สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 254
บทที่ 254 คุณนับว่าเป็นคนจนหรอ!
และตอนนี้ เฉินเป่ยมองไปยังซูเหลยที่ขวางรปภ.ไว้ มุมปากกระตุกเป็นทรงโค้ง แล้วหันหลัง พร้อมกับสาวเท้าเดินตามข้างหลังของหลีชิงเยียนไป
รปภ.สองคนนั้นไม่รู้แน่นอน พวกเขากำลังลงไม้ลงมือกับใคร…….นั่นเป็นกองกำลังพิเศษที่เคยฆ่าสังหารคนจนอาบเลือดของต่างประเทศจนนับไม่ถ้วน…….ซูเหลย!
ทุกท่าไม้ตายของซูเหลย ต่างก็คือการผาดโผนของการฆ่าสังหารคนที่เลือดเย็นที่สุดก็ได้ซุกซ่อนอยู่……รปภ.พวกนี้อยู่ตรงหน้าซูเหลย และแทบจะไม่ทำให้เกิดการข่มเหงใดๆ
รปภ.ทั้งสองคนนั้นต่างก็มองท่าทีของซูเหลยไม่ออก ซูเหลยแค่แวบผ่านหน้าของพวกเขาไปทันที จากนั้น สองตาของพวกเขาก็มืดลงทันที แล้วก็สลบไป
ซูเหลยก้มหน้าลง แล้วมองรปภ.สองท่านที่เหมือนดั่งโคลนตมที่ตกอยู่บนพื้น เธอค่อยๆ ดึงดาบสั้นกลับไป นัยน์ตามองไปที่ไกลๆ ดูเป็นนัยน์ตาลุ่มลึก……
เฉินเป่ยและซูเหลยตามหลีชิงเยียนไป เธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพนักงานหญิงหน้าฟร้อนท์ แล้วขมวดคิ้วทรงสวยพลางพูดขึ้น “ให้ฉันเข้าไปเจอจางเสี้ยวเทียน”
พนักงานหญิงหน้าฟร้อนท์วางโทรศัพท์ลง “คุณหลีคะ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ไม่ได้นัด ใครก็ไม่สามารถเจอกับท่านประธานจางได้ค่ะ”
“บอกเขา ถ้าไม่ให้ฉันเจอ เขาจะเสียใจ” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ดูแย่ทันที สีหน้าเคล้าด้วยความเลือดเย็นเหมือนน้ำแข็ง
พนักงานหญิงหน้าฟร้อนท์โดนกดดัน จึงรู้สึกประหม่า เลยจะเอาโทรศัพท์โทรอีกครั้ง……
…….
ในออฟฟิศท่านประธานบริษัท ชายหัวโล้นคนหนึ่ง ที่มีผมยาวนุ่มสลวยเพียงไม่กี่เส้น กำลังถือชาชั้นดีหลงจิ่งอยู่หนึ่งแก้ว โดยขาทั้งสองข้างของเขาวางอยู่บนโต๊ะทำงานและกำลังดื่มชาอยู่
จากนั้นก็มีเลขาคนหนึ่งที่ใส่แว่นกรอบทองยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายคน พร้อมกับรายงานถึงสถานการณ์การทำงานด้วยความเคารพ
“มีการช่วยเหลือจากท่านประธานหวัง เราสามารถควบคุมบริษัทได้อย่างดี แล้วก็ขจัดพวกที่เป็นไส้ศึกที่แฝงตัวอยู่ในเหล่าคณะกรรมพวกนั้นออก ถึงเวลาก็จะไม่ถูกอำนาจใดๆ มาจำกัดเราแล้ว……ท่านประธานจาง เวลาของท่านใกล้จะมาถึงแล้ว! ” เลขามีดวงตาไม่โต และยังดูเล็กด้วยซ้ำ แล้วกำลังหยีตาพูดขึ้น
จางเสี้ยวเทียนพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “บริษัทย่อยในเยี่ยนจิงไม่เหมือนที่หู้ไห่……ไม่นาน บริษัทย่อยเยี่ยนจิงก็จะกลายเป็นบริษัทของฉัน”
ถ้าหลีชิงเยียนอยู่ที่นี่ แล้วได้ยินคำพูดของจางเสี้ยวเทียน ต้องทนไม่ได้แน่นอน ใครจะไปนึกถึง นี่เป็นคำพูดที่ผู้ถืออำนาจบริษัทย่อยในเยี่ยนจิงเป็นคนพูดขึ้น!
ความมักใหญ่ใฝ่สูงของจางเสี้ยวเทียนได้ปรากฏขึ้น…….เขาอยากจะทำให้บริษัทย่อยของเยี่ยนจิง กลายเป็นบริษัทของเขา!
จู่ๆ โทรศัพท์ออฟฟิศของจางเสี้ยวเทียน จู่ๆ ก็ดังขึ้นทันที!
จางเสี้ยวเทียนทำสีหน้าที่จับตัวเป็นก้อนเล็กน้อย เขารับสาย ทางสายก็มีเสียงของพนักงานหญิงหน้าฟร้อนท์ดังขึ้น
จางเสี้ยวเทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงเข้ม “เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ยังต้องจะมาถามผมอีกทำไม เรียกรปภ. ให้พวกมันไสหัวไป! ”
จางเสี้ยวเทียนเพิ่งจะวางสายลงอย่างทนไม่ได้ ข้างนอกออฟฟิศ หลีชิงเยียนยืนอยู่ตรงหน้าพนักงานหญิงหน้าฟร้อนท์ด้วยสีหน้าที่คิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัว พร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปในออฟฟิศโดยตรง!
พนักงานหญิงหน้าฟร้อนท์จึงอยากจะขวางหลีชิงเยียนไว้ ทว่ากลับถูกเฉินเป่ยขวางทางไว้
หลีชิงเยียนมุ่งหน้าเข้าไปตรงประตูออฟฟิศ แล้วแสดงความยืนหยัดออกมาอย่างยากที่จะพบเห็น แล้วผลักประตูออฟฟิศเข้าไป
ทันใดนั้นหลีชิงเยียนก็ปรากฏอยู่ตรงประตูออฟฟิศทันที และจางเสี้ยวเทียนและเลขาของเขาก็นิ่งงันไป ดวงตาทั้งสามคู่สบตากัน บรรยากาศแทบจะเกาะตัวเป็นก้อน!
“คุณเป็นใคร! รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! ”
จางเสี้ยวเทียนผุดลุกขึ้นมาทันที แล้วมองหลีชิงเยียน สีหน้าเคล้าด้วยความโมโห และตำหนิด้วยเสียงเข้ม!
หลีชิงเยียนมองจางเสี้ยวเทียนคนนี้ สีหน้าเคล้าด้วยความเย็นชา สีหน้าเคล้าด้วยความเกลียดชัง
ก่อนที่จะมาถึงเยี่ยนจิง ในมือของหลีชิงเยียนก็จับจุดอ่อนของจางเสี้ยวเทียนคนนี้ไม่น้อย และรู้เรื่องมาบ้าง……ดังนั้นจึงมุ่งหน้ามาที่เยี่ยนจิงโดยตรง
และตอนนี้ หลีชิงเยียนเจอตัวจริงของจางเสี้ยวเทียน ความเกลียดภายในใจก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“คุณก็คือจางเสี้ยวเทียน? ” หลีชิงเยียนเอ่ยพูดด้วยเสียงเข้ม น้ำเสียงกลับเคล้าด้วยความเลือดเย็น เธอสาวเท้าเดินไปที่จางเสี้ยวเทียน บรรยากาศก็เคล้าด้วยความเย็นยะเยือกอันน่ากลัว
จางเสี้ยวเทียนมองหลีชิงเยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วสังเกตมองไปสักพัก จากนั้นก็หรี่ตาลง
หลีชิงเยียนเกิดมามีหน้าตาที่สะสวยไร้ที่ติ รูปร่างก็ไม่มีใครเทียบได้ ทันใดนั้นก็ดึงดูดสายตาของจางเสี้ยวเทียน
“ผมเอง” จางเสี้ยวเทียนพูด แล้วมองไปยังหลีชิงเยียน เพราะว่าหน้าตาที่สวยงามของหลีชิงเยียน ทำให้จางเสี้ยวเทียนวางความระมัดระวังตัวลง แล้วมองไปยังหลีชิงเยียน พร้อมกับเอ่ยถาม “คุณคือใคร? ”
“คุณคิดว่าล่ะ? ” ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนเคล้าด้วยยิ้มเลือดเย็นและเย้ยหยันเล็กน้อย มุมปากแดงก่ำที่สวยงามกระตุกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอดูเลือดเย็นไร้ความรู้สึก
และตอนนี้ เฉินเป่ยและซูเหลยก็เดินเข้ามาจากข้างนอก พนักงานหน้าฟร้อนท์ก็รีบตามไป แล้วมองจางเสี้ยวเทียน สีหน้าดูกระวนกระวาย “ท่านประธานจางคะ ฉันคนเดียวขวางพวกเขาไม่อยู่…….”
จางเสี้ยวเทียนกวาดสายตามองเฉินเป่ยและซูเหลยที่อยู่ข้างหลังหลีชิงเยียน สายตาจับจ้องไปยังเฉินเป่ย ทั้งเรือนร่างของเฉินเป่ยแต่งตัวได้อย่างเลอะเทอะ จางเสี้ยวเทียนขยับเข้าไปใกล้ กลับได้กลิ่นบุหรี่ที่มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย
เสื้อกั๊กที่อยู่บนเรือนร่างของเฉินเป่ย ก็ยิ่งดูบุโรทั่ง ได้ผ่านการเย็บปะไปหลายครั้ง เหมือนผ่านการใช้งานมานานมากแล้ว
เสื้อกั๊กตัวนี้ ได้ผ่านไฟสงครามมานับไม่ถ้วน เจ้าของเสื้อกั๊กไม่รู้ว่าโดนเปลวไฟจนทำให้เป็นรูมากี่ครั้งแล้ว!
จางเสี้ยวเทียนสังเกตมองหลีชิงเยียนพวกเขาไปหนึ่งรอบ แล้วพูดขึ้น “พวกคุณ……เป็นแขกของผมหรอ? ”
จางเสี้ยวเทียนนิ่งงันไปเล็กน้อย แล้วยิ้มพูดด้วยเสียงเย็นชา “ในความทรงจำของผม ผมไม่มีแขกอย่างพวกคุณ”
จางเสี้ยวเทียนกวาดสายตามองเฉินเป่ย แล้วพูดด้วยการดูหมิ่น “แขกของเราเป็นบุคคลที่สูงส่งตลอดมา ไม่มีดูเป็นคนจนอะไรแบบนี้! ”
เฉินเป่ยทำสีหน้าที่จับตัวเป็นก้อนเล็กน้อย จางเสี้ยวเทียนมองหน้าพวกเขาเพียงพริบตาเดียว ก็ได้ตัดสิน พวกเขาไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไรแน่นอน
เฉินเป่ยยิ้มอ่อนๆ ส่วนหลีชิงเยียนก็กอดอก “จางเสี้ยวเทียน นี่คุณปฏิบัติกับแขกของคุณแบบนี้หรอ ประจบคนมีฐานะสูงส่งและดูหมิ่นคนต่ำต้อยแบบนี้เลยหรอ? ”
ตอนนี้หลีชิงเยียนเห็นการตอบสนองของจางเสี้ยวเทียน ก็รู้สึกเครียดจนปอดใกล้จะระเบิด……เธอนึกไม่ถึงจริงๆ บริษัทย่อยในเยี่ยนจิง จะตกอยู่ในมือของคนแบบนี้เป็นคนควบคุม!
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งดูแย่ นี่ก็คือผลที่ทำตามของการมีปัญหากันของคณะกรรมการ บริษัทย่อยเยี่ยนจิงขาดทุนทุนสุทธิมาโดยตลอด……เธอไม่ต้องใช้หัวสมองก็สามารถรู้ได้ บริษัทย่อยเยี่ยนจิง ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นเขื่อนยาวที่ใกล้จะพังทลาย!
และจางเสี้ยวเทียน แค่รู้สึกว่าหลีชิงเยียนคุ้นตาเล็กน้อย ทว่าเขาคิดยังไงก็คิดไม่ออกถึงฐานะของหลีชิงเยียน……แม้กระทั่งเขาจะคิดว่าหลีชิงเยียนเป็นดาราสาวในวงการบันเทิง
และเขาดูๆ แล้ว ผู้หญิงที่เกิดมาดูดีขนาดนี้ โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นดาราสาวที่ได้มาง่ายๆ
จางเสี้ยวเทียนเบะปาก เขาเล่นกับดาราสาวมามากแล้ว ต่อให้ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จะมีหน้าตาที่ดูดีกับดาราดังเหล่านั้นที่ทำศัลยกรรมมาไม่น้อย ทว่าในความคิดของเขา ยังไงก็ยังเป็นดาราสาว ก็แค่เป็นคนที่ภายนอกก็แกล้งทำเป็นจริงจังเท่านั้น
จางเสี้ยวเทียนคิดถึงแบบนี้แล้ว ก็มองหลีชิงเยียนพร้อมกับยิ้มอย่างไม่หวาดผวาอะไร “อ่อ…….ผมนึกออกแล้ว คุณไม่ใช่คนนั้น นางเอกเบอร์3ที่กำลังดังในละครใช่ไหม หรือว่าจะเป็นคนสนิทแนะนำมา? วางใจเถอะครับ หนึ่งคืนผมไม่ทำให้คุณเปลืองแรงเท่าไหร่หรอก คุณอยากได้ราคาเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”
จางเสี้ยวเทียนจึงเอ่ยพูดอย่างเสียงดัง สีหน้าเคล้าด้วยความเย็นชาและเย้ยหยัน เขาตั้งใจพูดแบบนี้ ก็เพราะว่าโมโหที่หลีชิงเยียนฝ่าเข้ามาโดยพลการ เขาจะยอมปล่อยหลีชิงเยียนไปง่ายๆ ได้ยังไง!
เลขาที่อยู่ข้างๆ ก็ดันแว่นของตัวเอง แล้วพูดขึ้น “ท่านประธานจางคะ ผมจะไปเรียกรปภ.มาลากตัวพวกเขาออกไป มาคนจรจัดมาแบบนี้ รปภ.พวกนั้นทำงานกันยังไง แม้แต่ผู้หญิงสองคนและคนขอทานหนึ่งคนยังขวางไว้ไม่ได้”
“พวกเขาไม่ใช่แขกหรอ? พวกคุณต้องการบริการแบบไหน? ” จางเสี้ยวเทียนกวาดมองหลีชิงเยียนและเฉินเป่ยเพียงพริบตา แล้วพูดขึ้น “ยังไม่เคยมีใครกล้าทำเสียงโวยแบบนี้กับฉัน พวกคุณถือว่าเป็นใคร! ”
หลีชิงเยียนเครียดจนพูดอะไรไม่ออก…….ตอนนี้เรือนร่างผอมเพรียวของเธอสั่นเทา นัยน์ตาคู่สวยจ้องเฉินเป่ย “จางเสี้ยวเทียน…..ฉันจะกล่าวโทษคุณ! ”
“คุณไม่ได้ว่าดาราคนหนึ่งหรือไง มาที่ผมจะมาคุยธุรกิจอะไรได้ แล้วจะเสแสร้งอะไรอีก ที่ผมไม่มีธุรกิจอะไรที่เหมาะกับดาราสาวหรอก” จางเสี้ยวเทียนหยุดชะงักไป “แต่ก็เหมาะกับการคุยธุรกิจบนเตียงนะ โปรเจคใหญ่หลายแสนล้าน คุณจะเอาไหม? ”
จางเสี้ยวเทียนจ้องมองหลีชิงเยียน นัยน์ตาเร่าร้อน เหมือนดั่งหมาป่าหิวโหยที่กำลังจ้องตาแกะ แล้วพูดอย่างสบายๆ
ใบหน้าของหลีชิงเยียนจับตัวเป็นก้อน ทันทีก็เย็นชาอย่างมาก
ทว่าตอนนี้ ฝ่ามือของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปเร็วกว่าสีหน้าของหลีชิงเยียน ฟาดไปยังจางเสี้ยวเทียน!