครสังเกตเห็นภาพเงาสองคนปรากฏตัวที่หน้าประตูสถานีตำรวจ กำลังรีบเร่งเดินไปทางห้องทำงานอธิบดีของสถานีตำรวจหู้ไห่
ในห้องทำงานอธิบดี อธิบดีเอาขาทั้งคู่พาดไว้บนโต๊ะทำงาน กาแฟเข้มข้นแก้วหนึ่งทำให้เขาตื่นตัวอยู่บ้าง เขาบีบๆ คิ้ว ถอนหายใจทีหนึ่ง
ทุกอย่างมาจากเฉินเป่ยที่เย่ชวงจับกุมมา……ถ้าทุกอย่างเป็นแบบที่เย่ชวงบอก……อย่างนั้นขอเพียงเขานำเฉินเป่ยมอบให้หลีหง อย่างนั้นคงเป็นความสำเร็จใหญ่เรื่องหนึ่ง
ในเวลานี้ ภาพเงาสองคนปรากฏตัวในห้องทำงานขึ้นอย่างเงียบเชียบ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในนั้นมองทางอธิบดี หัวเราะนิ่งๆ “นึกไม่ถึงว่ากลางดึกที่สถานีหู้ไห่จะยุ่งกันเช่นนี้ ทำงานหนักจริงๆ อธิบดียิ่งทำตัวเป็นแบบอย่างด้วย”
อธิบดีสั่นไปทั้งตัว ร่างกายตึงแน่น เขาวางขาทั้งคู่ลง มองทางผู้อาวุโสด้านหน้า สีหน้าหวาดระแวง “คุณเป็นใคร คุณเข้ามาได้ยัง?”
“ออกไป!” อธิบดีตวาด ภาพคนสองคนที่เข้ามา คาดไม่ถึงไม่ดึงดูดการสังเกตของเขาเลยสักนิด
ผู้อาวุโสยิ้มกริ่มมองทางอธิบดี “ให้ผมออกไป นี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลย”
และผู้ชายท่านหนึ่งที่อยู่ด้านข้างผู้อาวุโสก็ล้วงสมุดเล่มเล็กออกมาทันที ยื่นให้อธิบดี เอ่ยปากด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “อันนี้ พอรึยัง?”
อธิบดีรับมา กวาดตามองทีหนึ่ง ยืนอยู่ที่เดิมทันใด สีหน้าเย็นเฉียบ
“ทีมความปลอดภัยในประเทศ…….พวกคุณเป็นองค์กรนั้น” ดวงตาทั้งคู่ของอธิบดีหดฉับพลัน ลูกตาหดเล็กเท่าเข็ม สมุดเล่มน้อยนี้ทำให้สีหน้าของอธิบดีเปลี่ยนไปมาก
“ทั้งสองท่าน……มาที่เมืองหู้ไห่มีภารกิจสำคัญอะไรกันเหรอครับ? ผมให้ความร่วมมือเต็มที่แน่ครับ” อธิบดีเปลี่ยนคำทันใด ชั่วขณะนั้นน้ำเสียงระมัดระวังขึ้นมา หลังนำสมุดเล่มน้อยคืนให้ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างผู้อาวุโสท่านนั้น ท่าทีเปลี่ยนเป็นหน้างอบึ้งตึงอย่างมาก
เขาช่างพิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้าเป็นเหลือเกิน มองสถานการณ์ออกแล้ว……ตำแหน่งของทั้งสองท่านตรงหน้า อยู่ที่หัวเซี่ยพิเศษย่อมเหนือคนอื่นมาก
ผู้ชายคนที่อยู่ด้านข้างผู้อาวุโสนั้น……คาดไม่ถึงจะเป็นสมาชิกหนึ่งในองค์กรทำงานลับเฉพาะของหัวเซี่ยในตำนาน……แต่เขากลับเป็นเพียงผู้ติดตามของผู้อาวุโสเท่านั้น…….
นี่พอสามารถพูดได้ว่าตำแหน่งสถานะของผู้อาวุโสยังลึกลับกว่าผู้ชายคนนั้นมาก
ในใจอธิบดีสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสท่านนี้……
“ง่ายมาก ไม่ต้องตื่นเต้น” ผู้อาวุโสยิ้มแล้ว “เพียงแค่ต้องการตัวคนหนึ่งเท่านั้น”
ถึงผู้อาวุโสจะพูดแบบนี้ แต่อธิบดีไม่กล้าไม่สนใจสักนิด ถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองต้องการใครครับ ผมจะนำทีมจับเขามาให้ด้วยตัวเอง” อธิบดีตบหน้าอกพูดขึ้น
“ไม่ต้องรบกวนคุณ คนคนนี้ก็อยู่ที่สถานีตำรวจหู้ไห่ของพวกคุณ” ผู้อาวุโสหัวเราะฮาๆ
“คนนี้คือใครครับ?” อธิบดีถาม
“เฉินเป่ย” ผู้อาวุโสส่งเสียง ส่วนอธิบดีตกใจทันที มองทางผู้อาวุโส ถามอย่างตะลึง “ทั้งสองท่านต้องการเขา?”
“ใช่”
“ทั้งสองท่าน…….นี่คงจัดการไม่ง่าย……” อธิบดีใบหน้าเผยความลำบากใจ เขานึกถึงที่เย่ชวงบอกเขา ว่าเฉินเป่ยคือคนร้ายที่ฆ่าหลีเช่าหง ซึ่งเป็นจริงแบบที่พูด “เฉินเป่ยเขาก่อเรื่องวุ่นไปทั่วทั้งเมืองหู้ไห่ แม้กระทั่งหลีเช่าหงคุณชายใหญ่ของตระกูลหลีที่เยี่ยนจิงก็ตายเพราะเขา…..ถึงตอนนี้ผมยังไม่มีคำอธิบายให้ท่านที่บ้านหลีเลยครับ”
“ไม่เป็นไร” ผู้อาวุโสโบกๆ มือ มองทางอธิบดี สายตานั้นเหมือนจะสามารถมองทะลุอธิบดีได้ ผู้อาวุโสมองอธิบดียิ้มเหมือนไม่ยิ้ม บอกว่า “องค์กรของพวกเราทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้หลีหงมายุ่ง”
อธิบดีมองทางผู้อาวุโส สายตาสั่นไหวนิดหน่อย ท่าทางเขานิ่งเฉยมาก ความเป็นจริงในใจที่โดนคำพูดของผู้อาวุโสทำให้ตื่นตระหนกไปตั้งนานแล้ว
ช่างบ้าเหลือเกิน น้ำเสียงที่ผู้อาวุโสกล่าวนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นหลีหงในสายตาเลย
หลีหงอยู่ที่หัวเซี่ยตำแหน่งสูงอำนาจมาก ถึงแม้อยู่ที่เยี่ยนจิงก็ไม่มีใครกล้าพูดจาขนาดนี้
แต่ผู้อาวุโสกลับกำเริบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ โดยเฉพาะบนหน้ายังมีรอยยิ้มที่มั่นใจในตัวเองด้วย พูดอย่างผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ราวกับนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวมากอะไร
อธิบดีมองผู้อาวุโสแบบอึ้งทึ่ง ในใจยากจะสงบ
นี่คือทีมความปลอดภัยในประเทศ องค์กรทำงานลับเฉพาะลึกลับของหัวเซี่ย…..ตำนานของทีมความปลอดภัยในประเทศที่หัวเซี่ยมีไม่น้อย แต่หัวเซี่ยแต่ไหนแต่ไรไม่เคยยอมรับการมีตัวตนของทีมความปลอดภัยในประเทศ
เมื่อเทียบกับฝ่ายกลยุทธ์การป้องกันที่สั่นสะเทือนสยบประเทศต่างๆ ทีมความปลอดภัยในประเทศก็แค่เหมือนเงาเท่านั้น พวกเขาปกป้องหัวเซี่ยอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครจะไปรู้ผลงานของทีมความปลอดภัยในประเทศ ทุกคนจำได้แต่ฝ่ายกลยุทธ์การป้องกัน
แต่เวลานี้พอมองอธิบดีที่มีประสบการณ์ความรู้โชกโชนก็ดูออกแล้ว กำลังของทีมความปลอดภัยในประเทศตรงหน้านี้ เกรงว่าคงไม่แพ้ให้ฝ่ายกลยุทธ์การป้องกันใหญ่แต่ละที่ของหัวเซี่ยแน่
เทียบกับความยิ่งใหญ่ภายนอกของฝ่ายกลยุทธ์การป้องกันทีมความปลอดภัยในประเทศยังกระตุ้นความกลัวของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นได้ง่ายกว่า……ไม่มีใครชัดเจนในความสามารถที่แท้จริงของทีมความปลอดภัยในประเทศ ทีมความปลอดภัยในประเทศก็เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่เผยเพียงส่วนหนึ่งออกมา ไม่มีใครเดาได้ว่าส่วนด้านล่างนี้ จะซ่อนบุคคลยิ่งใหญ่ไว้อย่างคาดไม่ถึง
เพราะความลึกลับของทีมความปลอดภัยในประเทศ ถึงได้กระตุ้นความกลัวและความตื่นตระหนกของอธิบดีขึ้น
สายตาอธิบดีจ้องผู้อาวุโสแน่น บอกว่า “ท่านมาหาเฉินเป่ย มาทำอะไรเหรอครับ?”
ผู้อาวุโสกวาดสายตามองอธิบดีนิ่งๆ แต่ก็มองไปนี้ ท่ามกลางความว่างเปล่า ราวกับเพิ่มแรงกดดันโดยปริยายมาทันใด ทำให้สีหน้าอธิบดีเปลี่ยนไป ทั้งตัวราวกับจะโดนสายตาที่ลึกล้ำของผู้อาวุโสนั้นมองทะลุหมด ทำให้ในใจเขาหนาวเหน็บ
ราวกับอธิบดีอยู่ตรงหน้าเขา ไม่มีความลับใดๆ
อากาศแข็งตัว ผู้อาวุโสยิ้มเรียบๆ ทันใด มีเอกสารหนึ่งหล่นลงจากในแขนเสื้อที่กว้างใหญ่ ปลิวไปทางอธิบดีอย่างเงียบๆ
สายตาอธิบดีหดลงมาดุจเข็ม ลูกไม้แบบนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจนัก อย่างกับเอกสารชิ้นนี้มีจิตสำนึกของตัวเอง ถึงปลิวเข้ามาทางอธิบดีเอง
อธิบดีจะเข้าใจได้อย่างไร การควบคุมพลังของผู้อาวุโสอยู่ในขั้นสูงที่สุด……ลูกไม้เล็กน้อยแบบนี้ เดิมทีไม่นับว่าเป็นอะไร
ในใจอธิบดีตื่นตะลึง แต่หลังจากเขารับเอกสารมา สายตาแข็งทื่อฉับพลัน ลุกขึ้นด้วยความเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง
ผู้อาวุโสเอามือไพล่หลัง พูดนิ่งๆ “ผมจ้องเฉินเป่ยมาโดยตลอด คดีนี้เพียงเพราะหลีเช่าหงกับโอลิเวอร์ซ่อนยาเสพติด……ระหว่างพวกเขาจึงต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต……คำตอบนี้ คุณพอใจรึยัง?”
อธิบดียืนอยู่ที่เดิม ทั่วทั้งตัวหนาวเย็น…..ในมือผู้อาวุโสได้รับเอกสารฉบับนี้ คาดไม่ถึงสร้างได้เหมือนของจริง ทำให้เขาตัดสินไม่ออกว่าเอกสารนี้จริงหรือปลอม
ผู้ใหญ่มีอายุย่อมมีประสบการณ์แก้ปัญหาได้ฉับไว ไม่นานอธิบดีตอบสนองเข้ามา นี่ไม่ใช่ผู้อาวุโสกำลังบอกเป็นนัยว่า…..แม้เอกสารยังทำปลอมขึ้นได้ มีอะไรที่ทีมความปลอดภัยในประเทศไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ล่ะ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสยังช่วยเขารายงานผลงานแล้ว
อธิบดีพยักหน้า โค้งตัวพูดด้วยสีหน้าที่เคารพ “ทั้งสองท่านเชิญตามผมมาครับ”
ตอนที่ทั้งสองคนของทีมความปลอดภัยในประเทศตามอธิบดีเดินออกจากห้องทำงาน ในห้องสอบสวน เย่ชวงก็ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้ว
“หัวหน้าเย่ ลงมือตีคนไม่ได้นะ นี่คือคำสั่งห้ามของสถานีตำรวจ” ด้านข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนพยายามดึงเย่ชวงไว้
“งั้นถ้าตรวจโดนหยอกเย้าแล้วล่ะ?” เย่ชวงกวาดสายตามองเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคน พุ่งไปตรงหน้าของเฉินเป่ย กุมหมัดแน่น ต่อยไปทางเฉินเป่ยอย่างแรง
มุมปากเย่ชวงโค้งความหมายเย็นชาขึ้น สำหรับเธอ เฉินเป่ยต้องโดนสั่งสอนสักตั้ง
ตอนนั้นที่เธออยู่ในโรงเรียนตำรวจ ได้แชมป์มวยจีนที่เลื่องชื่อ……เป็นผู้หญิงที่ไม่แพ้ให้ผู้ชายในตำนาน
และเวลานี้ ไม่ว่าเบื้องหลังของเฉินเป่ยจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ที่มาจะไม่ธรรมดาแค่ไหน ขอเพียงมือทั้งคู่ของเฉินเป่ยถูกใส่กุญแจขยับจากเก้าอี้ไม่ได้ ก็ต้องรับหมัดของเธอไปแบบซื่อตรงแล้ว
อยากจะจินตนาการมากว่าในร่างอ่อนช้อยของเย่ชวงจะระเบิดความเร็วราวกับสายฟ้าแลบออกมา ชั่วพริบตาเดียวหมัดก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเฉินเป่ยแล้ว
เย่ชวงตะโกนทีหนึ่ง ถ้าหมัดนี้ตกลง สามารถกระแทกสันจมูกของเฉินเป่ยแตกได้เลย
ในเวลานี้ มุมปากเฉินเป่ยฉีกความหมายเล่นแง่ขึ้น
ทันใดนั้นหัวใจเย่ชวงสั่นไหว เห็นเพียงศีรษะเฉินเป่ยเอียงข้าง หลบหมัดของเย่ชวงออกไป
“ปัง!”
หมัดของเย่ชวงร่วงลงในอากาศ สีหน้าเธอแข็งค้าง ใบหน้างดงามหนาวเย็น ขาคู่หนึ่งที่สามารถหนีบคนตายได้โจมตีออกทันใด เตะไปดุเดือดไปทางเฉินเป่ยราวกับสายฟ้าแลบ
มุมปากเฉินเป่ยโค้งเส้นรัศมีวงกลมขึ้น ร่างกายขยับไหว หลบการโจมตีที่ดุเดือดของเย่ชวงได้อย่างสบาย
ดวงตาเย่ชวงเดือดดาลขึ้นมา เฉินเป่ย……คาดไม่ถึงหลบได้อีกแล้ว
“ฉันจะดูว่านายจะหลบไปได้ถึงไหน” เย่ชวงพูดแบบเมินเฉย ขายาวข้างนั้นโจมตีออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แตะโดนพนักพิงเก้าอี้ เก้าอี้ไม้สั่นไหวอย่างแรง เกิดรอยร้าวขึ้น
เย่ชวงกัดฟันแน่น เฉินเป่ยไม่ได้บาดเจ็บสักนิด ทั้งยังกำเริบเสิบสานอีก เอ่ยปากอย่างหน้าไม่อาย “หัวหน้าเย่ อย่าตีเลย ตีมากๆ เข้า จะเจ็บตัวกับโมโหเปล่าๆ”
“ขาเรียวยาวทั้งคู่นี้ เอามาแตะผม ไม่มีประโยชน์หรอก”
คำพูดประโยคหลังของเฉินเป่ย เกือบจะทำให้เย่ชวงเสียสติไป
“แก๊ก!”
เย่ชวงเอาปืนออกมาจากที่เอว ใบหน้าประกายแรงอาฆาตที่เย็นยะเยือก ปากกระบอกปืนดำในมือเธอเล็งตรงศีรษะของเฉินเป่ยแล้ว เวลานี้แรงอาฆาตเต็มเปี่ยม
“หัวหน้าเย่ ไม่ได้นะ” ชั่วขณะนั้นเจ้าหน้าที่สองคนสีหน้าเปลี่ยน อย่างเสียพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าเย่ชวงจะบุ่มบ่ามขนาดนั้น
และชั่วขณะที่เย่ชวงลั่นไก เฉินเป่ยก็ขยับเช่นกัน มือทั้งคู่ยื่นออกราวกับฟ้าแลบ ทิ้งภาพวืดไว้ในอากาศ
เฉินเป่ยแย่งปืนในมือของเย่ชวงเข้าไป มือทั้งคู่พลิกขึ้นลงที่ปืนอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายด้านข้างชะงัก ความเร็วของเฉินเป่ยไวเหลือเกิน พวกเขาทำได้เพียงมองภาพวืดมือทั้งคู่ของเฉินเป่ย
ความเร็วแบบนี้……ยังเป็นคนอยู่เหรอ?
ดวงตาเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนตกตะลึง ยืนค้างอยู่ที่เดิม จ้องมองฉากนี้ด้วยอย่างอึ้งทึ่ง
ส่วนเย่ชวงมึนงงไปเช่นกัน เสียง “แก๊กๆ” ที่ดังกังวานอยู่ในห้องติดๆ กัน ชั่วพริบตาเดียวปืนของเย่ชวงก็กลายเป็นอะไหล่นับไม่ถ้วนจากในมือของเฉินเป่ย
ร่วงลงพื้นดังซู่
และทุกอย่างนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้น บรรยายตามแทบไม่ทัน ทว่าไม่ใช่เพียงแค่พริบตาเดียวเองเหรอ
ใบหน้าเย่ชวงรู้สึกประทับใจ จ้องเฉินเป่ยตาไม่กะพริบ ภายในตื่นตกใจ
เย่ชวงก้มหน้า มองอะไหล่แต่ละชิ้นที่พื้น ทุกอย่างนี้สำหรับคนธรรมดาสิบนาทีไม่แน่ใจว่าจะสามารถรื้อปืนทิ้งได้ เฉินเป่ย…….กลับใช้เพียงแค่พริบตาเดียว
ทันใดนั้นมุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มขึ้น เขาค่อยๆ ยกมือ ตอนที่เขาคลายฝ่ามือ ลูกกระสุนแต่ละลูก ร่วงลงพื้นกังวาน
ภายในห้อง เงียบเชียบเพราะความกลัว เย่ชวงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนนั้นไม่มีคำจะพูด สักประโยคเดียวก็พูดไม่ออก