สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 253
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 253 บริษัทย่อยในเยี่ยนจิง!
เมื่อเทียบกับหลีชิงเยียน ซูเหลยก็ถือว่าโชคดีกว่าเยอะ อย่างน้อยเธอก็รู้จักเฉินเป่ย รู้ถึงเบาะแสร่องรอยที่เกี่ยวกับที่มาของเฉินเป่ยอยู่บ้าง
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน แล้วกระตุกมุมปากให้กลายเป็นทรงโค้ง “โธ่ๆ ประธานหลีกำลังจะเซอร์ไพรส์บริษัทย่อยใช่ไหมครับ? ”
การต้องเผชิญกับเสียงหยอกล้อของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนจ้องเขาด้วยความเย็นชา แล้วทำเหมือนไม่สนใจเขาทันที
จนถึงวันนี้หลีชิงเยียนก็ไม่เข้าใจ เฉินเป่ยไปได้ห้องเตียงเดี่ยวสุดหรูนั่นได้ยังไง
และตามความสามารถของเฉินเป่ย เขาทำไม่ได้แน่นอน
หลีชิงเยียนครุ่นคิดถึงแบบนี้ เธอเคยคิดคำนวณดูตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ต่อให้ตัวเองเอาเงินค่าครองชีพของเฉินเป่ยบวกกันทุกเดือน ก็ยากที่จะทำให้เฉินเป่ยพักอยู่ในโรงแรมนี้ไปนานๆ
ตอนนี้เขากลับพักอยู่ในห้องเตียงเดี่ยวสุดหรูด้วยความสบายใจ ผ่านไปไม่กี่วันจะทำยังไง?
พอมองไปยังสีหน้าที่เคล้าด้วยความสงสัยของหลีชิงเยียนและซูเหลย เฉินเป่ยก็ทำสีหน้าที่นิ่งเฉย หลีชิงเยียนไม่รู้ความลับที่เกี่ยวกับแบล็คการ์ดใบนั้นแน่นอน
หลังจากที่เขาควักบัตรสีดำใบนั้นออกมา พนักงานหญิงตรงหน้าฟร้อนท์ก็นิ่งงันไป แล้วตามคำขอของเขา แน่นอนว่าคงไม่กล้าขัดขืนคำขอของเฉินเป่ย จึงได้ปิดเป็นความลับให้เฉินเป่ยอย่างเชื่อฟัง จึงไม่ให้ข่าวคราวที่ได้รับประโยชน์กับหลีชิงเยียนแม้แต่น้อยเดียว
“นายไปจองห้องเตียงเดี่ยวสุดหรูห้องนั้นได้ยังไง? ” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงเข้ม
“ประธานหลี…….นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม คุณไม่มีสิทธิ์ถามหรือเปล่า? ”
หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชาในลำคอ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่อยากสนใจเฉินเป่ย แล้วจึงทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เย็นชา “ไม่พูดก็ไม่พูดสิ ใครจะอยากรู้เรื่องไร้สาระของนาย! ”
หลีชิงเยียนพูดจบ ก็หันหน้าไป จากนั้นก็กวาดสายตามองเฉินเป่ยเพียงชั่วพริบตา แล้วนัยน์ตาที่เปล่งประกายความซับซ้อนนั้นยิ่งอยู่ยิ่งลุ่มลึก
…….
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หน้าประตูบริษัทอวี้จู มีรถแท็กซี่คันหนึ่งค่อยๆ จอดลงตรงข้างถนน
ประตูรถเปิดออก มีคนกลุ่มหนึ่งลงจากรถ
เฉินเป่ยมองตึกออฟฟิศที่ตั้งอยู่ตรงหน้าตัวเอง จึงเบะปาก “นี่ไม่ได้ดีกว่าบริษัทที่เป็นสำนักงานใหญ่ตรงหู้ไห่หนิ”
เรื่องจริง สำนักงานใหญ่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปในหู้ไห่ ตึกสูงแตะฟ้า ทั้งตึกที่มีทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุดในเขต cbd ของทั้งเมืองหู้ไห่ และถึงแม้ว่าบริษัทย่อยตรงหน้านี้จะสูงใหญ่ ทว่าดูๆ แล้วก็แย่กว่าไม่น้อย
หลีชิงเยียนอธิบายด้วยเสียงเข้ม “สถานการณ์บริษัทย่อยแห่งเยี่ยนจิงนั้นพิเศษ ตอนนั้นที่ได้ก่อตั้งบริษัทที่เยี่ยนจิง เหล่าคณะกรรมการบริษัทก็เคยถกเถียงกัน และเกือบจะทะเลาะกันจนแบ่งแยกกัน…..หลังจากนั้นถึงแม้ว่าท่านประธานบริษัทก็ตัดสินในคำพูดสุดท้าย ทว่าบริษัทย่อยที่เยี่ยนจิง และมักจะถูกบีบบังคับด้วยอำนาจของกรรมการสองคน……ว่ากันว่ามักจะทำให้ภายในบริษัทเกิดปัญหาที่เสียดสีกัน”
เฉินเป่ยหรี่ดวงตาทั้งสองข้างลง “ประธานหลี ประสิทธิผลของคุณยังถือว่าสูงหนิ สามารถร่วมงานพนันเพชรพลอย และยังกวาดล้างภายในบริษัท…….”
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่นิ่งสงบ เฉินเป่ยพูดแค่ประโยคเดียว ก็พูดความคิดอย่างแท้จริงของหลีชิงเยียนได้อย่างแม่นยำ
หลีชิงเยียนเปล่งประกายนัยน์ตาเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม “ป้องกันนายที่ทำเรื่องอับอายในงานพนันเพชรพลอยเป็นงานหลัก กวาดล้างปัญหาภายในบริษัทเป็นงานย่อย……”
“เข้าไปก่อนเถอะ” ซูเหลยที่อยู่ข้างๆ ที่นิ่งเงียบมานานก็พูดขึ้น
เฉินเป่ยพยักหน้า แล้วยิ้มพูด “ผมยังไม่เคยเห็นบริษัทย่อยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปในเยี่ยนจิง แล้วพวกเขาทำงานกันยังไง……”
ทั้งสามก็สาวเท้าเดินไปตรงประตูใหญ่ของบริษัท
ตรงประตู หลีชิงเยียนยืนอยู่ตรงประตูบริษัท แล้วถูกรปภ.ขวางทางไว้ รปภ.ทั้งสองคนกวาดสายตาวางเฉินเป่ยพวกเขาสามคน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ทั้งสามท่านแสดงบัตรประชาชนหน่อยครับ”
หลีชิงเยียนกลับไม่อยากเปิดเผยตัวตนของเธอ……เหมือนดั่งที่เฉินเป่ยพูด เธอมาอย่างไม่โอหัง ไม่ได้ทำให้บริษัทย่อยในเยี่ยนจิงรู้ถึงข่าวคราวเลยสักนิด ก็คือต้องการมีจัดการกับแผนการต่างๆ ของภายในบริษัท
เธอไม่ได้เปิดเผยฐานะ คืออยากจะจู่โจมอย่างฉับพลันขณะที่อีกฝ่ายเผอเรอ และคิดจะทำให้บริษัทย่อยที่เยี่ยนจิงรับมือไม่ทัน
“พวกเราคือบริษัทย่อยของกรุ๊ปเชอร์ชิลล์ วันนี้มีโปรเจคจะมาคุยกับบริษัทพวกคุณ” หลีชิงเยียนกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับรปภ.ยังไง จู่ๆ ก็มีเสียงข้างๆ ดังขึ้น หลีชิงเยียนหันไปมอง ก็เห็นเฉินเป่ยก้าวเท้าออกไป แล้วพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
รปภ.กวาดสายตามองหลีชิงเยียน สีหน้ากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย……ทำให้เห็นอย่างชัดเจน เขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน นัยน์ตาเคล้าด้วยความลุ่มลึก หลีชิงเยียนนิ่งงันไปเล็กน้อย แล้วก็รีบได้สติกลับมา แล้วพยักหน้า พลางพูดขึ้น “ใช่ นายอยากจะให้เราเรียกท่านประธานของพวกนายออกมาคุยใช่ไหม? ”
หลีชิงเยียนทำน้ำเสียงที่ค่อยๆ เย็นชา ทั้งเรือนร่างแผ่รังสีความโดดเด่นออกมา ทันใดนั้นก็ทำให้เธอกลายเป็นราชินี ทั้งเรือนร่างเคล้าด้วยความเลือดเย็น เหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็งที่รอให้คนพ่ายแพ้!
รปภ.มองไปยังหลีชิงเยียน แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพนันความเป็นไปได้แบบนี้ ถ้าเกิดคนตรงหน้าพวกนี้มีที่มาแบบนี้จริงๆ …….งั้นตัวเองก็คงจะเจอกับเรื่องซวย!
รปภ.ทั้งสองคนจึงมองหน้ากัน และในตอนนี้ หลีชิงเยียนก็ทำเสียงเย็นชาในลำคอ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ จึงได้พุ่งเข้าไปในตึกออฟฟิศใหญ่!
รปภ.ทั้งสองคนเพิ่งอยากจะไปขวางทางหลีชิงเยียนไว้ และในตอนนี้ ก็มีเรือนร่างหนึ่งแวบผ่าน เฉินเป่ยขวางอยู่ตรงหน้ารปภ. แล้วควักบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน แล้วสูบหนึ่งคำอย่างนิ่งเฉย
“ถอยไป! ” รปภ.สองคนนั้นทำสีหน้าที่เคร่งขรึม แล้วกำลังจะลงไม้ลงมือ!
เฉินเป่ยกวาดสายตามองซูเหลย ทันใดนั้นก็สั่งการ น้ำเสียงนิ่งเฉย กลับน้ำเสียงที่เคล้าด้วยความสงสัยอย่างมาก ทำให้ซูเหลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหวั่น แล้วเลือกที่จะเชื่อฟังและทำตาม!
ซูเหลยมองเฉินเป่ย ดวงตาทั้งสองข้างเคล้าด้วยความหวาดกลัว……เรือนร่างของเธอสั่นเทาเล็กน้อย ตั้งแต่เมื่อกี้ เธอกลับรู้สึกได้ถึงเสน่ห์อันลึกลับที่แผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างของเฉินเป่ย……นั่นเป็นคุณสมบัติของผู้ที่เป็นผู้นำถึงจะมี!
เสน่ห์นี้ทำให้ซูเหลยรู้สึกคุ้นเคยมาก เหมือนแต่ก่อน ตอนที่เธอเป็นกองกำลังพิเศษของหัวเซี่ย บนเรือนร่างของหัวหน้าก็แผ่ซ่านเสน่ห์แบบนี้
แค่ว่ายังแตกต่างจากเฉินเป่ยจนไม่สามารถเทียบเทียมกับเฉินเป่ยได้…….เฉินเป่ยในตอนนี้ ทำให้ซูเหลยหวาดผวา เหมือนเห็นหัวหน้ากองกำลังพิเศษของหัวเซี่ยตอนวันวาน!
“ค่ะ! ”
คำพูดของเฉินเป่ยเหมือนดั่งพลังปีศาจที่แปลกประหลาด ทำให้ซูเหลยทำตามคำสั่งของเฉินเป่ยอย่างไม่รู้ตัว!
ซูเหลยทำคิ้วขมวดเป็นปม ผ่านไปสักพักเธอถึงจะได้สติกลับมา……เฉินเป่ยเป็นคนยังไงกัน เสน่ห์แบบนี้ มีแค่ในสนามรบที่ต้องอาบเลือดและฆ่าสังหารคน แม่ทัพของทหารนับหมื่นถึงจะมีเสน่ห์แบบนี้……เฉินเป่ยจะมีได้ยังไง!
ซูเหลยหันไปมองเฉินเป่ยอีกครั้ง เธอมองเฉินเป่ยไม่ออก บนเรือนร่างของเฉินเป่ยเคล้าด้วยควันที่มัวพร่าอย่างนับไม่ถ้วน ทำให้เธอมองยังไงก็มองผู้ชายคนนี้ไม่กระจ่างแจ้ง!
ซูเหลยที่เจอกับอะไรมามาก ตอนนี้ก็ได้เข้าใจเฉินเป่ยมากขึ้น และก็รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น เหมือนร่างกายของเฉินเป่ย มีความลับอะไรที่ทำให้คนรู้สึกหวาดผวาซุกซ่อนอยู่
“ถอยไป! ” รปภ.ทั้งสองคนพูดด้วยเสียงเข้ม แล้วยื่นมือไปทางซูเหลยที่ดูว่องไวเหมือนฟ้าแลบ!