สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 247
บทที่247 การดูแลขององค์กร!
…………
ณ ประตูของสถานีตำรวจ ชายชรามองเฉินเป่ย พูด “เข้าไปคุยกันในรถ”
หลังจากเข้าไปนั่งในรถหงฉีแล้ว เฉินเป่ยกวาดมองพื้นที่ในรถเล็กน้อย เขายิ้มแล้วพูด “ไม่เลวเลยนี่ ปืนลูกซองเปลี่ยนเป็นปืนใหญ่แล้ว ดีกว่ารถคันก่อนนั่นเยอะเลย”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายชรา เขามองเฉินเป่ยสำรวจรถอยู่เงียบ ๆ ก่อนพูดขึ้น “ไม่นึกว่าคุณจะมาอยู่ที่เมืองหู้ไห่”
“แปลกใจมากเลยเหรอ?” เฉินเป่ยเลิกคิ้ว
ชายชราพยักหน้า พูด “เรารู้ว่าคุณอยู่ที่หัวเซี่ย แต่ก็นึกว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเยี่ยนจิง ไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่หู้ไห่ได้”
เฉินเป่ยพูด “คนน่ะ….ล้วนเป็นใบไม้ที่ต้องกลับสู่ราก รากอยู่ที่หัวเซี่ย ไม่กลับมาคงไม่ได้”
“แต่ทำไมถึงต้องเลือกที่หู้ไห่ ทำไมถึงไม่กลับองค์กร ด้วยการร่วมมือของคุณ องค์กรจะสามารถไปได้ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย….ฉันให้คนปกปิดตัวตนของคุณได้ ในองค์กร รับงานได้อย่างอิสระ สนุกไปกับชีวิต ไม่มีความสุขหรอกเหรอ?”
เฉินเป่ยท่าทีสงบนิ่ง แต่ชายชราไม่มีทางรู้ความซับซ้อนในใจของเฉินเป่ยภายใต้ความสงบนี้
“คุณคิดว่า ผมต้องการการดูแลขององค์กรงั้นเหรอ?” เฉินเป่ยพูดอย่างราบเรียบ ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่างเหินเย็นชา
ชายชรารับรู้ได้ไว รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในน้ำเสียงของเฉินเป่ย เขาถอนหายใจ “ฉันตรวจสอบให้คุณแล้ว สาเหตุของอุบัติเหตุในตอนนั้น….แม้แต่ฉันที่อยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ยังไม่เจออะไร…. หรือจะพูดว่า ไม่มีขอบเขตของอำนาจนั้น”
เฉินเป่ยสังเกตชายชรา นัยน์ตาของชายชรานั้นชัดเจน ไม่มีการหลบตาแม้แต่น้อย เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าแววตาของเขามีเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น
ลึกเข้าไปในดวงตาสงบนิ่งของเฉินเป่ย มีการต่อสู้ที่สับสนวุ่นวายค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น….ด้วยตำแหน่งและตัวตนของชายชรา แม้แต่หลีหงก็ไม่จำเป็นต้องเกรง แต่ว่า อุบัติเหตุตอนนั้นก็ยังหาอะไรไม่เจอเลย
หรือว่าบางว่า อุบัติเหตุในตอนนั้นท้ายที่สุดจะหมดหนทางจริง ๆ?
เฉินเป่ยลอบถอนหายใจ….ไม่มีอุบัติเหตุครั้งนั้น….ตัวเขาจะไปมีชื่อในต่างประเทศได้ยังไง แต่เบื้องหลังภาพฉายอันรุ่งโรจน์นั้น ไม่มีใครรู้…..ว่าเขาได้สูญเสียไปมากมายนัก…..
“ผมรู้แล้ว” น้ำเสียงของเฉินเป่ยที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย
“องค์กรเองก็จนปัญญา…คุณก็รู้ ตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่าคุณกลับมาที่หู้ไห่ ก็ช่วยลบร่องรอยทั้งหมดของคุณ ตอนนี้คุณไม่มีการบันทึกใด ๆ ในองค์กรเลย ก็เท่ากับเป็นมนุษย์ล่องหนในหัวเซี่ย” ชายชราเอ่ย
เฉินเป่ยพยักหน้า ขณะกำลังจะกล่าวขอบคุณ ชายชรากลับโบกมือแล้วพูด “ฉันก็แค่ทดแทนบุญคุณเมื่อตอนนั้นเท่านั้นเอง…. ถ้าหากไม่มีคุณ ฉันจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ได้ยังไง”
เฉินเป่ยมองไปที่ชุดจงซานของชายชรา ดวงตาฉายแววระลึกถึง…..แม้แต่ชิงเหนียนที่ใกล้ชิดที่สุดก็ยังไม่รู้ …..ว่าก่อนที่ราชาหลงจะโด่งดังในต่างแดนนั้น ก็เป็นสายลับใต้ดินที่ไม่มีใครรู้จัก ปกป้องความสงบสุขของผู้คนในหัวเซี่ย… เขาคือเงาของผู้ยิ่งใหญ่ คอยเป็นเงาตามอยู่เบื้องหลังผู้นั้นไม่ห่าง
ตอนนั้น ขอแค่เฉินเป่ยลงมือจัดการ ไม่มีอะไรที่ไม่เสร็จสมบูรณ์!
สายลับแถวหน้าคนถึงของหัวเซี่ย แต่วันหนึ่งกลับเป็นเพราะอุบัติเหตุ ทำให้เขาต้องไปถึงต่างประเทศ…. หลังจากเร้นกายหายไป จู่ ๆ ราชาหลงผู้ลึกลับก็เปล่งประกายและโด่งดังที่ต่างประเทศ
“ตอนนี้ควรจะเรียกคุณว่าหัวหน้าหลี่สินะ?” ทันใดนั้น เฉินเป่ยพูดขึ้น มุมปากยกยิ้มเยาะ
หัวหน้าหลี่โบกมือ มองไปที่เฉินเป่ย พูดอย่างจริงใจ “ฉันเทียบคุณไม่ได้หรอก ถึงตอนนี้ก็เป็นแค่หัวหน้าเล็กๆ เท่านั้นเอง… แต่คุณน่ะอยู่ที่ไหนก็เจิดจรัส เป็นราชาหลงที่มีชื่อเสียงระดับโลก ….กองกำลังไหนได้ยินชื่อของคุณ มีเหรอที่สองขาจะไม่สั่น?”
“เพียงแต่ฉันไม่คิดว่า ตอนนั้นลูกน้องของฉันบอกมาว่า คุณถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำสถานีตำรวจหู้ไห่ แถมยังเพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง…..ถ้าเรื่องนี้บานปลาย…..ให้คนอื่นรู้ว่าราชาหลงผู้โด่งดังถูกจำคุกด้วยข้อหาฆาตกรรมต่อเนื่องล่ะก็ …..ชื่อเสียงของคุณ ได้พังพินาศแน่” หัวหน้าหลี่หัวเราะร่า
“พวกเขาอยากจะเล่น ก็เล่นเป็นเพื่อนหน่อยเป็นไร” เฉินเป่ยพูดเรียบ ๆ มุมปากยกเหยียดหยัน
“ใช่ ด้วยกำลังของคุณ มีคุกไหนในโลกที่ขังคุณไว้ได้ด้วยเหรอ?” หัวหน้าหลี่พยักหน้าแล้วยิ้ม
“จู่ ๆ ก็มาหาผม มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” เฉินเป่ยพูดออกมากะทันหัน
“ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังคุณได้เลย” หัวหน้าหลี่พยักหน้า ก่อนถอนหายใจ
“ตอนที่องค์การปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศกำลังจับผู้ค้ายา พบเส้นทางการค้ายาเสพติดจากต่างประเทศมายังหัวเซี่ย เป็นความลับสุดยอด เราตรวจสอบจากเส้นทางนี้ พบว่าที่มานั้นมาจากสองตระกูลใหญ่ ตระกูลตู้กับตระกูลจาง”
แววตาของหัวหน้าหลี่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา “หลังจากนั้นคุณก็คงจะเดาออก พอเราส่งสายเข้าไปในสองตระกูลนั้นบ่อย ๆ เข้า พวกเขาก็ระมัดระวังตัวกันมาก สายของเราเลยล้วงข้อมูลมาไม่ได้”
“แล้วเรื่องมันเกี่ยวอะไรกับผมเหรอ?” เฉินเป่ยเอ่ยถาม
หัวหน้าหลี่มองเฉินเป่ย “สองตระกูลใหญ่นั่นน่ะ กำความลับบางอย่างขององค์กรไว้…..ฉันกลัวว่าเมื่อพวกเขาจนตรอกแล้วจะเปิดเผยเราขึ้นมา ….ไม่ว่ายังไงองค์กรก็จะเปิดเผยไม่ได้ ทำได้เพียงเคลื่อนไหวในเงามืดเท่านั้น ดังนั้น ฉันหวังว่าคุณจะลงมือ จัดการพวกเขา”
หัวหน้าหลี่มองไปที่เฉินเป่ย ดวงตาทั้งสองฉายความแน่วแน่ คาดหวังที่จะได้คำตอบรับของเฉินเป่ย
แต่ท้ายที่สุดเฉินเป่ยก็ยังคงปฏิเสธเขา “ผมปลดเกษียณที่หู้ไห่แล้ว หน้าที่สำคัญที่สุดของผมในตอนนี้ คือการใช้ชีวิตที่เหลือกับภรรยา”
หัวหน้าหลี่นิ่งอึ้ง แววตาพลันหมองลง แต่ก็ยังพยักหน้าแล้วพูด “เอาเถอะ ขอให้พวกคุณมีความสุข…..หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ฉันค่อยไปดื่มกับคุณก็แล้วกัน”
เฉินเป่ยปฏิเสธหัวหน้าหลี่ ก็ไม่ได้ทำให้หัวหน้าหลี่ผิดหวังอะไรขนาดนั้น…..เดิมหัวหน้าหลี่ก็เป็นหนี้น้ำใจเฉินเป่ย….บอกกับที่เขาตามหาเฉินเป่ยด้วยความพยายามในสถานการณ์สิ้นหวังแบบนี้ เขาก็เตรียมใจที่จะถูกปฏิเสธไว้แล้ว
ถ้าหากเฉินเป่ยลงมือ ทั้งหมดนั่นก็คงจะเสร็จเรียบอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเฉินเป่ยไม่ยอมเคลื่อนไหว งั้นหัวหน้าหลี่ก็คงได้แต่หาทางอื่นเท่านั้น
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งคุณที่บ้านเอง” หัวหน้าหลี่ยิ้มบาง
เฉินเป่ยพยักหน้า มุมปากยกโค้งขึ้นจาง ๆ ….ตอนนี้ หลีชิงเยียนคงจะรอเขากระวนกระวายแย่แล้วใช่มั้ยนะ?
กลางดึก แสงสว่างวาบของรถหงฉีส่งไปบนถนน เมืองที่แสนวุ่นวายในตอนกลางวัน ในยามดึกนั้นดูราวกับทั้งเมืองว่างเปล่า รถหงฉีแล่นผ่านไปในเมืองอันเปล่าเปลี่ยว ราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับค่ำคืนนั้น
…………
คฤหาสน์ตระกูลหลี
หลีชิงเยียนเอนกายอยู่บนโซฟา ซูเสี่ยวหยุนเองก็หลับอยู่บนโซฟา ดวงตาที่อ่อนล้ายกไม่ขึ้นอีกต่อไป
บนโต๊ะกาแฟ เต็มไปด้วยสมุดโทรศัพท์และข้อมูลการติดต่อต่าง ๆ มีเพียงซูเหลยที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ที่ยังสามารถขับไล่ความง่วงแล้วต่อสายโทรออกต่อไปได้
ทันใดนั้น หลีชิงเยียนก็ลืมตาขึ้น มือเรียวขยี้ดวงสะลึมสะลือ เหลือยมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง คิ้วเรียวขมวดบึ้ง ในใจวิตกกังวล
“ประธานหลี ตีสามแล้วนะคะ คุณไปนอนก่อนเถอะ” ซูเหลยพูดอย่างนุ่มนวล
หลีชิงเยียนส่ายหน้า ดวงตาอ่อนล้าของเธอแสดงความแน่วแน่ “โทรต่อ เขากลับมาเมื่อไหร่ฉันค่อยไปนอน”
ซูเหลยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด “เขาคงกลับมาตอนนี้ไม่ได้หรอกใช่มั้ยล่ะคะ? ตอนนี้ก็เวลาไหนแล้ว สถานีตำรวจไม่มีทางปล่อยเขาออกมาตอนนี้หรอกค่ะ แถมเขายังพัวพันกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสองคดีนั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้นอีก สถานีตำรวจก็ปล่อยคนไปตามอำเภอใจไม่ได้ด้วย”
“เธอไปนอนก่อนเถอะ ฉันจะอยู่เฝ้าที่นี่” หลีชิงเยียนส่ายหน้าอย่างดื้อดึง
ซูเหลยที่เห็นหลีชิงเยียนดึงดันแบบนั้น ก็ลอบถอนใจอย่างจนปัญญา
และในตอนนั้นเอง ที่ด้านนอกคฤหาสน์ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เสียงเคาะที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำเอาซูเหลยและหลีชิงเยียนสะดุ้งโหยง
แม้แต่ซูเสี่ยวหยุนก็ตกใจตื่น มองไปทางเสียงที่ประตูคฤหาสน์ ใบหน้าเล็กซีดลงเล็กน้อย
“มันคือ….ผีรึเปล่า?” ซูเสี่ยวหยุนพูดเสียงเบา
“โลกนี้มีผีซะที่ไหน” ซูเหลยส่ายหน้า สายตาทอดไปที่ประตูคฤหาสน์ “ฉันจะไปดู”
ซูเหลยลุกขึ้น ก่อนเดินไปยังประตูคฤหาสน์ ชั่วพริบตาที่เธอเปิดประตู เห็นร่างที่ยืนอยู่ที่ประตูนั้น ก็ตกตะลึงในทันที
“เฉินเป่ย?!” ซูเหลยสีหน้าตะลึงงัน อึ้งค้างมองเฉินเป่ยอย่างเหลือเชื่อ
ส่วนหลีชิงเยียนที่อยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินคำพูดของซูเหลย ใบหน้าสวยผงะเล็กน้อย วินาทีต่อมา เรือนร่างเซ็กซี่สมบูรณ์แบบของเธอพลันเกิดกำลังที่เกินจะจินตนาการขึ้น แล้วพุ่งเข้าหาประตู!
“ปึง!”
คนที่อ่อนโยนราวกับเทพธิดามาตลอด ในคราวนี้กระแทกซูเหลยกระเด็นไปสองสามก้าวจนทรงตัวไม่อยู่
หลีชิงเยียนยืนอยู่ที่ประตู มองเฉินเป่ยอย่างตะลึงงัน ใบหน้าเหนื่อยอ่อนปรากฏรอยยิ้มผ่อนคลายขึ้น
“ชิงเยียน ฉันกลับมาแล้ว” เฉินเป่ยเห็นหลีชิงเยียนที่มึนงง แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
หลีชิงเยียนถึงเพิ่งได้สติ ทันใดนั้น เทพธิดาก็วาดฝ่ามือตบเข้าอย่างแรง!
“เพียะ!”
เสียงชัดใสดังขึ้น ซูเหลยและซูเสี่ยวหยุนมองไปที่ประตูด้วยใจหวั่น ๆ
หลังจากเทพธิดาถอนมือออก วินาทีต่อมา ร่างสวยก็พุ่งเข้าหาเฉินเป่ยทันที!
เฉินเป่ยโฮบกอดร่างบางโดยไม่รู้ตัว กลิ่นหอมจาง ๆ นั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ส่วนหัวของเฉินเป่ยนั้น ติดอยู่ในความนุ่มนิ่มนั้น….อย่างไร้คำอธิบาย ทำให้เลือดของสัตว์ร้ายของเฉินเป่ยถึงกับแล่นพล่าน และมีการตอบสนองขึ้น!
ซูเสี่ยวหยุนและซูเหลยเห็นฉากนั้น ก็หันมามองหน้ากันตาค้าง!
เฉินเป่ยคิดในใจ หลังจากนี้คงดูถูกหลีชิงเยียนไม่ได้แล้วล่ะ!
นี่มันใหญ่จริงๆนะ!